การเงิน

ธ.ไทยเครดิต ช่วงราคา IPO 28– 29 บาท/หุ้น จองซื้อ 23 - 26 ม.ค.นี้

23 ม.ค. 67
ธ.ไทยเครดิต ช่วงราคา IPO 28– 29 บาท/หุ้น จองซื้อ 23 - 26 ม.ค.นี้

ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) เป็นธนาคารพาณิชย์ที่มุ่งเน้นการปล่อยสินเชื่อนาโนและไมโครเครดิตเพื่อคนค้าขาย และสินเชื่อธุรกิจไมโครเอสเอ็มอี เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 23-26 มกราคม 2567 โดยกำหนดราคาเสนอขายเบื้องต้นที่ 28-29 บาทต่อหุ้น

โดยนักลงทุนรายย่อยจะชำระเงินที่ราคา 29.00 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาเสนอขายสูงสุดของช่วงราคาเสนอขายเบื้องต้น และจะได้รับคืนส่วนต่างค่าจองซื้อคืน หากราคาเสนอขายสุดท้ายต่ำกว่าราคา 29.00 บาทต่อหุ้น ขณะที่มีผู้ลงทุนสถาบัน Cornerstone Investors สนใจเข้ามาลงทุนคิดเป็นประมาณ 40% ของหุ้น IPO

นายวิญญู ไชยวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยเครดิต กล่าวว่า การเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้ เป็นการระดมทุนเพื่อขยายธุรกิจและต่อยอดการเติบโตในอนาคต โดยธนาคารฯ มุ่งเน้นการปล่อยสินเชื่อให้กับกลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการรายย่อยที่ยังไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้เท่าที่ควร ซึ่งกลุ่มลูกค้าดังกล่าวมีจำนวนมากและถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

ธนาคารไทยเครดิต มีจุดเด่นในด้านผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง โดยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและกำไรสุทธิเติบโตต่อเนื่อง โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2563-2565) และเป็นธนาคารที่มีส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Margin : NIM) สูงที่สุดในธนาคารพาณิชย์ ที่ระดับ 8.2% 

ไทยเครดิต

โดยงวด 9 เดือนแรกของปี 2566 ธนาคารฯ มีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 6,370.9 ล้านบาท 8,493.6 ล้านบาท 11,052.4 ล้านบาท และ 9,783.8 ล้านบาทตามลำดับ มีกำไรสุทธิ 1,372.9 ล้านบาท 1,935.0 ล้านบาท 2,352.5 ล้านบาท และ 2,816.7 ล้านบาท ตามลำดับ 

นอกจากนี้ ธนาคารไทยเครดิตยังมีอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเฉลี่ย (ROE) เท่ากับ 18.0% 20.7% 18.9% และ 21.8% ตามลำดับ สำหรับปี 2563-2565 และงวด 9 เดือนแรกของปี 2566 เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้ของธนาคารฯ มีจำนวนเท่ากับ 68,562.4 ล้านบาท 97,728.7 ล้านบาท 121,298.0 ล้านบาท และ 138,435.1 ล้านบาท ตามลำดับ อัตราเติบโตโดยเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) อยู่ที่ 33.0% ต่อปี (2563-2565) โดยมีปัจจัยหลักมาจากการเติบโตในทุกกลุ่มสินเชื่อหลักของธนาคารฯ ทั้งสินเชื่อธุรกิจไมโครเอสเอ็มอี สินเชื่อนาโนและไมโครเครดิตเพื่อคนค้าขาย และสินเชื่อบ้าน

ธนาคารไทยเครดิตมีฐานลูกค้าสินเชื่อที่แข็งแกร่ง โดย ณ สิ้นเดือนกันยายน 2566 ธนาคารฯ มีจำนวนลูกค้าสินเชื่อรวม 2.7 ล้านราย แบ่งเป็นลูกค้าสินเชื่อธุรกิจไมโครเอสเอ็มอี 1.8 ล้านราย และลูกค้าสินเชื่อนาโนและไมโครเครดิตเพื่อคนค้าขาย 9 แสนราย

ไทยเครดิต

ธนาคารไทยเครดิตมีแผนขยายธุรกิจในอนาคต โดยมุ่งเน้นการปล่อยสินเชื่อให้กับกลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการรายย่อยในภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศ และขยายผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

นายวิญญู ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ธนาคารไทยเครดิตคาดว่า จะสามารถทำให้ธุรกิจมีการเติบโตในแง่ของสินทรัพย์ได้ปีละ 20-30% และมีขนาดสินทรัพย์เพิ่มขึ้นเท่าตัวได้ในอีก 5 ปีข้างหน้า จากที่ระดับ 140,000 ล้านบาท ใน 9 เดือนแรกของปี 2566 

