การเงิน

ทองดีดทำนิวไฮ ทองไทยใกล้บาทละ 35,000 ทองโลกทะลุ 2,100 ดอลลาร์

4 ธ.ค. 66
ทองดีดทำนิวไฮ ทองไทยใกล้บาทละ 35,000  ทองโลกทะลุ 2,100 ดอลลาร์

ราคาทองวันนี้ (4 ธ.ค.) เปิดพุ่ง ราคา Spot Gold ทำนิวไฮ ทะลุ 2,110 ดอลลาร์สหรัฐ/ ออนซ์ ขณะที่ทองไทยเปิดเพิ่ม 200 บาท มาอยู่ที่บาททองคำละ 34,300 บาท สำหรับทองคำแท่ง เมื่อเวลา 10.52 น. รับอานิสงส์เฟดส่งสัญญาณหยุดขึ้นดอกเบี้ย ดอลลาร์อ่อน และผลกระทบจากสงครามอิสราเอล-ปาเลสไตน์ที่กลับมารุนแรงอีกครั้ง

เช้าวันนี้ ราคาทองทั่วโลกพุ่งสูงต่อเนื่อง หลังในคืนวันศุกร์ราคาทองคําปรับขึ้นไปทําจุดสูงสุดที่ระดับ 2,075 เหรียญ ก่อนลงมาปิดที่ระดับ 2,070 เหรียญ ซึ่งปรับขึ้นจากระดับปิดวันพฤหัสบดีประมาณ 35 เหรียญ หลังนาย เจอโรม พาวเวล ประธานเฟดสหรัฐฯ แถลงถึงแนวโน้มที่เฟดอาจยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน

ล่าสุด เช้าวันนี้ราคาทองคำ Spot Gold พุ่งทะลุนิวไฮไปอยู่ที่ 2,110.8 ดอลลาร์สหรัฐ/ ออนซ์ ก่อนลดระดับลงมา โดยในเวลา 13.20 น. อยู่ที่ 2,085.10 ดอลลาร์สหรัฐ/ ออนซ์

ส่วนทองคำไทยปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยเมื่อเวลา 09.08 น. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 200 บาท ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ เมื่อเทียบกับประกาศซื้อขายครั้งเดียวของวันเสาร์ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 150 บาท

สมาคมค้าทองคำรายงาน ในเวลา 10.52 น. ราคาทองแท่ง รับซื้อเข้าบาททองคำละ 34,300.00 บาท ขายออกบาททองคำละ 34,400.00 บาท ส่วนทองรูปพรรณ รับซื้อเข้าบาททองคำละ 33,685.52 บาท ขายออกบาททองคำละ 34,900.00 บาท

ในเวลา 16.31 น. ราคาทองคำไทยค่อนข้างผันผวน มีการปรับเปลี่ยนระหว่างวันทั้งสิ้น 16 ครั้ง ปรับขึ้น 8 ปรับลง 8 ครั้ง และปรับขึ้นจากราคาเปิดทั้งหมด 100 บาท ล่าสุด ราคาทองแท่ง รับซื้อเข้าบาททองคำละ 34,150.00 บาท ขายออกบาททองคำละ 34,250.00 บาท ส่วนทองรูปพรรณ รับซื้อเข้าบาททองคำละ 33,533.92 บาท ขายออกบาททองคำละ 34,750.00 บาท

 

capture

คาดเฟดหยุดขึ้นดอกเบี้ย ทองขึ้นถึง 2,100 ดอลลาร์/ออนซ์ ปีหน้า

จากการรายงานของบลูมเบิร์ก ราคาทองทั่วโลกเพิ่มขึ้นประมาณ 15% จากต้นเดือนตุลาคม พุ่งขึ้นเป็นเดือนที่สองติดต่อกันนับตั้งแต่เกิดสงครามระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ขึ้น ซึ่งทำให้เกิดแรงซื้อของนักลงทุนที่มองหาสินทรัพย์ปลอดภัย (safe haven) เพื่อกระจายความเสี่ยง 

ก่อนจะเพิ่มขึ้นอีกในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังธนาคารกลางสหรัฐออกมาให้สัญญาณว่าจะหยุดการขึ้นดอกเบี้ยในปีหน้า ส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนลง รวมไปถึงมีผลสำรวจออกมาว่า 24% ของธนาคารกลางทั่วโลกมีแผนจะซื้อทองเพิ่มในอีก 12 เดือนต่อจากนี้

ดังนั้น ในช่วงปลายปีนี้ไปจนถึงปีหน้า ปัจจัยสำคัญที่จะดันให้ราคาทองคำสูงขึ้น หรือคงระดับสูงไว้ได้ก็คือ

  1. ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ทั้งที่รัสเซีย-ยูเครน และ อิสราเอล-ปาเลสไตน์ที่ยังไม่มีท่าทีว่าจะจบลง 
  2. การหยุดขึ้นดอกเบี้ยหรือแม้แต่การลดดอกเบี้ยของเฟดที่ทำให้เงินดอลลาร์อ่อน บอนด์น่าลงทุนน้อยลง แต่ทองน่าลงทุนมากขึ้นสำหรับนักลงทุนต่างประเทศ
  3. การซื้อทองตุนของธนาคารกลางทั่วโลก ทำให้มีแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบัน

Bart Melek นักวิเคราะห์ของ TD Securities ให้ข้อมูลกับ CNBC ว่าราคาทอง Spot Gold น่าจะขึ้นไปเฉลี่ยอยู่ที่ 2,100 ดอลลาร์/ออนซ์ ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2024 ขณะที่ Heng Koon How,  Head of Markets Strategy ของ UOB มองว่า ราคาทองมีโอกาสขึ้นไปสูงถึง 2,200 ดอลลาร์/ ออนซ์ ในช่วงปลายปีหน้า

อย่างไรก็ตาม แม้ Jerome Powell ประธานของเฟด จะออกมาประกาศว่าในปีหน้ามีโอกาสสูงที่เฟดจะหยุดขึ้นดอกเบี้ย เฟดยังไม่มีแผนที่จะลดอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ เพราะยังต้องรอดูข้อมูลด้านเศรษฐกิจประกอบการตัดสินใจก่อน 

โดยในสัปดาห์นี้มีข้อมูลสำคัญทางเศรษฐกิจของสหรัฐมากมายที่ควรจับตามอง ทั้ง JOLTs Job Opening ในวันที่ 5 ธ.ค. Unemployment Claims ในวันที่ 7 ธ.ค. และ Unemployment Rate และ US non-farm payrolls หรือการจ้างงานนอกภาคการเกษตร ในวันที่ 8 ธ.ค.

นักวิเคราะห์ไทย มองทองขาขึ้น แต่ระวังแรงขายทำกำไร

MTS Gold มองว่า ภาพรวมทางเทคนิคราคาทองคํายังคงอยู่ในแนวโน้มทิศทางขาขึ้น และเริ่มเข้าสู่ภาวะการซื้อมากเกินไป (overbought) โดยวันนี้คาดว่าราคาทองคําจะมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 2,070 เหรียญ และแนวต้านอยู่ที่ 2,100 เหรียญ สําหรับกลยุทธ์ยังคงแนะนําให้เข้าซื้อขายตามแนวโน้มทิศทางขาขึ้น และไม่แนะนําให้เปิดสถานะขาย โดยแนะนําให้ปิดสถานะขายให้มากที่สุด 

สําหรับ Gold Online Futures คาดจะมีกรอบแนวรับ 2,080 เหรียญ และแนวต้าน 2,110 เหรียญ และ Gold Comex คาดจะมีกรอบแนวรับ 2,070 เหรียญ และแนวต้าน 2,100 เหรียญ ในส่วนของราคาทองคําไทยมีแนวรับที่ 34,000 บาท/บาททองคํา และมีแนวต้านที่ 34,400 บาท/บาททองคํา

ส่วนทางนักวิเคราะห์ของ YLG มองว่า แม้ราคาทองคํามีการสร้างระดับสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ แต่ก็ยังมีแรงขายทํากําไรสลับเข้ามามากเช่นกัน ดังนั้นจึงแนะนำให้รอเปิดสถานะซื้อเพื่อทํากําไรระยะสั้นหากราคาอ่อนตัวลงไม่หลุดแนวรับโซน 2,071-2,051 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และรอปิดสถานะซื้อทํากําไรหากการดีดตัวขึ้นไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านโซน 2,100-2,121 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้



อ้างอิง: Bloomberg, CNBC, MTS Gold, YLG Bullion, สมาคมค้าทองคำ

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT