ธุรกิจการตลาด

Apple รายได้ลดต่อเนื่องใน Q3 ยอดขาย iPhone-iPad ตกฮวบ แต่กำไรขึ้นเพราะรายได้จากบริการ

4 ส.ค. 66
Apple รายได้ลดต่อเนื่องใน Q3 ยอดขาย iPhone-iPad ตกฮวบ แต่กำไรขึ้นเพราะรายได้จากบริการ
Apple รายได้ตกเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกันในไตรมาสล่าสุด พบแรงฉุดจากยอดขายอุปกรณ์เช่น iPhone และ iPad ที่ตกฮวบ แต่ยังเห็นกำไรขึ้นได้ 2.3% จากรายได้จากบริการต่างๆ ที่เพิ่มขึ้น
 
จากรายงานผลประกอบการที่ Apple ได้เปิดเผยในวันนี้ (4 ส.ค.) รายได้ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2023 ลดลง 1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า อยู่ที่ 8.18 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2.84 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น
 
1. รายได้จาก iPhone 3.96 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.37 ล้านล้านบาท ลดลง 2% จากปีก่อนหน้า
2. รายได้จาก Mac 6.84 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2.37 แสนล้านบาท ลดลง 7% จากปีก่อนหน้า
3. รายได้จาก iPad 5.79 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2 แสนล้านบาท ลดลง 20% จากปีก่อนหน้า
4. รายได้จากสินค้าอื่นๆ เช่น Apple Watch 8.28 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2.87 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 2% จากปีก่อนหน้า
5. รายได้จากบริการต่างๆ 2.12 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 7.37 แสนล้านบาท เพิ่ม 8% จากปีก่อนหน้า
 
จะเห็นได้ว่า ยอดขายสินค้าที่เป็นอุปกรณ์ต่างๆ ของ Apple มีแนวโน้มลดลงทั้งหมด ยกเว้นรายได้จากบริการ ทั้ง Apple TV, Apple Music, Apple Pay, AppleCare+ และการขายโฆษณา สะท้อนว่า Apple ค่อนข้างประสบความสำเร็จในการจูงใจฐานลูกค้าที่มีอยู่ให้เข้ามาใช้บริการอื่นๆ ของ Apple ด้วย
 
จากคำแถลงของ Tim Cook ซีอีโอของ Apple ระบุว่า ปัจจุบัน Apple มีจำนวน subscribers ที่จ่ายเงินเพื่อซื้อบริการทั้งหมดถึง 1 พันล้านคน ทั่วโลก และเพิ่มขึ้นมาเกือบ 1 เท่าตัวจาก 3 ปีที่แล้ว
 

ทำไม iPad และ iPhone จึงยอดขายตก?

Tim Cook ได้ให้คำอธิบายในงานแถลงข่าวว่า 3 ปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้ยอดขายของ iPhone ตก คือ
 
1. ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็ง ทำให้ราคาสินค้าสูงขึ้น
2. ปัญหาการผลิต iPhone 14 Pro และ 14 Pro Max ในจีน ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องมาจากนโยบาย Zero-Covid ของจีนและการประท้วง
3. สภาพเศรษฐกิจและภาวะเงินเฟ้อที่ทำให้คนใช้จ่ายกับสินค้าฟุ่มเฟือยน้อยลง
 
นี่ทำให้ Apple มีแผนจริงจังที่จะกระจายฐานผลิตไปยังประเทศอื่นๆ เพื่อกระจายความเสี่ยงออกมาจากจีน และจากรายงานที่ผ่านมา หนึ่งในนั้นก็น่าจะเป็น ‘อินเดีย’ โดย Apple เพิ่งไปเปิดสโตรอย่างเป็นทางการในเดือนเมษายนที่ผ่านมา เพื่อเริ่มตีตลาดพรีเมียมในประเทศอย่างจริงจัง และ ‘เวียดนาม’ ที่มีรายงานว่าได้เริ่มการผลิตสินค้าบางส่วนแล้ว
 
สำหรับ iPad ที่ยอดขายตกลงสูงสุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ทั้งหมด CNBC วิเคราะห์ว่า อาจเป็นเพราะในตอนนี้ iPad กำลังอยู่ในช่วงพัฒนาและเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยี ทำให้ iPad รุ่นใหม่ๆ ที่ออกมาไม่ได้มีฟีเจอร์ หรือคุณสมบัติใหม่ว้าวๆ อะไรที่จะทำให้คนยอมจ่ายเงินเพิ่มเพื่อซื้อ iPad เครื่องใหม่ได้ เพราะฟีเจอร์ที่ต้องการเครื่องเก่าก็มีครบหมดแล้ว และรออีกไม่นานก็จะมีผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ที่ระบบภายในอาจถูกอัพเกรดอย่างก้าวกระโดดออกมา
 
เรียกได้ว่า ถึงแม้สาวกส่วนมากจะต้องการใช้ผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ที่สุด แต่ถ้าผลิตภัณฑ์ที่ปล่อยออกมาทุกปีไม่มีอะไรแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ในสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ผู้บริโภคก็คงเลือกประหยัดเงินแล้วใช้เครื่องเก่าที่ยังดีไปมากกว่าจะไปซื้อของใหม่ที่ราคาแพงขึ้น
 

คาดรายได้ลดต่อใน ก.ย. แต่ยอดขาย iPhone น่าจะขึ้น

Luca Maestri CFO คาดการณ์ว่า ยอดขายในไตรมาสต่อไปของ Apple น่าจะลดลงในอัตราเดียวกับไตรมาสปัจจุบัน คือ ประมาณ 1% และยอดขาย iPad และ Mac น่าจะลดลงในระดับสองหลัก ถ้าหากสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของโลกไม่เลวร้ายลงไปมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
 
ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนน่าจะเป็นปัจจัยที่กดดันรายได้ของ Apple ไปอย่างต่อเนื่อง ทำให้รายได้ปีต่อปีในปี 2023 เทียบกับ 2022 ลดลงเกิน 2% ขึ้นไป
 
อย่างไรก็ตาม Luca ยังคาดอีกว่า ยอดขาย iPhone รวมไปถึงรายได้จากบริการต่างๆ น่าจะดีขึ้นในไตรมาสต่อไป เพราะจากสถิติที่ผ่านมา ไตรมาสเดือนกรกฎาคมจะเป็นไตรมาสที่ Apple ทำรายได้ได้ต่ำสุดเป็นประจำ แต่ไตรมาสสุดท้าย รายได้โดยเฉพาะจากยอดขาย iPhone จะเพิ่มขึ้นเพราะมีการปล่อยโมเดลใหม่
 
 
อ้างอิง: CNBC, Apple 

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT