Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ไทยอาจเสียตำแหน่ง ‘ฮับอัญมณี-เครื่องประดับ’ หากไม่เร่งยกระดับมาตรฐาน
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

ไทยอาจเสียตำแหน่ง ‘ฮับอัญมณี-เครื่องประดับ’ หากไม่เร่งยกระดับมาตรฐาน

19 พ.ย. 68
19:27 น.
แชร์

ประเทศไทยส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) ปีละเกือบ 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 324,200 ล้านบาท นับว่าไทยเป็นหนึ่งในศูนย์กลางหรือฮับการผลิตและการค้าอัญมณีและเครื่องประดับของโลก 

แต่ความท้าทายของอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทย คือ ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมนี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก (SME) ยังไม่ได้เข้าสู่มาตรฐานในระดับสากล ซึ่งนั่นเป็นความเสี่ยงที่อาจจะทำให้ไทยต้องเสียตลาดให้คู่แข่ง และสูญเสียตำแหน่งฮับการผลิตและการค้าอัญมณีและเครื่องประดับของโลกไปในอนาคต

รายงานของ แมคคินซีย์ (McKinsey) บริษัทที่ปรึกษากลยุทธ์ระดับโลกระบุว่า ปัจจัยด้านความยั่งยืนมีอิทธิพลต่อยอดขายเครื่องประดับทั่วโลกถึง 20-30% ซึ่งสะท้อนพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญกับที่มาของวัตถุดิบ ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสิทธิมนุษยชนในกระบวนการผลิต

ด้วยเหตุนี้ มาตรฐานด้านธรรมาภิบาลสากล เช่น Responsible Jewellery Council (RJC) จึงเป็นเสมือน ‘ใบเบิกทางทางการค้า’ ที่ตลาดหลักในต่างประเทศกำหนดให้เป็นเงื่อนไขสำคัญสำหรับการเข้าถึงตลาดโลกอย่างยั่งยืน 

ดังนั้น ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับจึงควรเร่งยกระดับมาตรฐานการผลิต ตั้งแต่กระบวนการคัดสรรวัตถุดิบ การออกแบบ ไปจนถึงระบบตรวจสอบย้อนกลับ เพื่อให้ผู้ซื้อจากต่างประเทศมั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ไทยมีคุณภาพและโปร่งใสตามหลักสากล ขณะเดียวกัน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ต้องเร่งมือในการให้คำแนะนำ-ปรึกษา และอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการสามารถพัฒนาได้  

ความท้าทายของผู้ประกอบการไทย

สุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT กล่าวถึงความสำคัญของมาตรฐานอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับว่า ไทยมีจุดแข็งด้านฝีมือและการออกแบบที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก แต่ตลาดอัญมณีและเครื่องประดับโลกในยุคปัจจุบันไม่ได้มองที่ความงามเพียงอย่างเดียว เพราะผู้บริโภคทั่วโลกต่างให้ความสำคัญกับ ‘มาตรฐาน ความโปร่งใส และความยั่งยืน’ ที่ครอบคลุมถึงสิ่งแวดล้อม จนกลายเป็นเงื่อนไขสำคัญของการค้าโลกในปัจจุบัน ดังนั้น กลไกสำคัญที่จะปลดล็อกศักยภาพผู้ประกอบการไทยให้ก้าวสู่การแข่งขันในตลาดโลกได้มากขึ้นคือ ‘มาตรฐาน’ ที่สร้างความน่าเชื่อถือเชิงระบบ ตั้งแต่แหล่งที่มาวัตถุดิบ มาตรฐานแรงงาน ความปลอดภัย ไปจนถึงสิ่งแวดล้อม

สำหรับความท้าทายในการปรับตัวให้ได้มาตรฐานของผู้ประกอบการไทยนั้น ผอ. GIT บอกว่า เป็นความท้าทายสำหรับผู้ประกอบการส่วนใหญ่ซึ่งเป็นผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก คือ ไม่มีเงินทุนมากพอสำหรับการปรับตัวให้เข้ากับมาตรฐาน เพราะการปรับตัวให้ได้มาตรฐานนั้นต้องมีการรื้อระบบใหม่ทั้งหมด ซึ่งทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น ทั้งการปรับที่พักคนงาน มาตรฐานโรงงาน ชั่วโมงการทำงาน ฯลฯ ส่วนผู้ประกอบการรายใหญ่นั้นสามารถปรับตัวและอยู่รอดได้อย่างยั่งยืนด้วยตนเอง มีกำลังในการปรับการผลิตเพื่อให้ได้มาตรฐานสากลหรือตลาดที่ต้องการขายแล้ว

ผู้อำนวยการ GIT แนะว่า ผู้ประกอบการต้องประเมินตลาดว่า การขายในตลาดนั้นๆ คุ้มค่าเพียงพอที่จะรีโนเวตหรือสร้างโรงงานใหม่หรือไม่ หากประเมินว่าไม่คุ้ม ต้องมองหาตลาดอื่นที่โรงงานของตนสามารถปฏิบัติตามมาตรฐานและเข้าไปตลาดนั้นได้ พร้อมบอกด้วยว่า อยากให้ผู้ประกอบการเข้าหาหน่วยงานรัฐ เช่น กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) หรือเข้าร่วมโครงการ SMEs Pro-active เพื่อปรึกษาว่า ต้องปรับตัวอย่างไรและต้องการการสนับสนุนอย่างไรบ้างในการเข้าไปขายในตลาดที่ตั้งเป้าไว้

