ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะถึงวันที่ 25 มิถุนายนนี้ เกี่ยวกับแนวทางการปรับปรุงเกณฑ์ การกระจายการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float) และ การเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไป (IPO) สำหรับบริษัทใหม่ที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (New Listing) ทั้งใน SET และ mai
เป้าหมายสำคัญของการปรับปรุงเกณฑ์ครั้งนี้คือ การยกระดับความชัดเจนของเกณฑ์ให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันกับตลาดทุนในระดับภูมิภาค ตามกลยุทธ์ของตลท. ที่มุ่งสู่การเป็น “Listing Hub” หรือศูนย์กลางระดมทุนของธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ
1.1 ยกเลิกหลักเกณฑ์ในการผ่อนผันระยะเวลาการกระจาย Free Float สำหรับบริษัทขนาดใหญ่ เพื่อลดการใช้ดุลยพินิจ
1.2 ปรับปรุงสัดส่วน Free Float จากขั้นต่ำ 20% เป็นขั้นต่ำ 17% สำหรับบริษัทขนาดใหญ่ เพื่อส่งเสริมบริษัทขนาดใหญ่เข้าจดทะเบียน ซึ่งยังคงเป็นสัดส่วน Free Float ที่สูงกว่าเกณฑ์ดำรงสถานะการเป็นบริษัทจดทะเบียนที่ขั้นต่ำ 15%
1.3 ปรับปรุงการแบ่งกลุ่มขนาดของบริษัท (Tier) ด้วยการใช้ Market Capitalization แทนการแบ่งกลุ่มด้วย Paid-up Capital เพื่อให้สะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของกิจการได้ดียิ่งขึ้น และกำหนดจำนวนหุ้น Free Float ขั้นต่ำที่ 30 ล้านหุ้น
1.4 เพิ่มหลักเกณฑ์กรณีบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนใน SET และ mai มีการดำเนินการใด ๆ ที่จะส่งผลให้สัดส่วน Free Float ลดลงต่ำกว่าคุณสมบัติเรื่อง Free Float ตามเกณฑ์รับหลักทรัพย์ในทันทีตั้งแต่หุ้นเริ่มเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยจะถือว่าบริษัทดังกล่าวยังไม่มีคุณสมบัติเรื่อง Free Float ตามเกณฑ์รับหลักทรัพย์
2.1ปรับปรุงการแบ่งกลุ่มขนาดของบริษัท (Tier) ด้วยการใช้ Market Capitalization แทนการแบ่งด้วย Paid-up Capital เพื่อให้สอดคล้องกับเกณฑ์ Free Float
2.2กำหนดจำนวนหุ้น IPO ขั้นต่ำ 20 ล้านหุ้น สำหรับกลุ่มบริษัทที่มี Market Cap อยู่ระหว่าง 1,500 – 5,000 ล้านบาท จะต้องเสนอขาย IPO อย่างน้อย 15% และมีจำนวนหุ้นไม่ต่ำกว่า 20 ล้านหุ้น
สรุปข้อเสนอเกณฑ์ IPO
การเปิดรับฟังความคิดเห็นถึง 25 มิถุนายน 2568 โดยตลท. เผยแพร่เอกสารรายละเอียดบนเว็บไซต์ www.set.or.th หัวข้อ “หัวข้อ “การทบทวนเกณฑ์สำหรับบริษัท New Listing : การกระจายการถือหุ้นรายย่อย (Free Float) และการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนเป็นการทั่วไป (IPO)” พร้อมเปิดช่องทางให้ทุกฝ่ายร่วมแสดงความคิดเห็นผ่านแบบฟอร์มออนไลน์ที่ลิงก์: https://forms.gle/R6gkN9C5XMmHEbEe9
การปรับเกณฑ์ครั้งนี้ไม่ใช่เพียงแค่เทคนิคเชิงโครงสร้าง แต่เป็นการ “วางรากฐานใหม่” ให้ตลาดทุนไทยสามารถแข่งขันในเวทีระดับภูมิภาคได้อย่างมั่นคงมากขึ้น โดยการสร้างความชัดเจน โปร่งใส และดึงดูดบริษัทศักยภาพจากทั่วโลกให้เข้ามาระดมทุนในตลาดทุนไทย