วันนี้ SPOTLIGHT ได้มีโอกาสสัมภาษณ์นักวิเคราะห์ มีมุมมองต่อตลาดหุ้นไทยอย่างไร?
โดย ดร. ปิยศักดิ์ มานะสันต์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยการลงทุน สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด กล่าวกับ SPOTLIGHT ว่า ศาลรัฐธรรมนูญได้ถูกตัดสินยุบพรรคก้าวไกล มองว่าคงไม่ได้มีผลต่อทิศทางตลาดหุ้นมากนัก คาดว่าตลาดหุ้นก็จะทรงๆ ตัว เป็นไปตามการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย และภาพผลประกอบการที่ออกมาค่อนข้างโอเคระดับหนึ่งของบริษัทจดทะเบียน ตลาดหุ้นจะทรงๆ ขึ้นอยู่กับปัจจัยที่อยู่ในตลาดเป็นอย่างไรบ้าง
ทั้งนี้ สิ่งที่ต้องติดตามต่อ คือ ภาพเศรษฐกิจโลก และตลาดหุ้นโลก ซึ่งตลาดไทยฟื้นในสัปดาห์ที่แล้วระดับหนึ่ง ก่อนเกิด Black Monday ซึ่งจากภาพใหญ่ มองว่าในเชิงตลาดหุ้นไทยจะมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นบ้าง จากภาพเศรษฐกิจ รวมถึง นโยบายเศรษฐกิจต่างๆ การเร่งเบิกจ่ายของภาครัฐ รวมถึง มาตรการดิจิทัลวอลเล็ต อาจจะช่วยฟื้นความเชื่อมั่นขึ้นบ้าง
มุมมองในช่วงต่อไป จับตาศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคดี ถอดถอนนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน มากกว่าที่จะผิดจริยธรรมหรือไม่ กระทบต่อการบริหารจัดการแผ่นดิน งบประมาณ ให้โอกาส 80% ว่าศาลจะตัดสินให้เป็นคุณกับนายกรัฐมนตรี แต่อีก 20%
หากศาลตัดสินไม่เป็นคุณกับนายกรัฐมนตรี คงต้องมาจับตาว่า ศาลจะอนุญาตให้คณะรัฐมนตรีชุดเดิมสามารถปฎิบัติหน้าที่ต่อได้หรือไม่ ซึ่งถ้าสามารถปฎิบัติหน้าที่ต่อได้ และกระบวนการสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ทำได้อย่างรวดเร็ว อาจจะทำให้ภาพของตลาดไม่ได้แย่มากนัก ภาพเศรษฐกิจก็จะไม่ได้แย่มากนัก
โดยมองถึงความเป็นไปได้ในคดีนายกรัฐมนตรี ดังนี้ หากศาลตัดสินเป็นคุณ 80% โอกาสตัดสินไม่เป็นคุณ และหานายกรัฐมตรีได้ไม่รวดเร็วมีเพียง 15% และโอกาสที่จะมีสุญญากาศทางการเมืองแบบรุนแรงประมาณ 5% เท่านั้น
สำหรับดัชนีหุ้นไทย ตามปัจจัยพื้นฐาน ควรจะไปอยู่ระดับ 1,400 จุด แต่ที่ผ่านมาดัชนีไม่สามารถขึ้นไประดับนั้นได้ เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง และปัญหาเรื่องธรรมาภิบาล รวมถึง ทิศทางเศรษฐกิจโลกด้วย ซึ่งก็มองว่าหุ้นไทยปรับตัวขึ้นมาก
ขณะที่ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อไทยในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา รับตัวขึ้นเล็กน้อยนั้น มองว่าโอกาสการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของไทยคงต้องปิดประตูไปก่อน ทำให้คาดว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้เติบโตได้ประมาณ 2.5%
ขณะที่นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าทีมกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยกับ SPOTLIGHT โดยไม่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคดียุบพรรคก้าวไกลแต่อย่างใด แต่ได้ให้มุมมองเกี่ยวกับภาวะตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในวันนี้ว่า
ตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ในแดนบวกวันนี้นั้น มาจาก 2 เหตุผลด้วยกัน คือ
โดยมองว่าตลาดหุ้นไทยปรับอยู่ในแดนบวก ตามตลาดหุ้นในภูมิภาค และตลาดหุ้นทั่วโลก ซึ่ง บล.กสิกรไทย ประเมินหุ้นไทยนับจากนี้ จนถึงวันที่ 14 ส.ค.นี้ ที่ศาลจะตัดสินคดีของนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน ซึ่งมองกรอบดัชนีหุ้นไทยอยู่บริเวณ 1,280-1,310 จุด จนถึงวันที่ 14 ส.ค.นี้
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เผยว่า สัปดาห์หน้าจับตาประเด็นทางการเมือง ที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณาคดีถอดถอนนายกรัฐมนตรี มองว่าการเมืองมีส่วนเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ แนะนักลงทุนพิจารณาว่าอุตสาหกรรมไหนจะได้รับผลกระทบน้อย และอุตสาหกรรมไหนจะได้รับผลกระทบมาก
โดยขณะนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกมีความผันผวน รวมถึง ตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมา จึงอยากแนะนำให้นักลงทุนติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีข้อมูลใหม่ๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยควรพิจารณาว่าข้อมูลข่าสสารดังกล่าว Overreact หรือไม่ เพื่อหาโอกาสที่เหมาะสมเพื่อเข้าลงทุน
นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลท. ประเมินสถานการณ์ตลาดหุ้นไทยว่า ในตรมาส 4/2567 หุ้นไทยจะมีกระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้ามา และ หากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทยในไตรมาส 2/67 ออกมาดี และดีต่อเนื่องไปจนถึงช่วงไตรมาส 3-4 ของปีนี้
ทั้งนี้ ปัจจุบันเงินทุนจากต่างชาติเริ่มไหลกลับเข้ามาแต่ไปพักเงินอยู่ในตลาดตราสารหนี้ (บอนด์) สัปดาห์ละประมาณ 20,000 กว่าล้านบาท ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ค่าเงินบาทช่วงนี้แข็งค่าขึ้น
สำหรับภาพรวมดัชนีหุ้นไทยเดือน ก.ค. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 25% ผลจากตัวเลขเศรษฐกิจไทยเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวต่อเนื่อง การท่องเที่ยวดี น่าจะดีในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ บวกกับมาตรการฟื้นเชื่อมั่นทั้ง Uptick Rule เริ่มเห็นเปอร์เซ็น Short Sell ลดลง และ ThaiESFG Fund ชัดเจน ทั้ง 3 ปัจจัยถือว่าสนับสนุนตลาดหุ้นไทยในทิศทางที่ดี