รัฐเคาะเงิน Upskill/Reskill สูงสุด 2,000 บาท/คน ดันธุรกิจไทยเสริมทักษะ
ครม.อนุมัติ “คนละครึ่งพลัส - Upskill/Reskill” หนุนร้านค้าพัฒนาทักษะรอบด้าน รับเงินสูงสุด 2,000 บาท กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเปิด 5 หลักสูตร พร้อมเครื่องมือดิจิทัลและสินเชื่อหนุนร้านค้า อบรม 19 พ.ย.-19 ธ.ค. 2568 สิทธิจำกัด 400,000 ราย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 อนุมัติโครงการ Upskill/Reskill สำหรับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัส โดยรัฐบาลตั้งเป้ายกระดับผู้ประกอบการรายย่อยทั้งด้านการขาย การเงิน และเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อให้ร้านค้าสามารถเพิ่มยอดขาย หาลูกค้าใหม่ ลดต้นทุน และปรับตัวให้ทันต่อการแข่งขันในตลาดออนไลน์
โครงการนี้ถือเป็นมาตรการเสริมที่มุ่ง “ติดอาวุธ” องค์ความรู้ให้พ่อค้าแม่ค้าอย่างยั่งยืน โดยร้านค้าที่ผ่านเกณฑ์จะได้รับเงินสนับสนุนเพิ่มรายละไม่เกิน 2,000 บาท คิดจากยอดขายที่รัฐร่วมจ่ายภายใต้โครงการคนละครึ่งพลัส จำกัด 400,000 สิทธิแบบ First-come First-served
การอบรมจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน – 19 ธันวาคม 2568 ผ่านระบบออนไลน์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD Academy) เปิดให้เรียนได้ตลอด 24 ชั่วโมง ร้านค้าที่อยู่ในระบบคนละครึ่งพลัสสามารถเริ่มเรียนได้ทันที ขณะที่ร้านค้าใหม่ต้องลงทะเบียนกับโครงการ ผ่านการตรวจสอบโดยกระทรวงมหาดไทย และรอการติดตั้งแอป “ถุงเงิน” จากธนาคารกรุงไทยก่อนเข้าร่วมอบรม
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังสนับสนุนเครื่องมือดิจิทัล เช่น ระบบบัญชีออนไลน์ ให้ใช้ฟรี 6 เดือน และเปิดช่องทางให้ร้านค้าสามารถขอกู้เงินกับธนาคารออมสินได้ไม่เกิน 50,000 บาท เพื่อเสริมสภาพคล่อง โดยมีความร่วมมือร่วมกับ GrabFood, LINE MAN, Shopee และ Robinhood ช่วยให้ร้านค้าสามารถใช้ข้อมูลรายได้ประกอบการเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น
หลักสูตรใหม่ เจาะดิจิทัล-การตลาด-AI หนุนร้านค้าปรับตัวสู่ยุคใหม่
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า โครงการนี้เป็นการต่อยอดจากคนละครึ่งพลัส โดยมุ่งให้ร้านค้าสามารถเพิ่มศักยภาพการแข่งขันผ่านการเรียนรู้ทักษะที่จำเป็นต่อการทำธุรกิจยุคปัจจุบัน ตั้งแต่การค้าขาย การตลาดออนไลน์ การส่งเสริมการขาย ไปจนถึงการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในธุรกิจจริง
หลักสูตรที่กรมจัดเตรียมจำนวน 5 รายวิชา ได้แก่
- การเริ่มต้นธุรกิจสำหรับ SME มือใหม่ เน้นการวางแผนธุรกิจ การบริหารจัดการต้นทุน และการตั้งราคาที่เหมาะสม
- การตลาดด้าน e-Commerce มุ่งเพิ่มยอดขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ รวมถึงเทคนิคสร้างคอนเทนต์สินค้า
- การตลาดยุคดิจิทัล (Digital Marketing) ครอบคลุมการใช้เครื่องมือดิจิทัล การทำโฆษณาออนไลน์ และการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า
