Logo site Amarintv 34HD
อมรินทร์ทีวีแจกใหญ่ส่งท้ายปี ดูทั้งวันแจกทุกวันLogo Seagame2025Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ยุคนี้แก้หนี้ยากกว่าเดิม - เมื่อโค้ชการเงินยังต้องเอ่ยปาก
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

ยุคนี้แก้หนี้ยากกว่าเดิม - เมื่อโค้ชการเงินยังต้องเอ่ยปาก

21 ธ.ค. 68
21:45 น.
แชร์

ถ้าคนที่อยู่กับเรื่องแก้หนี้ของคนไทยมาตลอดหลายสิบปีอย่าง “โค้ชหนุ่ม จักรพงษ์ เมษพันธุ์” วิทยากรด้านการเงิน และเป็นเจ้าของเพจ The Money Coach ที่ยังต้องหยุดคิด แล้วพูดชัด ๆ ว่า “ยุคนี้แก้หนี้ยากกว่าเดิมจริง ๆ” ประโยคนี้ไม่ใช่คำพูดปลอบใจใคร และไม่ใช่การโทษคนเป็นหนี้ แต่เป็นเสียงสะท้อนจากคนที่ได้เห็นชีวิตจริงของลูกหนี้มานับไม่ถ้วน ตั้งแต่ยุคเศรษฐกิจดี เศรษฐกิจแย่ จนถึงโลกหลังโควิด และสิ่งที่เปลี่ยนไปมากที่สุด ไม่ใช่แค่ตัวเลขหนี้ แต่คือโครงสร้างชีวิตของคนไทยทั้งระบบ

จากหนี้ของ “คนรายได้น้อย” สู่หนี้ของ “คนรายได้สูง แต่เปราะบาง”

ในอดีต ภาพจำของคนเป็นหนี้หนัก มักเป็นคนรายได้ไม่สูง รายได้เดือนละ 15,000–20,000 บาท ใช้เงินชนเดือน มีบัตรเครดิตหนึ่งถึงสองใบ แต่วันนี้ โค้ชหนุ่มบอกว่า “คนที่มาปรึกษาปัญหาหนี้กับผมมีกลุ่มคนรายได้ 80,000–100,000 บาทต่อเดือน แก้หนี้ยากมากขึ้นเรื่อย ๆ”

สาเหตุการเป็นหนี้ของลูกหนี้ที่ส่งเมล์เข้ามาหาทุกวัน วันละไม่ต่ำกว่า 50 เมล์ พบว่า เป็นหนี้เพราะภาระเยอะจริงราวครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งหนึ่งคือการใช้จ่ายเกินตัว ซึ่งกลุ่มหลังนี้มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่เพราะฟุ่มเฟือยแบบไม่คิดอะไร แต่เพราะชีวิตถูกออกแบบไว้บน “รายได้ที่คิดว่าจะมั่นคงตลอดไป” บ้านราคาหลายล้าน รถมากกว่าหนึ่งคัน ค่าใช้จ่ายที่ผูกยาวเป็นสิบ ๆ ปี ภาระดูแลพ่อแม่ ลูก และครอบครัว

เมื่อรายได้สะดุดเพียงเล็กน้อย—ธุรกิจชะลอ โบนัสหาย งานไม่มั่นคงเหมือนเดิม—ทั้งชีวิตที่สร้างไว้ก็เริ่ม “รับไม่ไหว”

“ปัญหาคือ เราสร้างชีวิตที่แพงกว่าความสามารถในการรับแรงกระแทกของรายได้” โค้ชหนุ่มอธิบาย ซึ่งนี่ไม่ใช่ปัญหาส่วนบุคคล แต่มันกำลังเป็นความเปราะบางเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจครัวเรือนไทย

“ใช้ก่อนจ่ายที่หลัง” กับหนี้ที่เข้าถึงง่ายเกินไป

อีกภาพหนึ่งที่โค้ชหนุ่มเจอมากขึ้น คือกลุ่มที่เขาบอกตรง ๆ ว่า “น่าเป็นห่วงมากขึ้นเรื่อย ๆ” คือกลุ่มที่ใช้เงินเกินตัว เพราะแรงดึงดูดรอบข้าง โซเชียลมีเดียที่เต็มไปด้วยชีวิตดี ๆ ดารา อินฟลูเอนเซอร์ มีรถ บ้าน ทริปหรู และวัฒนธรรม “ไม่อยากตกกลุ่ม” หลายคนไม่ได้อยากได้ของ แต่ไม่อยากรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่า คนไทยจำนวนมากใช้โซเชียลมีเดีย เสพชีวิตดีๆของคนอื่นจนมาเป็นมาตรฐานความสุขให้กับชีวิตตัวเอง โดยไม่มีความรู้ความเข้าใจและการวางแผนการเงิน 

“เราเห็นเค้าซื้อบ้านหลายสิบล้านด้วยเงินสด บ้านหลายห้องนอน เราชื่นชมว่าเค้าเก่ง นี่คือความสำเร็จ … ถามหน่อยว่า หลังจากซื้อแล้วค่าใช้จ่ายภายในบ้านหลังใหญ่นี้เรามีเงินจ่ายใช่มั้ย?”

ชีวิตของดาราหลายคนที่เราเห็นว่าเค้ามีชีวิตที่ดี กินหรู อยู่สบาย หลายคนกลับมาปรึกษาปัญหาหนี้สินของโค้ชหนุ่มก็ไม่น้อย 

ยิ่งอันตรายขึ้นอีกเมื่อระบบการเงินเปิดช่องให้ “เป็นหนี้ได้ง่ายมาก” โดยแทบไม่ต้องรู้จักคำว่าเครดิต Buy Now Pay Later ใช้ก่อน ผ่อนทีหลัง ไม่ต้องมีรายได้ประจำ ไม่ต้องมีบัตรเครดิต แทบไม่มีการตรวจสอบความเสี่ยงใดๆเลย ซึ่งกลุ่มที่อันตรายคือ นักเรียน นักศึกษา 

“วันนี้ นักศึกษายังผ่อนป๊อปคอร์นหลักร้อยได้ แล้วมันไปโผล่ในเครดิตบูโร”

หนี้เล็ก ๆ ที่ดูไม่อันตราย กำลังสะสมเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคต โดยที่คนจำนวนมากไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ หากเด็กๆเหล่านี้เรียนจบไป วันข้างหน้าอยากซื้อบ้านซื้อรถ ไปกู้ธนาคาร อาจจะทำไม่ได้เพราะตัวเองเคยมีประวัติค้างชำระอยู่ในเครดิตบูโร เพียงเพราะค้างค่าผ่อนของไม่กี่ร้อยบาท 

ลูกคือความรัก…แต่บางครั้งก็กลายเป็นภาระหนี้ที่ใหญ่ที่สุด

อีกเรื่องที่โค้ชหนุ่มพูดด้วยความเป็นห่วง คือ “การทุ่มทุกอย่างให้ลูก” โดยไม่ถามตัวเองว่า “ไหวจริงไหม” โรงเรียนอินเตอร์ ค่าเทอมที่ต้องผูกยาวหลายปี ค่าใช้จ่ายแฝงที่ไม่มีในโบชัวร์

“ผมเจอหลายบ้านที่พ่อแม่ไม่มีปัญหาจนกระทั่งตัดสินใจส่งลูกเรียนในสิ่งที่เกินกำลัง นั่นคือ ค่านิยมลูกต้องเรียนนานาชาติ ”

เมื่อรายได้สะดุด หนี้ก้อนนี้คือหนี้ที่แก้ยากมาก เพราะไม่มีใครอยากลดคุณภาพชีวิตของลูก แม้ตัวเองจะเริ่มไม่ไหวแล้วก็ตาม

สัญญาณอันตรายของการติดกับดักหนี้ ที่คนส่วนใหญ่มองข้าม

โค้ชหนุ่มไม่ได้พูดถึงหนี้ด้วยภาษาตัวเลขอย่างเดียว แต่พูดถึง “พฤติกรรม” ที่กำลังบอกว่า การเงินเริ่มมีปัญหา

“วันที่คุณเริ่มจ่ายขั้นต่ำ นั่นคือสัญญาณเตือนแล้ว”

บัตรเครดิตดอกเบี้ย 16% สินเชื่อบุคคล 25% การจ่ายขั้นต่ำคือการยอมให้เงินจมอยู่กับดอกเบี้ย โดยไม่รู้ตัว

