วงการธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในช่วงที่ผ่านมา เหตุการณ์ที่สะเทือนใจกับธุรกิจในวงการนี้ คงหนีไม่พ้นที่บริษัทขนาดใหญ่ อย่างบริษัท อิตาเลียนไทย จำกัด (มหาชน) ออกมายอมรับว่าประสบปัญหาสภาพคล่องอย่างหนัก ทำให้หลายฝ่ายมีความกังวลใจ และคาดเดาว่าจะมีบริษัทไหนประสบปัญหาแบบนี้อีกบ้าง ขนาดบริษัทขนาดใหญ่จะเจอแบบนี้ แล้วบริษัทเล็กๆ หรือบริษัทขนาดกลางจะเป็นอย่างไร
วันนี้ SPOTLIGHT จะพามารู้จักบริษัทน้องใหม่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ดำเนินธุรกิจด้านงานรับเหมาติดตั้งงานระบบวิศวกรรมประกอบอาคารอย่างครบวงจรเกรดพรีเมียม ที่จะเข้าเทรดกระดาน mai ในหมวดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง วันที่ 4 เม.ย.นี้
โดย SPOTLIGHT ได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้กุมบังเหียนของบริษัท อย่างคุณธิติวัฒน์ เงินนำโชคธนรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิวทีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ QTCG ได้เล่าว่า บริษัทได้ทำธุรกิจนี้มาแล้ว 23 ปี ปีนี้ย่างเข้าปีที่ 24
โดยได้ดำเนินธุรกิจด้านงานรับเหมาติดตั้งงานระบบวิศวกรรมประกอบอาคารอย่างครบวงจร ประกอบด้วย
QTCG ได้ทำธุรกิจรับเหมาติดตั้งงานระบบวิศวกรรมภายในอาคารให้กับโครงการคุณภาพมาแล้วมากกว่า 1,000 โครงการ โดยกลุ่มลูกค้ากระจายอยู่ในหลากหลายอุตสาหกรรม ดังนี้
โดยทุกโครงการที่ QTCG เข้าไปดำเนินการรับเหมาติดตั้งงานระบบวิศวกรรมประกอบอาคารจะเป็นโครงการระดับพรีเมี่ยม เกรด อาทิ
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีมูลค่างานที่ยังไม่ได้รับรู้รายได้ประมาณ 1,158 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นงานขนาดใหญ่ในกลุ่มลูกค้าที่มีชื่อเสียงต่อเนื่องจากโครงการเดิม อาทิเช่น
คุณธิติวัฒน์ เล่าว่า “ด้วยประสบการณ์ที่อยู่ในธุรกิจนี้มานานกว่า 20 ปี เราก็รอดจากวิกฤตมาได้ถึง 3 วิกฤตด้วยกัน ตั้งแต่วิกฤตแฮมเบอร์ น้ำท่วมครั้งใหญ่ในปี 2554 มาจนถึงช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เราเจออะไรแรงๆ มาเยอะ แต่เราก็พ้นจากวิกฤตมาได้ เราสามารถรับมือได้ เพราะเรามีพันธมิตรที่ดี เราดูแลพันธมิตรดี ทั้งสถาบันการเงิน ซัพพลายเออร์ และพนักงาน ที่เข้าใจเรา”
ส่วนจุดเด่นของ QTCG ที่เห็นได้ชัด คือ
การระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ครั้งนี้ จะช่วยสนับสนุนให้ฐานะทางการเงินของ QTCG มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น สู่การขับเคลื่อนสำหรับการรองรับการเข้าประมูลโครงการใหญ่ในอนาคต เพื่อต่อยอดและขยายฐานงานเดิมที่มีอยู่
โดยเงินที่ได้จากการระดมทุน IPO ในครั้งนี้ จำนวน จำนวน 200.40 ล้านบาท ของมูลค่าหุ้นที่เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 180 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 1.20 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E ratio) เท่ากับ 32.69 เท่า เทียบกับอุตสาหกรรมที่มี (P/E Ratio) ที่ 33.16 – 39.77 เท่า ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสม
ทั้งนี้ มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็น 30% ของจํานวนหุ้นที่ออกและเรียกชําระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม เงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจปกติของบริษัทฯ ภายในปี 2567 – 2568 ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการขยายโอกาสต่อยอดธุรกิจ ให้มีความมั่นคงเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กรในระยะยาว สู่การก้าวเป็นผู้นำธุรกิจให้บริการด้านรับเหมาติดตั้งงานระบบวิศวกรรมประกอบอาคาร (Mechanical & Electrical: M&E) อย่างครบวงจรของประเทศไทย
โดยบริษัทตั้งแต่งบริษัทหลักทรัพย์ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัท ที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม (Joint Lead Underwriters) พร้อมด้วย บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกัน การจำหน่ายร่วม และบริษัทหลักทรัพย์ เอสบีไอ ไทย ออนไลน์ จำกัด เป็นผู้ร่วมจัดการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (Co-Underwriter)
คุณธิติวัฒน์ ได้พูดถึง ภาพรวมอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างในปี 2567ว่า จะมีการขยายตัวที่ดีขึ้น เมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ ปี 2567 ในช่วงเดือนมิถุนายน - กันยายน 2567 ส่งผลให้โครงการก่อสร้างต่างๆ ต้องเร่งเดินหน้าลงทุน ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวจะเป็นตัวเร่งผลักดันให้ภาคเอกชนมีการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างมาก
“ QTCG เองก็เชื่อว่า จะได้รับอานิสงค์จากแผนกระตุ้นการก่อสร้างจากปีงบประมาณดังกล่าวเช่นเดียวกัน และเชื่อว่าจะทำให้ผลการดำเนินงานในปี 2567 มีแนวโน้มเติบโตอย่างก้าวกระโดด” คุณธิติวัฒน์ เผย
ส่วนข้อซักถามว่า มีความกังวลกับภาวะตลาดหุ้นไทนหรือไม่นั้น คุณธิติวัฒน์ เผยมุมมองว่า แม้ว่าสภาวะตลาดหุ้นจะเป็นอย่างไร แต่ด้วยบริษัทถือเป็นบริษัทที่มีสภาพคล่องที่ดี มีเครดิตที่ดีกับสถาบันการเงิน ทำให้มีโอกาสในการได้รับการเสนอสินเชื่อจากสถาบันการเงินอย่างต่อเนื่อง และมีอัตราดอกเบี้ยที่แข่งขันได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงความมั่นคงของบริษัท ดังนั้นจึงมองว่าหุ้น QTCG เป็นหุ้น Growth Stock ที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัท และผู้ถือหุ้นในอนาคต และสามารถเปิดซื้อขายเหนือจองได้