- AI เปลี่ยนเกมธุรกิจ พลิก SME ไทยให้เติบโต สอนการใช้ AI ลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพงานร้านค้า และการนำเครื่องมือ AI มาประยุกต์ในขั้นตอนการขาย
- เส้นทางสู่ความสำเร็จธุรกิจร้านอาหาร เจาะกลยุทธ์การบริหารร้านอาหาร การออกแบบเมนู การบริหารต้นทุน และวิธีเข้าระบบ Food Delivery อย่างมีประสิทธิภาพ
อธิบดีระบุว่า หลักสูตรทั้งหมดถูกออกแบบให้สอดรับความต้องการของร้านค้าขนาดเล็ก ช่วยให้ผู้ประกอบการมีองค์ความรู้ที่สามารถนำไปใช้จริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจที่ต้องพึ่งพาช่องทางออนไลน์มากขึ้น
ด้านนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่า ภายใต้โครงการดังกล่าว รัฐต้องการผลักดันให้ร้านค้ายกระดับ 3 ทักษะสำคัญ ได้แก่
- ทักษะการขาย ขายอย่างไรให้ปัง ขยายช่องทางขายบนแพลตฟอร์มหลากหลาย
- ทักษะด้านการเงิน รู้ต้นทุน ตั้งราคาเหมาะสม และทำบัญชีอย่างถูกต้อง
- ทักษะเทคโนโลยีดิจิทัล ใช้เครื่องมือออนไลน์ลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และเตรียมพร้อมต่อการทำธุรกรรมในระบบ
นายเอกนิติยังย้ำว่าปัจจุบันมีร้านค้าเข้าร่วมคนละครึ่งพลัสแล้วกว่า 950,000 ร้านค้า ซึ่งเป็นฐานสำคัญที่ควรได้รับการอัพสกิล-รีสกิลเพื่อยืนหยัดในตลาดที่แข่งขันสูงและเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว
เงื่อนไขรับสิทธิ 2,000 บาท และกำหนดการประกาศผล
ผู้ประกอบการร้านค้าต้องเลือกอบรม 1 ใน 5 หลักสูตร และต้องเรียนด้วยตนเองตลอดระยะเวลาหลักสูตร พร้อมทำแบบทดสอบตามเกณฑ์ ดังนี้
- ต้องทำ Pre-test ก่อนเรียน และ Post-test หลังเรียน
- หาก Pre-test ได้คะแนนเต็ม 100% ถือว่าไม่เข้าเกณฑ์พัฒนาทักษะ ต้องเลือกเรียนหลักสูตรอื่น
- ต้องมีคะแนน Post-test ไม่น้อยกว่า 70% และ สูงกว่า Pre-test จึงถือว่าพัฒนาทักษะสำเร็จ
ร้านค้าที่ผ่านเกณฑ์จำนวนไม่เกิน 400,000 รายแรก จะได้รับสิทธิเงินสนับสนุน 20% ของยอดขายที่รัฐร่วมจ่าย ภายใต้โครงการคนละครึ่งพลัส สูงสุดไม่เกิน 2,000 บาทต่อร้านค้า โดยกระทรวงการคลังจะประกาศผลผู้ได้รับสิทธิผ่านแอป “ถุงเงิน” และ SMS ในวันที่ 23 ธันวาคม 2568 และจะโอนเงินให้ร้านค้าผ่านบัญชีธนาคารกรุงไทยที่ผูกกับแอป “ถุงเงิน” ในวันที่ 25 ธันวาคม 2568
นายพูนพงษ์กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการนี้เป็นการใช้งบประมาณรัฐที่ให้ผลตอบแทนสูง ทั้งช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายในระยะสั้น และช่วยติดอาวุธความรู้ให้ร้านค้าเพื่อความยั่งยืน ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถแข่งขันได้ในตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว
ผู้สนใจสามารถสมัครและเข้าเรียนได้ผ่านเว็บไซต์ https://dbdacademy.dbd.go.th/ หรือ www.dbd.go.th > DBD e-learning ระหว่างวันที่ 19 พฤศจิกายน - 19 ธันวาคม 2568 สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ กองธุรกิจบริการ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า โทร. 0 2547 5963 หรือ Call Center 1570