อีกสัญญาณหนึ่งที่ฟังดูไม่ใช่เรื่องเงินเลย คือ “เป็นคนมีความสุขยาก ทุกข์ง่าย” เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น ซื้อของเพื่อเยียวยาความรู้สึก มีความสุขแค่ตอนกดสั่ง ของมาส่งแล้วไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสั่งอะไร

“ถ้าซื้อของมาแล้วไม่แกะกล่อง แปลว่าคุณไม่ได้อยากได้ของนั้นจริง ๆ”

สูตรแก้หนี้ยังเหมือนเดิม…แต่ต้อง “เข้มข้นกว่าเดิม”

โค้ชหนุ่มยอมรับตรงไปตรงมาว่า “หลักการแก้หนี้ไม่ได้เปลี่ยน แต่บริบทมันโหดขึ้น” สิ่งที่เขาย้ำหนักที่สุด ไม่ใช่ยอดหนี้รวม แต่คือ “สภาพคล่อง”

“ลืมยอดหนี้ไปก่อน แต่ต้องดูก่อนว่าแต่ละเดือนคุณติดลบเท่าไหร่”

ต้องทำรายรับ–รายจ่ายล่วงหน้า 6 เดือน ไม่ใช่ย้อนหลัง เพื่อเห็นว่ารอยรั่วจริง ๆ อยู่ตรงไหน ต้องกล้าเผชิญหน้ากับเจ้าหนี้ ไม่หนี ไม่ปิดโทรศัพท์

“พังในระบบ ยังดีกว่าพังนอกระบบ” เพราะหนี้นอกระบบ ดอกเบี้ยวันละ 5% ไม่มีพื้นที่ให้เจรจา และไม่มีทางออกที่ยั่งยืน

“มนุษย์ขับเคลื่อนด้วยความหวัง ไม่ใช่ตรรกะ”

หนึ่งในประโยคที่สะท้อนหัวใจของ Money Coach มากที่สุด คือแนวคิดเรื่อง “บ่อน้ำแห่งความหวัง” แม้จะเป็นหนี้ ก็ยังต้องมีเงินออมเล็ก ๆ เช่น เก็บ 500 บาทต่อเดือน หรืออมทองคำ อย่าคิดว่าเป็นหนี้แล้วจะไม่มีสิทธิออมเงิน “มันไม่ใช่เรื่องผลตอบแทน แต่การได้เก็บบ้างมันคือความหวัง”เพราะถ้าชีวิตมีแต่การจ่ายหนี้ ไม่มีอะไรเป็นของตัวเองเลย สุดท้ายคนจะหมดแรงสู้

ปัญหาหนี้ครัวเรือนไทย ไม่ได้จบที่ตัวบุคคล

เมื่อฟังโค้ชหนุ่มพูดต่อเนื่อง จะเห็นชัดว่า นี่ไม่ใช่เรื่อง “คนไม่รู้จักออม” อย่างเดียว แต่คือระบบเศรษฐกิจที่รายได้ไม่มั่นคง หนี้เข้าถึงง่าย ความรู้การเงินไม่ถูกปลูกฝัง และสังคมกดดันให้ใช้ชีวิตแพง

ทั้งหมดนี้ซ้อนทับกัน จนทำให้การแก้หนี้ในยุคนี้ “ยากกว่าเดิมจริง ๆ”แต่ในความหนักหน่วงนั้น โค้ชหนุ่มยังทิ้งประโยคที่เป็นกำลังใจไว้เสมอ “ทุกปัญหาทางการเงินมีทางแก้ ยกเว้นคนที่ไม่สู้แล้ว”

โค้ชหนุ่ม จักรพงษ์ เมษพันธุ์ ในรายการ SPOTLIGHT BizTalk
โค้ชหนุ่ม จักรพงษ์ เมษพันธุ์ ในรายการ SPOTLIGHT BizTalk

ติดตามการสัมภาษณ์โค้ชหนุ่มตอน “ยุคนี้แก้หนี้ยากกว่าเดิม” ในรายการ SPOTLIGHT BizTalk Special ช่องทาง FB และ  Youtube  SPOTLIGHT

แชร์
ยุคนี้แก้หนี้ยากกว่าเดิม - เมื่อโค้ชการเงินยังต้องเอ่ยปาก