
หลังเกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.5 ทางตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่นเมื่อวันจันทร์ที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา ทางการญี่ปุ่นก็ออกมาเตือนอีกครั้ง ถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิด “แผ่นดินไหวใหญ่” (Megaquake) ในอนาคต
แนวคิดแผ่นดินไหวใหญ่ที่ว่านี้หมายความว่า ญี่ปุ่นอาจจะต้องเผชิญกับแผ่นดินครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 100 ปีเลยทีเดียว
ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา คณะกรรมการตรวจสอบแผ่นดินไหวของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า มีโอกาสราว 60-90% ที่จะเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ในแอ่งนันไค ภายในระยะเวลา 30 ปีถัดจากนี้ โดยแอ่งนันไคเป็นร่องน้ำลึกรูปตัว U ใต้ทะเลทางตอนใต้ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เกิดการมุดตัวของแผ่นเปลือกโลกฟิลิปปินส์ใต้แผ่นยูเรเซีย และเป็นแหล่งที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิด แผ่นดินไหวขนาดใหญ่และคลื่นยักษ์สึนามิที่รุนแรงเป็นประจำ
ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทางการเคยเตือนว่า แผ่นดินไหวใหญ่มีโอกาสทำให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิความสูงกว่า 20 เมตรได้ ซึ่งอาจจะซัดเข้าบางพื้นที่ของโตเกียว และจังหวัดอื่น ๆ เจ้าหน้าที่ยังคาดการณ์ว่า ภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นนั้น อาจคร่าชีวิตผู้คนราว 3 แสนราย และสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจคิดเป็นมูลค่าถึงหลายล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นออกประกาศเตือนประชาชนใน 7 จังหวัด ตั้งแต่ฮอกไกโดทางตอนเหนือไปจนถึงจังหวัดชิบะในภูมิภาคคันโต ให้เฝ้าระวังอย่างสูงต่อความเป็นไปได้ของแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ในช่วงนี้ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีประชาชนอาศัยอยู่หลายล้านคนและถือเป็นเขตเสี่ยงสำคัญ
เจ้าหน้าที่รัฐบาลเปิดเผยว่า ขณะนี้มีความเป็นไปได้ที่อาจเกิด “แผ่นดินไหวขนาดใหญ่ระดับแมกนิจูด 8 ขึ้นไป” ตามมาในฐานะอาฟเตอร์ช็อกของเหตุการณ์ล่าสุด แม้จะยังไม่สามารถระบุเวลาหรือความแน่นอนได้ก็ตาม
ทางการยังขอให้ประชาชนในพื้นที่ตรวจสอบเส้นทางอพยพ, ยึดเฟอร์นิเจอร์ให้มั่นคง, และเตรียมชุดยังชีพฉุกเฉิน เช่น อาหาร น้ำดื่ม และห้องน้ำพกพา แม้ว่าจะยังไม่มีคำสั่งอพยพ ออกมาอย่างเป็นทางการในขณะนี้
ด้านผู้อำนวยการฝ่ายบริหารจัดการภัยพิบัติของญี่ปุ่นระบุในการแถลงข่าวว่า ข้อมูลแผ่นดินไหวจากทั่วโลกบ่งชี้เพียงว่า “มีความเป็นไปได้” ไม่ใช่ “การคาดการณ์ล่วงหน้า” ว่าจะเกิดแรงสั่นสะเทือนที่รุนแรงกว่าเดิม
เจ้าหน้าที่เสริมว่า โอกาสการเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่กว่านี้อยู่ที่ประมาณ 1 ใน 100 ในช่วงเวลานี้