อินไซต์เศรษฐกิจ

'เศรษฐา' ลั่น! พลิกโฉมไทยสู่ผู้นำพลังงานสะอาดดึงGoogle-Microsoft ลงทุน

27 พ.ค. 67
'เศรษฐา' ลั่น! พลิกโฉมไทยสู่ผู้นำพลังงานสะอาดดึงGoogle-Microsoft ลงทุน

นายกรัฐมนตรีเผยวิสัยทัศน์ระดับโลกที่ก้าวไกลในการผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นผู้นำด้านพลังงานสะอาดในภูมิภาค พร้อมทั้งแผนการดึงดูดการลงทุนจากบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกอย่าง Google และ Microsoft นอกจากนี้ ยังจะได้เห็นถึงความมุ่งมั่นของธนาคารกสิกรไทย ในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ Net Zero ผ่านการสนับสนุนทางการเงินแก่ธุรกิจสีเขียวและการพัฒนาผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่ตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจทุกขนาด เรื่องราวทั้งหมดนี้จะทำให้คุณเห็นภาพอนาคตที่สดใสของประเทศไทยในการก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านพลังงานสะอาดและการพัฒนาอย่างยั่งยืน

'เศรษฐา' ลั่น! พลิกโฉมไทยสู่ผู้นำพลังงานสะอาด
ดึง Google-Microsoft ลงทุน

พลิกโฉมไทยสู่ผู้นำพลังงานสะอาด นายกฯ ชูวิสัยทัศน์ดึง Google-Microsoft ลงทุน พร้อมเปิดแผนกสิกรไทยสู่ Net Zero!

เมื่อเร็วๆนี้ นายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานได้กล่าวปาฐกถาพิเศษ ณ งาน EARTH JUMP 2024: The Edge of Action นายกรัฐมนตรีได้แสดงวิสัยทัศน์อันกว้างไกลเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาโลกร้อนและการส่งเสริมการลงทุนในพลังงานสะอาด โดยท่านได้แบ่งปันประสบการณ์ตรงจากการเดินทางเยือนนานาประเทศ เพื่อเชิญชวนนักลงทุนให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดนักลงทุนมี 3 ประการหลัก ได้แก่ สิทธิประโยชน์ที่เอื้อต่อการลงทุน ความเป็นกลางทางอำนาจที่สร้างความเชื่อมั่น และที่สำคัญที่สุดคือ โอกาสในการลงทุนในพลังงานสะอาด ซึ่งเป็นเทรนด์ของโลกในปัจจุบัน

นายกรัฐมนตรีได้แสดงความมั่นใจในศักยภาพของประเทศไทย ที่มีความพร้อมในการแข่งขันกับนานาประเทศ ไม่ว่าจะเป็นด้านคุณภาพชีวิตที่ดี ค่าครองชีพที่ไม่สูง และกฎหมายที่เอื้อต่อการลงทุน โดยนายเศรษฐา ได้เผยแผนดึง Google และ Microsoft ตั้งฐานผลิตในไทย พร้อมชูจุดเด่นพลังงานสะอาดสู้สิงคโปร์ ให้มาตั้งฐานการผลิตในประเทศไทย โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของพลังงานสะอาด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจ โดยยกตัวอย่างประเทศฝรั่งเศสที่ใช้พลังงานนิวเคลียร์เป็นหลัก แม้จะเป็นประเด็นที่อ่อนไหว แต่ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจในการลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิล

นอกจากนี้ ยังได้ยกตัวอย่างความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการพัฒนาพลังงานสะอาด เช่น การหารือกับนายกรัฐมนตรีแห่ง สปป.ลาว ในการซื้อขายพลังงานไฟฟ้าจากเขื่อน ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานสะอาดที่สำคัญของลาว หรือการหารือกับสิงคโปร์เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการใช้โครงข่ายสายส่งไฟฟ้าของไทย เพื่อส่งพลังงานสะอาดไปยังสิงคโปร์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างความร่วมมือระดับภูมิภาคเพื่อพัฒนาพลังงานสะอาดร่วมกัน และนายกรัฐมนตรียังได้แสดงความสนใจในการศึกษาพลังงานนิวเคลียร์ ซึ่งเป็นพลังงานสะอาดที่มีศักยภาพสูง โดยยกตัวอย่างประเทศฝรั่งเศสที่ประสบความสำเร็จในการใช้พลังงานนิวเคลียร์ ซึ่งเป็นสัดส่วนสูงถึง 90% ของการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการแสวงหาพลังงานทางเลือกใหม่ๆ เพื่อลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิลและแก้ไขปัญหาโลกร้อนอย่างยั่งยืน

พร้อมพัฒนาประเทศไทยสู่ความยั่งยื่น

พลิกโฉมไทยสู่ผู้นำพลังงานสะอาด นายกฯ ชูวิสัยทัศน์ดึง Google-Microsoft ลงทุน พร้อมเปิดแผนกสิกรไทยสู่ Net Zero!

นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวถึง การลงพื้นที่ต่างจังหวัดเพื่อติดตามปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคุณภาพชีวิตของประชาชน ปัญหาฝุ่นควัน และการส่งเสริมการทำเกษตรอย่างยั่งยืน โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการให้ความรู้แก่เกษตรกรในการลดการเผา และการปรับเปลี่ยนวิธีการทำเกษตรเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยนายกได้ยกตัวอย่างประเทศนิวซีแลนด์ที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาสายพันธุ์วัวที่มีการปล่อยก๊าซมีเทนต่ำ และกล่าวว่าประเทศไทยก็ควรพัฒนาในเรื่องนี้เช่นกัน

นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการให้ความรู้แก่เกษตรกร เกี่ยวกับวิธีการทำเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การลดการใช้ปุ๋ยเคมี การปลูกพืชคลุมดิน การทำปุ๋ยหมักจากเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนในภาคเกษตรกรรม ซึ่งเป็นภาคส่วนสำคัญของเศรษฐกิจไทย

นายกรัฐมนตรีกระตุ้นภาคการเงินและเอกชนร่วมขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสะอาดของไทย

พลิกโฉมไทยสู่ผู้นำพลังงานสะอาด นายกฯ ชูวิสัยทัศน์ดึง Google-Microsoft ลงทุน พร้อมเปิดแผนกสิกรไทยสู่ Net Zero!

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังเรียกร้องให้สถาบันการเงินเอกชนให้การสนับสนุนทางการเงินแก่บริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านพลังงานสะอาด เช่น โซลาร์รูฟ และยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งรัฐบาลกำลังผลักดันอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีแผนออกหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืน ซึ่งเป็นตราสารหนี้รูปแบบใหม่ในกลุ่มตราสารหนี้สีเขียว เพื่อระดมทุนในการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยนายกรัฐมนตรียอมรับว่า การระดมทุนในประเทศยังไม่เพียงพอ จึงจำเป็นต้องอาศัยตลาดทุน โดยได้หารือกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เกี่ยวกับการส่งเสริมให้บริษัทที่ดำเนินธุรกิจสีเขียวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน และเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของตลาดทุนในการขับเคลื่อนการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

นายกรัฐมนตรีแสดงความเชื่อมั่นว่า ภายในปี 2040 หรืออีก 15 ปีข้างหน้า สัดส่วนการใช้พลังงานสะอาดในประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นเป็น 50% แม้ว่าปัจจุบันจะมีการใช้พลังงานสะอาดอยู่บ้าง แต่ยังไม่เพียงพอ โดยไทยมีศักยภาพในการผลิตพลังงานสะอาดจากแหล่งต่างๆ เช่น เขื่อน ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่สำคัญ แม้ว่าพลังงานนิวเคลียร์ยังไม่สามารถนำมาใช้ได้ในขณะนี้ แต่ก็ยังมีแหล่งพลังงานสะอาดอื่นๆ ที่สามารถนำมาใช้ได้อย่างเพียงพอ นายกรัฐมนตรีเชื่อว่าบริษัทขนาดใหญ่มีความเข้าใจถึงความสำคัญของการใช้พลังงานสะอาด แต่ความท้าทายอยู่ที่การปรับปรุงซัพพลายเชนให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หากไม่สามารถดึงดูดบริษัทขนาดใหญ่ให้เข้ามามีส่วนร่วมในปรัชญาเดียวกันได้ อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าและการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ

ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีฝากถึงผู้ประกอบการให้ตระหนักถึงความสำคัญของการใช้พลังงานสะอาด และหวังว่าองค์กรอื่นๆ จะนำแนวทางนี้ไปปฏิบัติต่อ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน

กสิกรไทยเดินหน้า The Edge of Action

พลิกโฉมไทยสู่ผู้นำพลังงานสะอาด นายกฯ ชูวิสัยทัศน์ดึง Google-Microsoft ลงทุน พร้อมเปิดแผนกสิกรไทยสู่ Net Zero!

ด้านนางขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน) ได้กล่าวว่า เวลานี้ ธนาคาร กสิกรพร้อมที่จะลงมือทำในนโยบาย the Edge of action โดยยกตัวอย่าง gdp ในประเทศกับการปล่อย ก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์ ที่เติบโตสูง เพราะการเติบโตทางเศรษฐกิจมักมาพร้อมกับการเพิ่มขึ้นของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภาวะโลกร้อน โดยการเพิ่มขึ้นของ GDP มักเกี่ยวข้องกับการเพิ่มขึ้นของการผลิต การบริโภค และการใช้พลังงาน ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ล้วนส่งผลให้มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่พึ่งพาพลังงานฟอสซิลเป็นหลัก เช่น ถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ

อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ระหว่าง GDP และการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไม่ได้เป็นเส้นตรงเสมอไป นาง ขัตติยา กล่าวว่าสำหรับ 4 ประเทศอย่าง อังกฤษ สหรัฐ เยอรมัน และ ฝรั่งเศส เป็นตัวอย่างในที่สามารถเพิ่ม GDP ได้โดยไม่เพิ่มการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือแม้กระทั่งลดการปล่อยก๊าซได้ ซึ่งเป็นผลมาจากการลงทุนในเทคโนโลยีสะอาด การใช้พลังงานหมุนเวียน และการปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิตและการบริโภคที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ความท้าทายและแนวทางสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน

พลิกโฉมไทยสู่ผู้นำพลังงานสะอาด นายกฯ ชูวิสัยทัศน์ดึง Google-Microsoft ลงทุน พร้อมเปิดแผนกสิกรไทยสู่ Net Zero!

ความท้าทายที่สำคัญในการพัฒนาอย่างยั่งยืน คือ การหาสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจและการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ในเวลานี้ประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายในการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ และการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน ทั้ง การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งภัยแล้ง น้ำท่วม และการกัดเซาะชายฝั่ง นอกจากนี้ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกของไทยยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนใหญ่มาจากภาคพลังงานและภาคการขนส่ง

ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจไทยจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ความเหลื่อมล้ำทางรายได้และโอกาสยังคงเป็นปัญหาสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ชนกลุ่มน้อย และผู้ที่อาศัยอยู่ในชนบท นอกจากนี้ การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ ประเทศไทยมีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ แต่การใช้ทรัพยากรอย่างไม่ยั่งยืน เช่น การตัดไม้ทำลายป่า การทำประมงเกินขนาด และการใช้สารเคมีทางการเกษตร กำลังส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพ และสุดท้ายการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนการขยายตัวของเมืองอย่างรวดเร็วทำให้เกิดปัญหาต่างๆ เช่น มลพิษทางอากาศ การจราจรติดขัด และการขาดแคลนที่อยู่อาศัย

แนวทางสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนของ ธนาคารกสิกรไทย

ธนาคารกสิกรไทย ให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ธนาคารได้กำหนดเป้าหมาย Net Zero ในปี 2050 และตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในองค์กรในปี 2030 ความมุ่งมั่นสู่ Net Zero โดยกสิกรไทยให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทุกมิติของการดำเนินธุรกิจ โดยมีมาตรการที่ครอบคลุม ตั้งแต่การปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอาคารและสาขา การใช้พลังงานหมุนเวียน การจัดการขยะอย่างยั่งยืน ไปจนถึงการส่งเสริมให้พนักงานมีส่วนร่วมในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

นอกจากนี้ กสิกรไทยยังให้ความสำคัญกับการสนับสนุนลูกค้าและคู่ค้าในการเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ โดยให้คำปรึกษาและสนับสนุนทางการเงินแก่ธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า และธุรกิจเกษตรอินทรีย์ นอกจากนี้กสิกรไทยยังสนับสนุนทางการเงินแก่ธุรกิจสีเขียว การให้ความรู้และสร้างความตระหนักเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแก่ประชาชน และการเป็นต้นแบบในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน

กสิกรไทยเร่งผลักดันสินเชื่อสีเขียว สู่เป้าหมาย Net Zero

พลิกโฉมไทยสู่ผู้นำพลังงานสะอาด นายกฯ ชูวิสัยทัศน์ดึง Google-Microsoft ลงทุน พร้อมเปิดแผนกสิกรไทยสู่ Net Zero!

กสิกรไทยพร้อมเดินหน้าสนับสนุนสินเชื่อสีเขียวอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายในการปล่อยสินเชื่อและการลงทุนเพื่อความยั่งยืนรวม 100,000 ล้านบาท ภายในปี 2573 เพื่อช่วยให้ธุรกิจทุกขนาดสามารถบรรลุเป้าหมาย Net Zero ได้สำเร็จ โดยสินเชื่อเพื่อความยั่งยืนหลากหลายรูปแบบ ตอบโจทย์ทุกธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น

  • สินเชื่อ Go Green: เพื่อการลงทุนในโครงการพลังงานทดแทน ประหยัดพลังงาน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
  • สินเชื่อ Green Zero: เพื่อการลงทุนในโครงการที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero)
  • สินเชื่อ EV Charging Station: เพื่อการลงทุนในสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า

แต่กสิกรไทยไม่ได้เพียงแต่นำเสนอผลิตภัณฑ์สินเชื่อเท่านั้น แต่ยังมีทีมที่ปรึกษาทางการเงินที่มีความเชี่ยวชาญ พร้อมให้คำปรึกษาและวางแผนการเงินเพื่อความยั่งยืนแก่ธุรกิจทุกขนาด เพื่อให้ธุรกิจสามารถบรรลุเป้าหมาย Net Zero ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

สุดท้ายนี้ นายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสินได้ประกาศวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นผู้นำด้านพลังงานสะอาดในภูมิภาค โดยมีแผนการดึงดูดการลงทุนจากบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกและส่งเสริมความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน นอกจากนี้ ธนาคารกสิกรไทยยังแสดงความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ Net Zero ผ่านการสนับสนุนทางการเงินแก่ธุรกิจสีเขียวและการพัฒนาผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่หลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจทุกขนาดในการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน และจากความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนครั้งนี้

นับเป็นก้าวสำคัญในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับประเทศไทย โดยเน้นการพัฒนาพลังงานสะอาด การลงทุนในเทคโนโลยีสีเขียว และการส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นคงทางพลังงาน ลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ๆ ให้กับประเทศไทยในระยะยาว

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT