แต่ละปี เทคโนโลยีที่จะมีบทบาทโดดเด่น และจะส่งผลกระทบต่อโลกของเรามีหลากหลาย หมุนเวียนกันไป แล้วในปี 2024 แบบนี้ เทคโนโลยีอะไรที่ต้องจับตามองบ้าง?
MIT หรือสถาบันเทคโนโลยีแมตซาชูเซตส์ สถาบันชั้นนำระดับโลกด้านเทคโนโลยี ที่มีศิษย์เก่าเป็น โคฟี่ อันนัน, Buzz Aldrin, Richard Feynman, ทิม พิธา, ชัชชาติ ฯลฯ ได้รวบรวม 10 เทคโนโลยีที่จะส่งผลกระทบต่อโลกในปี 2024 จะมีอะไรบ้าง มาดูกันครับ
1) อะไรๆ ก็ AI
เราเห็นกันมาตั้งแต่ปีก่อนแล้วว่า หลายบริษัทระดับโลกออกมาเดินเกม AI โดยเฉพาะ GenAI กันอย่างเต็มที่ ทั้ง Microsoft, Google, Meta, IBM และอื่นๆ ส่วนบริษัทในบ้านเราก็ทยอยตบเท้านำ AI มาใช้กับบริษัทตัวเองแล้ว ทั้งสายการเงิน บริการลูกค้า หรือนำมาใช้กับการทำงาน Office Task ต่างๆ จะเปลี่ยนโฉมหน้าไปอย่างไร ปีนี้คงได้เห็นกันมากขึ้น
2) โซลาร์เซลส์ประสิทธิภาพสูง
แม้โซลาร์เซลส์จะไม่ใช่เรื่องใหม่ และถูกใช้มาเป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว แต่ด้วยโลกที่กำลังจะมุ่งสู่ Net Zero ลดใช้ถ่านหิน เพิ่มการใช้งานพลังงานสะอาด
แต่พลังงานทางเลือกเหล่านี้ ยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะเป็นแหล่งพลังงานหลัก โดยเฉพาะในประเทศไทย โซลาร์เซลส์เจเนอเรชั่นใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น จึงจะกลายมาเป็นจุดสนใจ และเป็นเทคโนโลยีที่จะช่วยเร่งให้โลกนี้เข้าสู่เป้า Net Zero ได้เร็วมากยิ่งขึ้น
3) Apple Vision Pro
19 มกราคมที่ผ่านมา Apple เปิดให้สาวกพรีออเดอร์ ‘Vision Pro’ แว่นแห่งอนาคตแล้วในสหรัฐ อันที่จริง แว่น VR ที่เราเข้าไปอยู่ในโลกเสมือน แว่น AR ที่เอาโลกเสมือนมาซ้อนทับโลกเราแบบ Pokemon Go หรือ ผสมกันเป็น Mixed Reality หรือ MR แบบเจ้า Vision Pro ตัวนี้
แต่เมื่อ Apple หยิบจับอะไร ก็มีโอกาสที่จะปฏิวัติวงการ โดยเฉพาะเมื่อ Apple Vision Pro มาพร้อมกับจอสุดคมชัด และการควบคุมที่แสนง่ายด้วยปลายนิ้ว พร้อมเชื่อมต่อสารพัดอุปกรณ์ใน Ecosystem ของ Apple รอชมกันหลัง 2 ก.พ. ว่าลูกค้ากลุ่มแรกที่ได้สัมผัสกับ Vision Pro จะมีเสียงตอบรับอย่างไร และเมื่อมีแอปมาลงใน Vision Pro มากขึ้น จะปฏิวัติวงการเทคโนโลยีไปอย่างไร
4) ยาลดความอ้วน
WHO หรือ องค์กรอนามัยโลกได้ออกมาประกาศว่า ‘โรคอ้วนเป็นโรคระบาด’ ที่ส่งผลต่อสุขภาพของคนทั่วโลก ซึ่งโลกอ้วนเป็นประตูที่จะเปิดต้อนรับสารพัดโรคเข้ามาทั้ง เบาหวานความดัน. ไขมัน เส้นเลือดอุดตัน. ปวดข้อ ปวดเข่า.