การเข้ามาระดมทุนในครั้งนี้ จะเพิ่มศักยภาพในการบริหารงาน โดยวัตถุประสงค์การระดมทุนเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเงินกองทุนของธนาคารฯ เพื่อใช้เป็นเงินทุนสำหรับการขยายพอร์ตสินเชื่อ รวมทั้ง การปรับปรุงและพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศในการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัล (Digital Transformation) และโครงสร้างพื้นฐานด้านความปลอดภัยของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ  (IT Security and Infrastructure) รวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ และวัตถุประสงค์อื่น ๆ

นายกนต์ธีร์ ประเสริฐวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) ได้เริ่มเดินสาย Roadshow นักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ นักลงทุนรายย่อย เพื่อโชว์ศักยภาพธนาคารฯที่มีความมั่นคง และการมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่น โดย ธนาคารไทยเครดิตมีอัตราการเติบโตของเงินให้สินเชื่อสูง ผลิตภัณฑ์และจำนวนลูกค้าสินเชื่อของธนาคารฯ มีการขยายตัว มีผลตอบแทนสูง ด้วยโครงสร้างเงินทุนที่ต้นทุนต่ำ

ปัจจุบัน ธนาคารไทยเครดิตได้เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกและเสนอขายโดยธนาคารฯ และหุ้นสามัญที่เสนอขายโดยผู้ถือหุ้นเดิม จำนวนไม่เกิน 347,029,122 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 5.00 บาท/หุ้น คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 28.2 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของธนาคารฯ ภายหลังการทำ IPO[1] นับเป็นธนาคารพาณิชย์ที่เสนอขายหุ้น IPO ในรอบ 10 ปี

ทั้งนี้ ธนาคารไทยเครดิต มีนักลงทุนสถาบันทั้งไทยและต่างประเทศสนใจเข้ามาลงทุนธนาคารไทยเครดิต รูปแบบผู้ลงทุนสถาบันที่เป็น Cornerstone Investors รวมจำนวน 6 ราย คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณไม่เกิน 140,352,490 หุ้น ที่ราคาเสนอขายสุดท้าย หรือคิดเป็นประมาณ 40% ของจำนวนหุ้น IPO ทั้งหมด สะท้อนความเชื่อมั่น ประกอบด้วยผู้ลงทุนสถาบันที่เป็น Cornerstone Investors ที่จองซื้อในประเทศ จำนวนประมาณไม่เกิน 23,646,600 หุ้น คือ 1. บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) 2. บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทาลิส จำกัด และ 3. บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) จำกัด

เสนอขายต่อผู้ลงทุนสถาบันที่เป็น Cornerstone Investors ที่จองซื้อในต่างประเทศ จำนวนประมาณไม่เกิน 116,705,890 หุ้น
คือ 1.บรรษัทเงินทุนระหว่างประเทศ (International Finance Corporation (IFC)) 2.ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank) และ 3.E.SUN Commercial Bank, Ltd.

สำหรับการกำหนดราคาเสนอขายสุดท้าย (Final Price) ของหุ้นสามัญที่เสนอขายในครั้งนี้ จะกระทำผ่านการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ (Bookbuilding) ซึ่งเป็นวิธีการสอบถามปริมาณความต้องการซื้อหุ้นสามัญของนักลงทุนสถาบันในแต่ละระดับราคา โดยช่วงราคาที่นำมาใช้ทำการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ (Bookbuilding) อยู่ที่ระหว่าง 28.00 – 29.00 บาทต่อหุ้น

ไทยเครดิต

ทั้งนี้ ธนาคารไทยเครดิต ผู้ถือหุ้นเดิม ผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย และผู้ซื้อหุ้นเบื้องต้นในต่างประเทศ (Initial Purchasers) จะพิจารณาร่วมกันในการกำหนดราคาเสนอขายสุดท้าย (Final Price) โดยพิจารณาจากราคาและจำนวนหุ้นที่นักลงทุนสถาบันเสนอความต้องการซื้อเข้ามา

อย่างไรก็ตาม การเสนอขายหุ้น IPO ของธนาคารไทยเครดิต ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการขยายธุรกิจและต่อยอดการเติบโตในอนาคตของธนาคาร ซึ่งไทยเครดิตมีจุดเด่นในด้านผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง และฐานลูกค้าสินเชื่อที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ไทยเครดิตยังชต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจากธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินอื่น ๆ ในอนาคต

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT