ความยั่งยืน

สาหร่ายญี่ปุ่นลดลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ อาจส่งผลกระทบต่อราคาและอุตสาหกรรมอาหารโลก

10 มิ.ย. 67
สาหร่ายญี่ปุ่นลดลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ อาจส่งผลกระทบต่อราคาและอุตสาหกรรมอาหารโลก

อาหารญี่ปุ่นได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลก แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา วัตถุดิบสำคัญอย่างสาหร่ายกลับประสบปัญหาผลผลิตตกต่ำอย่างหนัก ทั้งสาหร่ายวากาเมะ (Wakame), โนริ (Nori), และคอมบุ (Kombu) ต่างได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่แปรปรวนและอุณหภูมิของน้ำทะเลที่สูงขึ้น ส่งผลให้ราคาสาหร่ายพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ และสร้างความกังวลให้กับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารทั่วโลก

สาหร่ายญี่ปุ่นลดลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ อาจส่งผลกระทบต่อราคาและอุตสาหกรรมอาหารโลกพุ่ง

สาหร่ายญี่ปุ่นลดลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ อาจส่งผลกระทบต่อราคาและอุตสาหกรรมอาหารโลกพุ่ง

เนื่องจากผลผลิตสาหร่ายของญี่ปุ่นลดลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ท่ามกลางความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากความนิยมอาหารญี่ปุ่นทั่วโลกที่สูงขึ้น ส่งผลให้ราคาสาหร่ายพุ่งสูงขึ้น และสร้างแรงกดดันต่อครัวเรือนและผู้ประกอบการร้านอาหาร ภูมิภาคชายฝั่งซันริกุ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตสาหร่ายวากาเมะ (wakame) ที่สำคัญของญี่ปุ่น และมีสัดส่วนผลผลิตมากกว่า 70% ของประเทศ

พบว่า ปริมาณผลผลิตในปีนี้ลดลงต่ำที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกสถิติในปี 1977 โดยปริมาณผลผลิตในจังหวัดอิวาเตะและมิยางิลดลง 30% เหลือเพียง 14,000 ตัน โดยเฉพาะในจังหวัดมิยางิที่ผลผลิตลดลงถึงครึ่งหนึ่ง

สาเหตุสำคัญของผลผลิตลดลง มาจากพายุรุนแรงหลายลูกที่เกิดขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่เดือนมกราคมถึงมีนาคม ซึ่งเป็นช่วงที่สาหร่ายวากาเมะกำลังเติบโต ส่งผลให้เกิดคลื่นสูงและกระแสน้ำที่รุนแรง สร้างความเสียหายต่อต้นอ่อนสาหร่ายและสภาพแวดล้อมทางทะเล

นอกจากนี้ อุณหภูมิของน้ำทะเลที่สูงขึ้นตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วง ยังส่งผลให้เกษตรกรต้องชะลอการเพาะปลูกออกไป ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ผลผลิตสาหร่ายลดลงในปีนี้ สำหรับสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อราคาสาหร่ายที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก ซึ่งอาจส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่ออุตสาหกรรมอาหารและร้านอาหารญี่ปุ่นทั่วโลก เนื่องจากสาหร่ายเป็นวัตถุดิบสำคัญในอาหารญี่ปุ่นหลายชนิด

ภาวะขาดแคลนสาหร่ายญี่ปุ่นอาจส่งผลกระทบต่อราคาและอุตสาหกรรมอาหารทั่วโลก

สาหร่ายญี่ปุ่นลดลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ อาจส่งผลกระทบต่อราคาและอุตสาหกรรมอาหารโลกพุ่ง

ด้านสหกรณ์ประมงแห่งชาติ JF Zengyoren รายงานว่า ราคาเฉลี่ยของสาหร่ายวากาเมะต้มอยู่ที่ 2,479 เยน (ประมาณ 580 บาท) ต่อกิโลกรัม ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 54% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ในขณะที่ราคาเฉลี่ยของสาหร่ายวากาเมะทั้งแบบแห้งและแบบดิบก็เพิ่มขึ้น 48% ซึ่งถือว่าสูงที่สุดตั้งแต่มีการบันทึกสถิติในปี 1977 สำหรับผลกระทบจากภาวะขาดแคลนและราคาที่สูงขึ้นนี้ ทำให้ Riken Vitamin บริษัทผู้ผลิตสาหร่ายรายใหญ่ ต้องประกาศขึ้นราคาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับสาหร่ายวากาเมะถึง 5 รายการ โดยมีผลตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป โดยราคาจะเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 18.5%

ไม่เพียงแต่สาหร่ายวากาเมะเท่านั้น สาหร่ายนำเข้าที่ใช้ในบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและเครื่องปรุงรสข้าวก็มีราคาเพิ่มขึ้นเช่นกัน เนื่องจากค่าเงินเยนที่อ่อนตัวลง สถิติการค้าแสดงให้เห็นว่าราคาสาหร่ายแห้งจากจีนในช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคมเพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ขณะที่สาหร่ายแช่แข็งจากเกาหลีใต้และจีนเพิ่มขึ้นถึง 15%

สาหร่ายโนริ ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของซูชิและข้าวปั้นก็ประสบปัญหาผลผลิตต่ำติดต่อกันเป็นเวลา 2 ปี อุณหภูมิของน้ำทะเลที่สูงและปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬในทะเลอาริอาเกะ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตสาหร่ายที่สำคัญบริเวณเกาะคิวชู ทำให้สาหร่ายไม่สามารถเติบโตได้ตามปกติ สำหรับผลผลิตสาหร่ายโนริในปีนี้อยู่ที่ 4.9 พันล้านแผ่น ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับปีที่แล้ว และถือว่าเป็นผลผลิตที่ต่ำที่สุดในรอบ 50 ปี ไม่เพียงพอต่อความต้องการในประเทศที่อยู่ที่ 7.5-8 พันล้านแผ่นต่อปี

เจ้าของร้านซูชิในโตเกียวกล่าวว่า "ในปี 2023 คุณยังพอหาซื้อสาหร่ายคุณภาพดีได้ถ้ามีเงิน แต่ในปีนี้ต่อให้มีเงินก็ไม่มีสาหร่ายให้ซื้อ" ความต้องการอาหารทะเลและสาหร่ายของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นและความนิยมอาหารญี่ปุ่นในต่างประเทศ แต่ปัญหาคือ "ปลาทุกชนิดมีปริมาณลดลงอย่างมาก" Ryohei Hayashi เจ้าของร้านอาหาร Tenoshima ในโตเกียวกล่าว "ผมกังวลเป็นพิเศษเกี่ยวกับปริมาณสาหร่ายคอมบุ ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในการทำน้ำซุปดาชิ"

วิกฤตการณ์สาหร่ายในญี่ปุ่นทวีความรุนแรง สาหร่ายคอมบุ (Kombu) ผลผลิตลดลง ราคาพุ่งสูง

สาหร่ายญี่ปุ่นลดลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ อาจส่งผลกระทบต่อราคาและอุตสาหกรรมอาหารโลก

สถานการณ์การขาดแคลนสาหร่ายในญี่ปุ่นทวีความรุนแรงขึ้น โดยไม่เพียงแต่สาหร่ายวากาเมะ (Wakame) และโนริ (Nori) เท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ แต่สาหร่ายคอมบุ (Kombu) ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการทำน้ำซุปดาชิ ก็ประสบปัญหาผลผลิตตกต่ำเช่นกัน

แม้ว่าผลผลิตสาหร่ายคอมบุในฮอกไกโด ซึ่งเป็นแหล่งผลิตหลัก จะเพิ่มขึ้น 12% เป็น 12,245 ตันในปีงบประมาณ 2023 นับเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี แต่ตัวเลขนี้ยังคงต่ำเป็นอันดับสองในประวัติการณ์ ในขณะเดียวกัน ราคาสาหร่ายคอมบุได้ปรับตัวสูงขึ้น 5% แตะระดับ 1,620 เยน (ประมาณ 380 บาท) ต่อกิโลกรัม ใกล้เคียงกับสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์

สหพันธ์สหกรณ์ประมงแห่งฮอกไกโดระบุว่า ความต้องการน้ำซุปดาชิที่ฟื้นตัวหลังจากการระบาดของโควิด-19 เป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันราคาสาหร่ายคอมบุให้สูงขึ้น

การสำรวจเบื้องต้นในปีนี้พบว่ามีหลายพื้นที่ในฮอกไกโดที่สาหร่ายคอมบุไม่สามารถเติบโตได้ เนื่องจากอุณหภูมิของน้ำทะเลที่สูงขึ้น หรือต้นอ่อนสาหร่ายถูกทำลายโดยน้ำแข็งในช่วงปลายเดือนมีนาคม ซึ่งโดยปกติแล้ว การเก็บเกี่ยวสาหร่ายคอมบุในฮอกไกโดจะอยู่ในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน

Daisuke Fujita ประธานสมาคมสาหร่ายแห่งญี่ปุ่น ชี้ว่า อุณหภูมิของน้ำทะเลที่สูงขึ้นเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผลผลิตสาหร่ายลดลง เนื่องจากสาหร่ายมีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมมากกว่าปลา นอกจากนี้ อุณหภูมิที่สูงยังส่งผลให้สาหร่ายขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโต และมีความเสี่ยงต่อการถูกทำลายโดยปลามากขึ้น

Fujita กล่าวว่า “ถึงแม้สาหร่ายจะเป็นพืชที่ดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากน้ำทะเลและเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของปลาและหอย แต่ก็มีความเปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางทะเล เราจำเป็นต้องเร่งพัฒนาวิธีการเพาะปลูกที่สามารถปรับตัวเข้ากับอุณหภูมิที่สูงขึ้น หรือแม้กระทั่งการเพาะเลี้ยงสาหร่ายบนบก เพื่อรับมือกับความท้าทายนี้”

วิกฤตการณ์สาหร่ายในญี่ปุ่นกำลังส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่ออุตสาหกรรมอาหารทั่วโลก สาหร่ายเป็นวัตถุดิบสำคัญในอาหารหลากหลายประเภท และเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมอาหารญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ภาวะขาดแคลนและราคาที่สูงขึ้นของสาหร่ายอาจส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อผู้บริโภคและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารทั่วโลก

ที่มา nikkeiasia

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT