ความร้อนแรงในแวดวงเทคโนโลยีเวลานี้หนีไม่พ้นเรื่องของ Chatbot อัจฉริยะอย่างเจ้า ChatGPT ของบริษัท OpenAI ที่ทางไมโครซอฟท์ประกาศว่านำมาใช้พัฒนาในเวอร์ชั่นใหม่ของ Bing ตัดหน้า Search Engine ยักษ์ใหญ่อย่าง Google ที่กำลังจะเปิดตัว AI ChatBot อย่าง Bard เพียงไม่กี่นาที
ศึกนี้จะล้มยักษ์ได้หรือไม่คงต้องติดตามต่อไป เพราะโลกของ AI ในวันนี้ถูกนำมาพัฒนาต่อยอดบริการไปอย่างหลากหลาย เช่นเดียวกับJitta Wealth ที่ได้ใช้ AI เข้ามาช่วยให้การลงทุนของนักลงทุนง่ายขึ้นและปัจจุบันโลกเรามีการใช้ AI ในศาสตร์หลายแขนงแล้วโดยที่คุณอาจไม่รู้ตัว และพัฒนาได้อย่างชาญฉลาดมากขึ้น
สำหรับผู้ที่ยังไม่รู้จัก ChatGPT วันนี้ผมจะพาไปสัมภาษณ์เขากันครับ และส่วนตัวผมเองก็อยากรู้มุมมองต่อการลงทุนของ ChatGPT ด้วย ตามผมไปทำความรู้จักเขากันครับ
ผมให้ ChatGPT แนะนำตัว และนี่คือคำตอบที่ได้
ChatGPT คือ Chatbot ที่ทำงานโดย ‘ปัญญาประดิษฐ์’ หรือ ‘AI’ ที่เราได้ยินกันบ่อยๆ ในช่วงนี้
แต่ถ้าถามว่า AI คืออะไร ตอบแบบง่ายๆ AI คือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่สามารถเรียนรู้เรื่องต่างๆ ด้วยตัวเองได้จากข้อมูลที่นักพัฒนาป้อนให้ เหมือนคุณครูที่ป้อนข้อมูลให้นักเรียนได้เรียนรู้นั่นแหละครับ
เช่น ถ้านักพัฒนาอยากให้ AI แยกแยะสุนัขกับแมวได้ ก็ต้องป้อนภาพสุนัขและแมวจำนวนมากให้ AI เรียนรู้ ก่อนจะนำมาใช้ในชีวิตจริง
แต่ที่ต่างจากคนคือ AI เป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ จึงสามารถเรียนรู้ได้อย่างไม่เหน็ดเหนื่อยและไม่มีวันเบื่อ ตราบใดที่มนุษย์ยังป้อนไฟฟ้าและชุดข้อมูลให้มันเรียนรู้ได้
อย่าง ChatGPT นี่ในวงการ AI จะเรียกมันว่า Generative AI ซึ่งหมายถึง AI ที่สามารถสร้างสิ่งใหม่ๆ ขึ้นมาได้เอง ไม่ว่าจะเป็นบทความ ภาพ เสียง วิดีโอ หรือแม้แต่โค้ดคอมพิวเตอร์ครับ
AI ประเภทนี้ยังมีโปรแกรมอื่นที่เรารู้จักอีก เช่น Midjourney ที่สามารถสร้างภาพจาก Keyword ที่มนุษย์ต้องการได้ หรือ LaMDa ของ Alphabet ที่เป็น Chatbot เหมือนกันแต่ไม่ได้เปิดให้คนนอกได้ใช้
แต่นั่นก็แปลว่าโลกเรายังมี AI ประเภทอื่นๆ อีก ที่เจอกันทุกวันก็เช่นสมมติคุณ Search คำว่า ‘เครื่องฟอกอากาศ’ บนอินเทอร์เน็ต หลังจากนั้นคุณก็จะโดนโฆษณาเครื่องฟอกอากาศตามหลอกหลอนไปทุกที่สักพักนึงเลย
รู้สึกแล้วใช่ไหมครับว่ามันอยู่ใกล้ตัวคุณมากและเร็วกว่าที่คิด
ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องการลงทุนที่ต้องอาศัยการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมาก ก็ย่อมไม่รอดพ้นจาก AI เช่นกัน ผมลองถาม ChatGPT และคำตอบที่ได้ก็่ทำเอาผมขนลุกเลยล่ะครับ
คำถามซื่อๆ ของผมคือ ‘What is the best strategy to make money in the stock market?’ หรือ ‘วิธีที่ดีที่สุดในการทำเงินจากตลาดหุ้นคืออะไร?’ และนี่คือสิ่งที่ ChatGPT ตอบกลับมา
“ไม่มีกลยุทธ์ไหนที่เวิร์ก 100% ในการทำเงินจากตลาดหุ้น แต่กลยุทธ์ยอดนิยมประกอบด้วย
- Value Investing: กลยุทธ์ที่เน้นซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่เหมาะสม แล้วรอให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นตามมูลค่าที่แท้จริง
- Growth Investing: กลยุทธ์ที่เน้นซื้อหุ้นของบริษัทที่มีผลประกอบการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
- Diversification: กลยุทธ์นี้คือการกระจายการลงทุนออกไปในหุ้นหลายตัว หลายกลุ่มอุตสาหกรรม หรือในสินทรัพย์อื่นๆ เพื่อลดความเสี่ยง
- Dollar-cost Averaging: กลยุทธ์ที่เน้นลงทุนด้วยเงินจำนวนเท่าๆ กันเป็นประจำไม่ว่าราคาหุ้นจะเป็นอย่างไร วิธีนี้จะช่วยผลกระทบจากความผันผวนต่อการลงทุนโดยรวมได้
คุณต้องจำไว้เสมอว่าการลงทุนในตลาดหุ้นมีความเสี่ยง ผลตอบแทนในอดีตไม่ได้การันตีผลตอบแทนในอนาคต การปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินก่อนตัดสินใจลงทุนเป็นความคิดที่ดีเสมอ”
เป็นอย่างไรครับ คำตอบที่ได้จาก ChatGPT เหมือนในหนังสือหรือคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนเป๊ะ แต่ถ้าสังเกตลึกเข้าไป ก็เป็นไปได้ว่าข้อมูลที่ ChatGPT ใช้เรียนรู้อาจจะมาจากแหล่งข้อมูลที่แนะนำวิธีการลงทุนตามปัจจัยพื้นฐานเป็นหลักก็ได้ครับเพราะปัจจุบันทีมนักพัฒนาของ ChatGPT ป้อนเฉพาะข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะให้ AI เรียนรู้เท่านั้น ผลก็เลยออกมาคล้ายๆ กับในหนังสือทั่วไป
ทีนี้ไฮไลต์สำหรับอนาคตของการลงทุนในยุค AI สำหรับผมที่สัมผัสได้จากการใช้ AI เข้ามาช่วย Jitta Wealth วิเคราะห์และสแกนหุ้นหรือ ETF ก็คือ AI เข้ามาช่วยในการลงทุนโดย ‘ไม่เหนื่อย’ และ ‘ไร้อารมณ์’ เป็นจุดเด่นที่เหนือมนุษย์จริงๆ ครับ
ส่วนในเรื่องอื่นๆ ทุกวันนี้เราเห็นการใช้ AI เข้ามาช่วยทำงานใน Process ที่ต้องทำซ้ำๆ เช่น การคัดกรองหุ้นเบื้องต้นตามอัตราส่วนทางการเงิน ก่อนที่นักวิเคราะห์จะมาวิเคราะห์หุ้นอย่างละเอียดอีกที ซึ่งก็จะช่วยให้นักวิเคราะห์ได้ทำงาน ‘วิเคราะห์’ จริงๆ มากขึ้น และอาจจะใช้ AI เข้ามาช่วยวิเคราะห์อีกที ในเรื่องการใช้ Big Data แทนการเชื่อมั่นในข้อมูลบางชิ้นแบบเดี่ยวๆ
ขณะที่ในฝั่งการลงทุนตามปัจจัยทางเทคนิค ก็มีการใช้ Robot Trading ที่ช่วยให้ Day Trader ซื้อขายได้ตามกฎการลงทุนของตัวเองที่เขียนโปรแกรมเอาไว้ได้สะดวกขึ้นนานแล้ว
หรืออย่างในงานวางแผนการลงทุน เราก็เห็นการใช้ Robot Advisors มานานแล้ว อย่างในสหรัฐฯ ก็มีกองทุนที่ใช้ AI เข้ามาบริหารกองทุนจนคิดเป็นมูลค่ารวมกันสูงเกินแสนล้านดอลลาร์สหรัฐเข้าไปแล้ว ดังนั้น AI กับโลกการลงทุนไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับฝั่งผู้ให้บริการครับ และเราน่าจะเห็นบริการการลงทุนใหม่ๆ ด้วย AI เพิ่มขึ้นอีกเยอะมาก โดยเฉพาะธุรกิจ Wealth Management
แต่ในฝั่งผู้ลงทุน คุณอาจต้องทำความเข้าใจเรื่องการทำงานของ AI ว่ามีข้อดี-ข้อเสีย และแตกต่างจากการใช้วิจารณญาณของมนุษย์อย่างไร ซึ่งจะช่วยให้คุณทำความเข้าใจผลิตภัณฑ์การลงทุนในอนาคตได้ดีขึ้น เอาแค่ทุกวันนี้ บลจ. หลายแห่งในไทยก็มีการนำ AI เข้ามาช่วยวิเคราะห์และจัดพอร์ตให้นักลงทุนกันหลายแห่ง คุณในฐานะนักลงทุนก็ควรจะตามกลยุทธ์เหล่านี้ให้ทัน อย่างน้อยทำความเข้าใจไว้ก่อนก็ยังดีครับ
แต่ที่แน่ๆ เราได้เห็นแล้วว่า AI คืบคลานมาเป็นส่วนนึงของชีวิตเราเร็วกว่าที่คิดครับ ถ้าคุณใช้ประโยชน์จากมันในโลกการลงทุนได้ ย่อมมีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าคนอื่นเช่นกัน
สุดท้าย เราขอฝากข้อสรุปเรื่องสิ่งมีชีวิตอันโด่งดังของ Charles Darwin เจ้าพ่อแห่งวงการวิวัฒนาการเอาไว้เตือนใจคุณครับ
“สิ่งมีชีวิตที่จะอยู่รอดไม่ใช่สปีชี่ส์ที่แข็งแกร่งที่สุดหรือฉลาดที่สุด แต่เป็นสปีชี่ส์ที่ปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงได้เร็วที่สุด”
ส่วนศึกระหว่าง Microsoft และ Google จะดำเนินต่อไปอย่างไร เราในฐานผู้บริโภครอรับประโยชน์จากการแข่งขันครั้งนี้น่าจะดีกว่าครับ
