Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
เลือกลดหย่อนภาษีให้เป๊ะ ชีวิตก็แฮปปี้
โดย : ราชันย์ ตันติจินดา

เลือกลดหย่อนภาษีให้เป๊ะ ชีวิตก็แฮปปี้

20 พ.ย. 68
10:02 น.
แชร์

เข้าสู่ช่วงปลายปี หลายคนคงมองหาตัวช่วยลดหย่อนภาษีและคงกำลังคิดว่า จะซื้อเหมือนเดิมทุกปี หรือเปลี่ยนไปซื้ออย่างอื่นดี บทความนี้จะชวนทุกคนมาตั้งคำถามและประเมินความชอบหรือความจำเป็นของตนเองดูว่า ตัวช่วยลดหย่อนภาษีไหน จะเป็นแบบที่ใช่สำหรับเรา

1.อยากเป็นเงินเก็บ แบบเงินต้นอยู่ครบ เมื่อครบระยะเวลา

ตัวช่วยที่ตอบโจทย์เรื่องเงินต้นอยู่ครบที่สุด คือ ประกันชีวิต ที่หากจ่ายเบี้ยและถือประกันจนครบสัญญา จะได้รับผลตอบแทนที่แน่นอนตามสัญญา โดยประกันชีวิตที่ว่า ได้แก่

  • ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ ที่มีเงินคืนในจำนวนที่แน่นอน ทุกปีหรือปีเว้นปี ตลอดระยะเวลาสัญญา และมีเงินคืนก้อนโตเมื่อครบสัญญา เช่น 10 ปี 20 ปีนับจากวันซื้อ หรือตอนอายุ 60 ปี 70 ปี เป็นต้น
  • ประกันชีวิตแบบบำนาญ ที่จะเริ่มมีเงินคืนหรือเงินบำนาญ ให้กับเราตอนอายุ 55-65 ปีแล้วแต่แบบประกัน และให้บำนาญทุกปีไปจนถึงอายุอย่างน้อย 85 ปี เพื่อเป็นเงินไว้ใช้จ่ายยามเกษียณอายุ

ผลตอบแทนประกันชีวิต หากคำนวณเป็นอัตราผลตอบแทนต่อปี หรือ IRR จะอยู่ที่ประมาณ 1%-3%ต่อปี ขึ้นกับแบบประกัน เพศ อายุ และทุนประกันที่ซื้อไว้

อย่างไรก็ตามตัวช่วยที่ตอบโจทย์รองลงมา คือ กองทุน RMF และกองทุน Thai ESG ที่เป็นกองทุนตราสารหนี้ ผลตอบแทนย้อนหลังเฉลี่ยระยะยาว มักอยู่ที่ 1%-3%ต่อปีเช่นกัน เพียงแต่มูลค่าเงินที่ลงทุนจะมีขึ้นลง ไม่ได้การันตีว่าเงินต้นอยู่ครบเมื่อครบเงื่อนไขระยะเวลาลงทุน แต่โดยธรรมชาติของกองทุนตราสารหนี้หากถือลงทุนได้นานกว่า Duration หรืออายุเฉลี่ยของตราสารหนี้ที่กองทุนลงทุน ที่ผ่านมาผลตอบแทนที่ได้รับมักไม่ติดลบ ดังนั้นหากต้องการกองทุนความผันผวนต่ำ ไม่อยากเห็นขาดทุนนานเกิน 6-12 เดือน ตัวช่วยที่ตอบโจทย์ คือ กองทุน RMF ที่เป็นกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น แต่ผลตอบแทนที่ได้ก็มักต่ำตาม

ต้องการกองทุนที่ผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก เช่น เฉลี่ย 1-3%ต่อปี สามารถเห็นผลขาดทุนได้นานเกิน 1 ปี แต่ยังต้องการให้เมื่อครบระยะเวลาการลงทุน เช่น 5 ปี หรือจนถึงอายุ 55 ปี ผลตอบแทนไม่ติดลบหรือลบได้แต่ต้องไม่มาก ตัวช่วยที่ตอบโจทย์ คือ กองทุน Thai ESG หรือกองทุน RMF ที่เป็นกองทุนตราสารหนี้ระยะยาว

โดย Duration ของกองทุนตราสารหนี้ สามารถดูได้จากหนังสือชี้ชวนฉบับย่อ (Fund Fact Sheet) ที่อัปเดตทุกเดือน

2.อยากเป็นเงินลงทุน ในสินทรัพย์หลากหลาย
เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนทุกสถานการณ์

ตัวช่วยที่ตอบโจทย์เรื่องความหลากหลายการลงทุนที่สุด คือ กองทุน RMF ซึ่งถือเป็นกองทุนที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานที่สุดของไทยที่ยังคงสามารถลงทุนลดหย่อนภาษีได้อยู่ และกฎเกณฑ์ก็เปิดให้กองทุน RMF สามารถลงทุนสินทรัพย์ได้หลากหลาย ตั้งแต่ตราสารหนี้ระยะสั้น ตราสารหนี้ระยะยาว ผสม หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ อสังหาริมทรัพย์ ทองคำ เป็นต้น

เงินที่ลงทุนกองทุน RMF ไป ในระหว่างที่ยังไม่ครบเงื่อนไข ยังสามารถสับเปลี่ยนไปกองทุน RMF อื่น ภายใต้ บลจ.เดียวกันได้อย่างอิสระ และมักไม่มีค่าธรรมเนียมสับเปลี่ยนด้วย ดังนั้นหาก

  • ต้องการถือระยะยาว ไม่อยากติดตามตลาดหรือสับเปลี่ยนบ่อย ตัวช่วยที่ตอบโจทย์ คือ กองทุน RMF ที่เป็นหุ้นโลก หรือกองทุนผสม เพราะมีการกระจายเงินลงทุน มีผู้จัดการกองทุนช่วยพิจารณาลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ตามสัดส่วนหรือนโยบายที่ประกาศไว้
  • ต้องการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีโอกาสเติบโตโดดเด่น โดยสามารถติดตามข่าวสารเพื่อให้พร้อมสับเปลี่ยนเงินลงทุนไปในทางเลือกที่มีโอกาสเติบโตมากกว่าได้อยู่เสมอ ตัวช่วยที่ตอบโจทย์ คือ กองทุน RMF ที่เป็นหุ้นไทย/หุ้นต่างประเทศ เช่น สับเปลี่ยนจาก RMF ที่เป็นกองทุนหุ้นไทย ไป RMF ที่เป็นกองทุนหุ้นจีน / อินเดีย เป็นต้น
  • ต้องการพักเงินไว้ ในช่วงสถานการณ์ไม่แน่นอน เพื่อรอจังหวะกลับไปลงทุนอีกครั้ง ตัวช่วยที่ตอบโจทย์ คือ กองทุน RMF ที่เป็นตราสารหนี้ระยะสั้น ราคาผันผวนต่ำ แต่ละวันราคาแทบไม่เปลี่ยนแปลง แต่ก็ทยอยเติบโตขึ้นตามตราสารหนี้ที่ลงทุน
  • ต้องการผลตอบแทนที่ค่อนข้างมั่นคง โอกาสขาดทุนต่ำ ในช่วง 3-5 ปีสุดท้ายก่อนครบเงื่อนไข ก่อนไถ่ถอนเงินหรือก่อนเกษียณ ตัวช่วยที่ตอบโจทย์ คือ กองทุน RMF ที่เป็นตราสารหนี้ระยะยาว หรือตราสารหนี้ระยะสั้น