นอกจากความท้าทายด้านมาตรฐานแล้ว ผอ. GIT บอกว่า สถานการณ์ปัจจุบันเรื่องภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ก็เป็นความท้าทายและส่งผลกระทบผู้ประกอบการอัญมณีและเครื่องประดับไทยเช่นกันกับอุตสาหกรรมอื่นๆ ซึ่งไม่ได้กระทบแค่ในแง่อัตราภาษีและการเสียเปรียบทางการแข่งขันเท่านั้น แต่ผลกระทบที่สำคัญคือ การที่สหรัฐฯเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าทำให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้นและกำลังซื้อของผู้บริโภคในสหรัฐฯลดลง จึงส่งผลให้ความต้องการซื้ออัญมณีและเครื่องประดับลดลงไปด้วย

GIT หวังยกระดับการผลิตอัญมณี-เครื่องประดับไทย 

สำหรับผู้ประกอบการ หากต้องการที่ปรึกษาและเครื่องมือสนับสนุนในการปรับตัวและพัฒนาเพื่อเข้าสู่มาตรฐานที่สากลยอมรับ สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT มี “โครงการยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางการค้าและการผลิตอัญมณีและเครื่องประดับโลกแบบยั่งยืน” ที่จะช่วยเป็นพี่เลี้ยงให้ได้

ผอ.สุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย กล่าวในการเปิด “โครงการยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางการค้าและการผลิตอัญมณีและเครื่องประดับโลกแบบยั่งยืน” ปี 2568 ว่า สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT ได้ขับเคลื่อนโครงการดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2567 และขับเคลื่อนต่อยอดมาในปีนี้ 

วัตถุประสงค์ของโครงการ คือ เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมตลอดห่วงโซ่คุณค่าอัญมณีและเครื่องประดับไทยสู่มาตรฐานด้านความยั่งยืน และสร้างภาพลักษณ์ให้ไทยได้รับการยอมรับว่าเป็นศูนย์กลางแห่งการผลิตอัญมณีและเครื่องประดับที่มีการดำเนินการอย่างมีธรรมาภิบาลและความรับผิดชอบ 

ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติฯ บอกว่า นอกจากการพัฒนาองค์ความรู้ของผู้ประกอบการผ่านการอบรมมาตรฐานเชิงลึกแล้ว โครงการนี้ถูกออกแบบให้เป็นระบบสนับสนุนแบบ ‘ครบวงจร’ สำหรับผู้ประกอบการ SME โดยมีการให้คำปรึกษาแบบรายบริษัท (One-on-One) โดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะแต่ละมาตรฐาน ได้รับการเข้าอบรมหลักสูตรกับบุคลากรชั้นนำ ได้รับการประเมินผลพร้อม feedback และ roadmap ที่นำไปสู่ความพร้อมในการขอรับรองมาตรฐานในระดับสากล

นอกจากนี้ ยังสนับสนุนการปรับภาพลักษณ์ธุรกิจให้สอดรับกับผู้บริโภคยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับความโปร่งใสและความยั่งยืน ตลอดจนการเชื่อมโยงผู้ประกอบการเข้าสู่ตลาดโลก ผ่านเครือข่ายพันธมิตรของ GIT และผู้เล่นสำคัญในห่วงโซ่อุปทานระดับนานาชาติ 

“โครงการนี้จึงไม่เพียงยกระดับอุตสาหกรรมอัญมณ์ไทยให้แข่งขันได้อย่างยั่งยืน แต่ยังเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตและการค้าอัญมณีระดับโลกอย่างแท้จริง” ผอ. GIT กล่าว

เดินหน้ายกระดับผู้ประกอบการสู่ 3 มาตรฐาน

ผอ. GIT บอกว่า โครงการเมื่อปี 2567 เน้นมาตรฐาน RJC มีผู้เข้าร่วมอบรมในโครงการกว่า 300 ราย และให้คำปรึกษาเชิงระบบกว่า 100 ราย มีผู้ประกอบการที่ได้รับการประเมินความพร้อมในการเข้าสู่มาตรฐาน RJC จำนวน 40 ราย ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่ชัดเจนว่า SME ไทยมีศักยภาพพร้อมสำหรับการแข่งขันระดับโลก หากได้รับโอกาส การสนับสนุน และการใช้เครื่องมือที่เหมาะสม

สำหรับในปีนี้ โครงการฯจะอบรมผู้ประกอบการให้มีความพร้อมสู่ 3 มาตรฐานหลัก ครอบคลุมในหลักธรรมมาภิบาล ความยั่งยืน และสิ่งแวดล้อม ได้แก่ 

  • GIT Standard 3001 มาตรฐานธรรมาภิบาลและความยั่งยืนของไทยที่ GIT พัฒนาขึ้นเพื่อช่วยยกระดับกระบวนการผลิตและระบบคุณภาพให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ และเสริมสร้างความมั่นใจในห่วงโซ่อุปทานให้กับผู้บริโภคทั่วโลก และต่อยอดสู่มาตรฐานสากล
  • Responsible Jewellery Council (RIC) มาตรฐานสากลที่ทั่วโลกยอมรับ โดยให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม เน้นความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และธรรมาภิบาล 
  • Carbon Footprint for Organization (CFO) ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมอัญมณีไทยในการมุ่งสู่การเป็นอุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำ โดยวัดผลด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมตอบสนองเป้าหมาย SDGs ของประเทศ

“เรามองว่าโครงการในปีนี้เป็นการยกระดับแบบก้าวกระโดด โดยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าสู่การพัฒนาอย่างรอบด้าน ทั้งด้านคุณภาพ ธรรมาภิบาล และสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน เพื่อเตรียมความพร้อมสู่มาตรฐานระดับนานาชาติ ทั้งในตลาดเอเชีย ยุโรป และสหรัฐอเมริกา” ผอ. GIT กล่าว 

แชร์
ไทยอาจเสียตำแหน่ง ‘ฮับอัญมณี-เครื่องประดับ’ หากไม่เร่งยกระดับมาตรฐาน