ซึ่งในวงการการแพทย์ตอนนี้ ก็มียาเช่น Mounjaro และ Wegovy ที่ถูกนำมาใช้ต่อสู้กับโรคอ้วนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการเข้ามาจัดการกับความอยากอาหาร น้ำตาลในเลือด และฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการควบคุมระดับน้ำตาล ซึ่งยากลุ่มนี้มีหลักฐานว่า สามารถช่วยป้องกันโรคหัวใจ อาการหัวใจวายได้ด้วย
5) พลังงานความร้อนใต้พิภพ
ถ้าใครจำได้ภาพนี้ได้ โครงสร้างของโลกของเรานั้นมีแกนกลางเป็นโลหะร้อนที่มีอุณหภูมิถึง 6000 องศาเซลเซียส และมีแก่นโลกชั้นนอกเป็นโลหะหลอมเหลวอุณหภูมิ 4,000 องศาเซลเซียส
‘พลังงานความร้อนใต้พิภพ’ เป็นสิ่งที่อยู่กับโลกเรามานาน แต่มนุษย์ยังขาดเทคโนโลยีที่จะขุด หรือดึงศักยภาพเหล่านั้นออกมา แต่ด้วยพัฒนาการของเทคโนโลยีการขุดเจาะ พลังงานความร้อนใต้พิภพก็กำลังจะมาเป็นอีกตัวเลือกพลังงานสะอาดให้กับเราในเวลาอันใกล้นี้แล้ว
6) Chiplets
ในพื้นที่จำกัด อย่างเช่น ในโทรศัพท์มือถือ หรือคอมพิวเตอร์ หากต้องการใช้ชิป ถือเป็นสมองของคอมพิวเตอร์เก่งขึ้น โดยใช้พื้นที่เท่าเดิม แสดงว่าทุกอย่างจะต้องถูกย่อส่วนลง
ทำให้ชิปรุ่นใหม่ๆ ที่ออกมามีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ อย่างเช่น ชิป 5-nm, 3-nm ซึ่งหนึ่งในวิธีการทำให้ชิปเล็กลงได้ คือ ทำให้เป็น ‘Chiplets’ ซึ่งแต่ละ Chiplet จะดูแลฟังก์ชั่นต่างๆ ก่อนที่จะนำมาเชื่อมต่อและทำงานร่วมกัน เหมือนที่ชิปทั่วไปใช้ มีประสิทธิภาพเทียบเท่า หรือมากกว่า
7) การรักษาโรคด้วยการตัดต่อพันธุกรรม
เมื่อช่วงปลายปี 2023 ที่ผ่านมาอย. ของสหรัฐ และสหราชอาณาจักรได้อนุมัติการรักษาโรคโลหิตจางจากเม็ดเลือดแดงรูปเคียว (Sickle-cell disease) ด้วยเทคโนโลยีการตัดต่อพันธุกรรม ‘CRISPR’ หลังจากที่เทคโนโลยีนี้ได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องหลายสิบปี นับเป็นหมุดหมายสำคัญของการรักษาด้วยกระบวนการยีนบำบัด ปลดล็อคการรักษาโรคที่ก่อนหน้านี้ยังไม่สามารถทำได้ แต่ก็ต้องกระทำภายใต้จริยธรรมอันเข้มงวด
8) คอมพิวเตอร์กำลังประมวลผลระดับ ‘Exascale’
คอมพิวเตอร์ PC หรือ แล็บท็อปที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้มีกำลังประมวลผลอยู่ที่ GigaFLOPS (1 พันล้านชุดคำสั่งต่อวินาที) ไปจนถึง 1 TeraFLOPS (1 ล้านล้านชุดคำสั่งต่อวินาที) แต่ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่เก่งที่สุดตอนนี้สามารถประมวลได้มากถึง 1 ExaFLOPS (1 ล้านล้านล้านชุดคำสั่งต่อวินาที) เก่งกว่าคอมพิวเตอร์ที่เราใช้อยู่ถึง ‘1 ล้านเท่า’ ซึ่งกำลังการประมวลผลอันมหาศาลนี้จะทำให้นักวิทยาศาสตร์สามารถคำนวณและสร้างแบบจำลองภูมิอากาศ, ปฏิกิริยา Nuclear Fission และกระแสอากาศปั่นป่วน (Turbulence) ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในด้านการก่อสร้าง อุตุนิยมวิทยา พลังงาน ฯลฯ
9) ปั๊มความร้อน(Heat Pumps)
ในประเทศเมืองร้อนอย่างบ้านเรา ต้องใช้เครื่องปรับอากาศ (แอร์) ในการช่วยลดอุณหภูมิ ในประเทศเมืองหนาวต้องใช้ฮีตเตอร์ ช่วยเพิ่มอุณหภูมิ ซึ่งเทคโนโลยี Heat Pump หรือปั๊มความร้อนนั้น มีหน้าตาคล้ายกับ คอมเพรสเซอร์ของแอร์ ที่บ้านเรานิยมใช้กัน ซึ่งระบบ Heat Pump จะดีกว่าทั้งแอร์ และฮีตเตอร์ตรงที่สามารถดึงทั้งอากาศอุ่นเข้าสู่บ้านในหน้าหนาว และดึงอากาศเย็นเข้าสู่บ้านในหน้าร้อน โดยอาศัยการถ่ายเทความร้อนเข้าและออกจากอากาศที่จะเข้าตัวบ้าน ช่วยลดอันตรายจากระบบทำความร้อนแบบเก่าที่ใช้แก๊ส และช่วยให้อุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศปล่อยคาร์บอนน้อยลง
10) ปิดจ๊อบ ‘Twitter’
หลังมหาเศรษฐี ‘Elon Musk’ เข้าเทคโอเวอร์ Twitter ในปี 2022 และเปลี่ยนชื่อเป็น X สิ่งต่างๆ ที่ใน Twitter ก็เปลี่ยนไป ทั้งไล่คน ขายตึก ปรับโฉมแพลตฟอร์ม จนสร้างความหวั่นเกรงให้ทั้งนักโฆษณา แบรนด์ และผู้ใช้เอง และในจังหวะที่ฝุ่นกำลังตลบเช่นนี้ ก็อาจเปิดช่องว่างให้คู่แข่งเจ้าใหม่ๆ อย่าง ‘Threads’ ของ Meta หรือ Bluesky ที่มีผู้ร่วมก่อตั้ง Twitter อย่าง Jack Dorsey นั่งเป็นบอร์ด เข้ามาแย่งลูกค้าไปได้
ในโลกที่เทคโนโลยีรุดหน้าไปทุกวัน คนทำงาน ผู้ประกอบการ เจ้าของธุรกิจพึงอัพเดตเทรนด์เทคโนโลยีให้นำหน้าคู่แข่งอยู่เสมอ เพื่อสร้างแต้มต่อและโอกาสทางธุรกิจในจังหวะที่คนอื่นยังมองไม่เห็น