3.อยากลงทุนให้สั้นที่สุด เพื่อนำเงินไปใช้จ่ายหรือลงทุนต่อ

ตัวช่วยที่ตอบโจทย์เรื่องระยะเวลาสั้นที่สุดสำหรับคนส่วนใหญ่ คือ กองทุน Thai ESG เพราะมีเงื่อนไขการถือครองเพียง 5 ปีเต็มเท่านั้น สั้นกว่าประกันชีวิตที่ต้องมีอายุกรมธรรม์ 10 ปีขึ้นไป และกองทุน RMF ที่ต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปีถึงอายุ 55 ปีบริบูรณ์ อย่างไรก็ตาม กองทุน Thai ESG แม้จะเป็นไปได้ทั้งกองทุนตราสารหนี้ กองทุนผสม และกองทุนหุ้น รวมถึงยังมีแบบที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผลและไม่จ่ายเงินปันผล แต่มีข้อจำกัดที่สำคัญ คือ ต้องเน้นลงทุนสินทรัพย์ที่อยู่ในไทย และเกี่ยวข้องกับ ESG เท่านั้น ทำให้มีความเสี่ยงการลงทุนกระจุกตัว ในสินทรัพย์ที่ออกโดยบางบริษัทหรือบางหน่วยงานเท่านั้น

สำหรับคนที่มีอายุมากกว่า 50 ปี ตัวช่วยที่ตอบโจทย์เรื่องระยะเวลาสั้นที่สุด คือ กองทุน RMF เพราะด้วยเงื่อนไขที่ต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปีจนถึงอายุ 55 ปีบริบูรณ์ และต้องไม่น้อยกว่า 5 ปีเต็ม เช่น หากปัจจุบันอายุ 51 ปีขึ้นไป ก่อนหน้านี้และอนาคตได้ลงทุนกองทุน RMF มาแล้วอย่างต่อเนื่องทุกปี เงินที่ลงทุนตอนนี้ จะสามารถขายคืนได้ตอนอายุ 55 ปีบริบูรณ์ พร้อมกับเงินในกองทุน RMF อื่น ซึ่งคิดเป็นเพียง 4 ปี นับจากปีแรกที่ลงทุน

4.อยากมีหลักประกัน ให้กับตนเองหรือครอบครัว

ตัวช่วยที่ตอบโจทย์เรื่องหลักประกันได้ดีที่สุด คือ ประกันชีวิตและประกันสุขภาพ ดังนั้นหากต้องการมีหลักประกันเงินก้อนโต ให้กับครอบครัว ตัวช่วยที่ตอบโจทย์ คือ

  • ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา เช่น จ่ายเบี้ย 10 ปี คุ้มครอง 10 ปี เมื่อครบสัญญาไม่มีเงินคืนใดๆ กลับมา แต่ด้วยเบี้ยประกันรายปีที่เท่ากัน ประกันชีวิตแบบนี้มักมีวงเงินความคุ้มครองชีวิตสูงที่สุด
  • ระกันชีวิตแบบตลอดชีพ ที่มักไม่มีเงินคืนระหว่างสัญญา แต่จะมีก้อนครบสัญญาให้หากมีชีวิตอยู่ถึงอายุ 90-99 ปี ซึ่งด้วยเบี้ยประกันรายปีที่เท่ากัน ประกันชีวิตแบบนี้มักมีวงเงินความคุ้มครองชีวิตที่สูงกว่าประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์และแบบบำนาญ อย่างไรก็ตามหากมีความจำเป็นต้องใช้เงินโดยไม่มีเงินเก็บส่วนอื่นเหลืออยู่แล้ว ก็สามารถยกเลิกประกันชีวิตก่อนกำหนด เพื่อขอรับมูลค่าเวนคืนเงินสดมาใช้จ่ายได้ แต่มูลค่าอาจต่ำกว่าเบี้ยประกันสะสมทั้งหมดที่จ่ายไปได้
  • ต้องการมีหลักประกันค่ารักษาพยาบาลให้กับตนเอง ยามเจ็บป่วย ตัวช่วยที่ตอบโจทย์ คือ ประกันสุขภาพ ที่มีชื่อตนเองเป็นผู้เอาประกันและชำระเบี้ย สามารถนำเบี้ยที่จ่ายแต่ละปีไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 25,000 บาท
  • ต้องการมีหลักประกันค่ารักษาพยาบาลให้กับคุณพ่อและ/หรือคุณแม่ ยามเจ็บป่วย ตัวช่วยที่ตอบโจทย์ คือ ประกันสุขภาพ ที่มีชื่อคุณพ่อหรือคุณแม่เป็นผู้เอาประกัน และตนเองมีชื่อเป็นผู้ชำระเบี้ย สามารถนำเบี้ยที่จ่ายแต่ละปีไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 15,000 บาท

สรุปเงื่อนไขการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีของแต่ละตัวช่วย

กองทุน ThaiESG

  • แต่ละปีลดหย่อนตามเงินที่ลงทุนจริง สูงสุด 30% แต่ไม่เกิน 300,000 บาท
  • เงินที่ลงทุนแต่ละครั้ง ต้องถือครองอย่างน้อย 5 ปีเต็ม จึงจะสามารถขายคืนได้ ซึ่งอาจกำไรหรือขาดทุนก็ได้
  • ไม่จำเป็นต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี

กองทุน RMF

  • แต่ละปีลดหย่อนตามเงินที่ลงทุนจริง สูงสุด 30% แต่ไม่เกิน 500,000 บาท*
  • ต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี (หรือปีเว้นปี) ไม่มีขั้นต่ำ จนถึงอายุ 55 ปีบริบูรณ์ และต้องไม่น้อยกว่า 5 ปีเต็ม

เบี้ยประกันบำนาญ

  • แต่ละปีลดหย่อนตามเงินที่จ่ายเป็นค่าเบี้ยประกันจริง สูงสุด 15% แต่ไม่เกิน 200,000 บาท*
  • แบบประกันต้องไม่มีเงินคืนก่อนอายุ 55 ปี และรอทยอยรับเป็นเงินบำนาญไปจนถึงอายุไม่น้อยกว่า 85 ปี

เบี้ยประกันชีวิต แต่ละปีลดหย่อนตามเงินที่จ่ายเป็นค่าเบี้ยประกันจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท*
เบี้ยประกันสุขภาพตนเอง แต่ละปีลดหย่อนตามเงินที่จ่ายเป็นค่าเบี้ยประกันจริง แต่ไม่เกิน 25,000 บาท**เบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดา แต่ละปีลดหย่อนตามเงินที่จ่ายเป็นค่าเบี้ยประกันจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท

* ในแต่ละปี RMF + ประกันบำนาญ + กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ + กบข. + กองทุนสงเคราะห์โรงเรียนเอกชน + กอช. รวมกันใช้สิทธิได้สูงสุด 5 แสนบาท

** ในแต่ละปี เบี้ยประกันชีวิต + เบี้ยประกันสุขภาพตนเอง รวมกันใช้สิทธิได้สูงสุด 1 แสนบาท

ไม่ว่าเลือกใช้ตัวช่วยลดหย่อนภาษีแบบใด สิ่งสำคัญคือการประเมินความต้องการและเป้าหมายทางการเงินของตนเองอย่างรอบคอบ เพราะแต่ละทางเลือกมีจุดเด่น เงื่อนไข และข้อจำกัดที่แตกต่างกัน หากเลือกได้ตรงกับความต้องการ ไม่เพียงแต่จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีสูงสุด ยังช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว เพื่ออนาคตที่มั่นคงและอุ่นใจในทุกสถานการณ์ ได้อีกด้วย

ราชันย์ ตันติจินดา

ราชันย์ ตันติจินดา

นักวางแผนการเงิน CFP

แชร์
เลือกลดหย่อนภาษีให้เป๊ะ ชีวิตก็แฮปปี้