Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
รู้จัก ‘อารีย์สกอร์’ เครดิตของคนรากหญ้า ใช้บิลไฟ-น้ำ-มือถือ ขอกู้ได้
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

รู้จัก ‘อารีย์สกอร์’ เครดิตของคนรากหญ้า ใช้บิลไฟ-น้ำ-มือถือ ขอกู้ได้

24 ก.ย. 68
18:15 น.
แชร์

การเข้าถึงสินเชื่อถือเป็น “กุญแจ” สำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจและยกระดับคุณภาพชีวิต แต่สำหรับผู้ที่ไม่มีรายได้ประจำหรือไม่มีสลิปเงินเดือน การขอสินเชื่อมักเป็นเรื่องยากมาโดยตลอด เพราะขาดหลักฐานทางการเงินที่สถาบันการเงินเชื่อถือได้ ปัญหานี้ทำให้คนจำนวนมากถูกกันออกจากระบบการเงิน เกิดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจ และผลักดันให้หลายคนต้องพึ่งพาหนี้นอกระบบ ซึ่งมีต้นทุนดอกเบี้ยสูงและเสี่ยงต่อการถูกเอารัดเอาเปรียบ

เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว เร็วๆ นี้กระทรวงการคลังเตรียมเปิดตัว “อารีย์สกอร์” (Ari Score) ระบบเครดิตสกอริ่งรูปแบบใหม่สำหรับประชาชนและเอสเอ็มอี โดยนำพฤติกรรมการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เช่น การชำระค่าไฟฟ้า ค่าน้ำ และค่าโทรศัพท์มือถือ มาประมวลผลเป็นคะแนนเครดิต เพื่อช่วยให้ผู้ที่ไม่มีรายได้ประจำสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น และลดการพึ่งพาหนี้นอกระบบ โดยอารีย์สกอร์จะพัฒนาขึ้นจาก ระบบ Data Lake ที่เก็บข้อมูลรายรับรายจ่ายของคนไทยกว่า 60 ล้านคน ถือเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลนำ เทคโนโลยี Big Data มาประยุกต์สร้างระบบเครดิตสกอริ่งที่เปิดกว้างและไม่ยึดติดกับข้อมูลเครดิตบูโรเพียงอย่างเดียว

วันนี้ SPOTLIGHT จึงอยากพาทุกคนไปทำความรู้จักอารีย์สกอร์กันว่าคืออะไร? ใช้อย่างไร? และใครมีสิทธิใช้อารีย์สกอร์ในการขอสินเชื่อได้บ้าง?

อารีย์สกอร์คืออะไร? ทำงานอย่างไร? ใช้กับธนาคารใดได้บ้าง?

อารีย์สกอร์ (Ari Score) คือระบบเครดิตสกอริ่งใหม่ที่กระทรวงการคลังพัฒนาขึ้น เพื่อช่วยให้ประชาชนและเอสเอ็มอีเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่ไม่มีรายได้ประจำหรือกลุ่มอาชีพอิสระที่มักถูกกีดกันจากระบบการเงินแบบเดิม กลไกนี้นำพฤติกรรมการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เช่น การชำระค่าไฟฟ้า ค่าน้ำ ค่าโทรศัพท์มือถือ รวมถึงพฤติกรรมทางการเงินอื่น ๆ มาประมวลผลเป็นคะแนนเครดิต แทนที่จะพิจารณาเฉพาะประวัติการชำระหนี้กับธนาคารหรือเครดิตบูโรเพียงอย่างเดียว

ระบบนี้อ้างอิงจาก Data Lake ซึ่งเป็นการรวบรวมข้อมูลขนาดใหญ่จากกว่า 20 หน่วยงาน ครอบคลุมข้อมูลคนไทยกว่า 60.8 ล้านคน และข้อมูลธุรกิจกว่า 6 แสนกิจการ แหล่งข้อมูลสำคัญประกอบด้วย เครดิตบูโร กรมสรรพากร สถาบันคุ้มครองเงินฝาก และหน่วยงานด้านการเงินอื่น ๆ โดยถือเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลนำเทคโนโลยี Big Data มาประยุกต์ใช้สร้างระบบเครดิตสกอริ่งในวงกว้าง เพื่อเปิดโอกาสทางการเงินให้กับผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ในอดีต

ความแตกต่างของอารีย์สกอร์คือการเปิดกว้างต่อกลุ่มที่มีรายได้ไม่แน่นอน เช่น พ่อค้าแม่ค้า ผู้ประกอบอาชีพอิสระ และเอสเอ็มอีขนาดเล็ก ที่ต้องการวงเงินกู้ตั้งแต่ 10,000-50,000 บาท โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเอกสารแสดงรายได้หรือหลักฐานเครดิตจากสถาบันการเงินแบบเดิม อีกทั้งยังรองรับผู้ที่ติดแบล็กลิสต์เครดิตบูโร ให้สามารถนำคะแนนเครดิตจากอารีย์สกอร์มายื่นขอสินเชื่อแทนได้ ถือเป็นการลดการพึ่งพาหนี้นอกระบบและสร้างความเท่าเทียมทางการเงินมากขึ้น

ในระยะแรก กระทรวงการคลังจะนำร่องการใช้อารีย์สกอร์ผ่านสถาบันการเงินของรัฐ 4 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย (KTB) ธนาคารออมสิน ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME D Bank) และธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) การเริ่มต้นครั้งนี้จึงไม่เพียงช่วยขยายโอกาสในการเข้าถึงสินเชื่อ แต่ยังเป็นการปรับโครงสร้างระบบการเงินไทยให้ตอบโจทย์ผู้คนหลากหลายกลุ่มมากขึ้นด้วย

อารีย์สกอร์มีประโยชน์อย่างไร?

ประโยชน์ของอารีย์สกอร์ (Ari Score) อยู่ที่การแก้ไขปัญหาการเข้าถึงสินเชื่อของประชาชนกลุ่มใหญ่ในสังคมไทย ที่ผ่านมา หลายคนต้องพึ่งพาหนี้นอกระบบไม่ใช่เพราะไม่มีศักยภาพชำระหนี้ แต่เพราะขาดประวัติทางการเงินที่น่าเชื่อถือ ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน หรือไม่เคยใช้บริการทางการเงินในระบบอย่างเพียงพอ ทำให้สถาบันการเงินประเมินความเสี่ยงได้ยากและมักปฏิเสธการปล่อยกู้

อารีย์สกอร์เข้ามาช่วยเติมเต็มช่องว่างนี้ โดยใช้ข้อมูลจากหลายหน่วยงาน รวบรวมและวิเคราะห์ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้สามารถสะท้อนพฤติกรรมการใช้จ่ายจริงของผู้กู้ได้แม่นยำกว่าเดิม เปิดโอกาสให้คนที่ไม่เคยมีเครดิตทางการเงินสามารถกู้ได้ และลดความจำเป็นในการหันไปพึ่งพาหนี้นอกระบบ

นอกจากนี้ หากมีการนำอารีย์สกอร์มาใช้จริงอย่างแพร่หลาย ยังจะช่วยเพิ่มการแข่งขันในตลาดสินเชื่อ ทำให้ประชาชนมีทางเลือกมากขึ้น และสามารถเข้าถึงสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง เมื่อเปรียบเทียบกับสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์หรือนาโนไฟแนนซ์ ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า 36% ต่อปี หรือหนี้นอกระบบที่บางรายคิดดอกเบี้ยสูงถึง 200-300% ต่อปี ถือเป็นการลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมในระบบการเงินได้อย่างมีนัยสำคัญ

หากกล่าวโดยสรุป อารีย์สกอร์จึงไม่เพียงช่วยประชาชนรายย่อยเท่านั้น แต่ยังสร้างผลดีต่อระบบการเงินและเศรษฐกิจในภาพรวม ได้แก่

  • ลดความเหลื่อมล้ำทางการเงิน เปิดโอกาสให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้าถึงสินเชื่อได้อย่างเท่าเทียม
  • สร้างเศรษฐกิจฐานรากที่เข้มแข็ง ผู้ประกอบการรายย่อยและ SMEs มีเงินทุนหมุนเวียนต่อยอดธุรกิจ
  • แก้ปัญหาหนี้นอกระบบอย่างยั่งยืน ลดการพึ่งพาเจ้าหนี้นอกระบบที่คิดดอกเบี้ยสูงและทวงหนี้ไม่เป็นธรรม
  • เพิ่มประสิทธิภาพระบบการเงิน สถาบันการเงินสามารถขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มที่มีศักยภาพแต่เคยเข้าไม่ถึง

ในอนาคต กระทรวงการคลังยังวางแผนพัฒนาอารีย์สกอร์อย่างต่อเนื่อง โดยจะบูรณาการร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์ทางการเงิน (Financial Landscape) ให้รองรับความต้องการที่หลากหลายของประชาชนทุกกลุ่ม และตอบโจทย์ตามบริบทของพื้นที่และความเป็นจริงของสังคมไทย

ดังนั้น อารีย์สกอร์จึงไม่ใช่เพียงเครื่องมือด้านเครดิต แต่เป็น กลไกสำคัญ ในการขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ของกระทรวงการคลัง ที่มุ่งสร้างระบบการเงินที่ทั่วถึง เป็นธรรม และยั่งยืน สอดรับกับเศรษฐกิจดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่ยังคงยึดหลัก “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”


แชร์
รู้จัก ‘อารีย์สกอร์’ เครดิตของคนรากหญ้า ใช้บิลไฟ-น้ำ-มือถือ ขอกู้ได้