เมื่อวันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งแรกในรอบปี โดยปรับลง 0.25% สู่ระดับ 4.00–4.25% ซึ่งถือว่าเป็นไปตามที่นักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ดี ปฏิกิริยาของตลาดการเงินกลับไม่ได้ตอบสนองในเชิงบวกมากนัก โดยสินทรัพย์เสี่ยงรวมถึงตลาดคริปโทฯ ยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบ สะท้อนว่าการลดดอกเบี้ยครั้งนี้ยังไม่ได้สร้างความมั่นใจอย่างเต็มที่ต่อทิศทางเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า โดยมีรายละเอียดดังนี้
ปัจจัยสำคัญอยู่ที่ “Dot Plot” หรือการแสดงประมาณการอัตราดอกเบี้ยจากกรรมการเฟดทั้ง 19 คน ซึ่งในครั้งนี้ ค่ากลางสะท้อนแนวโน้มการลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ลงสู่ระดับ 3.50–3.75% แม้จะสอดคล้องกับความคาดหวังของตลาด แต่หากมองในไส้ในจะพบว่าคณะกรรมการมีความเห็นแตกออกอย่างชัดเจน โดยครึ่งหนึ่งเห็นด้วยกับการลด 2 ครั้ง ขณะที่อีกครึ่งประเมินว่าไม่ควรลดมากกว่านั้น เหตุผลสำคัญมาจากความกังวลว่าแม้ตลาดแรงงานจะเริ่มอ่อนตัว แต่แรงกดดันเงินเฟ้อยังไม่หมดไป การลดดอกเบี้ยในรอบนี้จึงถูกมองว่าเป็นเพียง “การบริหารความเสี่ยง” มากกว่าจะเป็นการเปิดทางสู่รอบการลดดอกเบี้ยรัว ๆ อย่างที่นักลงทุนบางส่วนคาดหวัง
อีกประเด็นที่สร้างความกังวลต่อตลาดคือการแสดงความเห็นต่างของคุณสตีเฟน มิแรน กรรมการเฟดคนใหม่ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ โดยเขาโหวตให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยกว่า 0.50% แม้จะไม่สามารถเปลี่ยนมติรวมได้ แต่สะท้อนถึงแรงกดดันทางการเมืองที่เริ่มมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของเฟดอย่างชัดเจน
ความกังวลนี้ทวีความสำคัญยิ่งขึ้นเมื่อมองไปข้างหน้า เนื่องจากวาระการดำรงตำแหน่งของประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ จะสิ้นสุดกลางปีหน้า ซึ่งเปิดโอกาสให้มีการแต่งตั้งประธานเฟดคนใหม่ หากเป็นบุคคลที่มีแนวโน้มใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเกินควร อาจนำไปสู่การกลับมาของนโยบายดอกเบี้ยต่ำพิเศษหรือมาตรการอัดฉีดเชิงรุก (เช่น QE หรือ Yield Curve Control) ที่เสี่ยงก่อให้เกิดฟองสบู่ในสินทรัพย์ต่าง ๆ ในระยะถัดไป
สำหรับตลาดคริปโทฯ เองระยะสั้นคงหนีไม่พ้นภาวะ wait and see เช่นเดียวกับสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก แต่อย่างน้อยหนึ่งในข่าวดีคือไม่ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยได้มากตามที่ตลาดคาดหวังหรือไม่ แต่ผลสุดท้ายคือมีการลดดอกเบี้ยและสภาพคล่อง (liquidity) จะถูกอัดฉีดกลับเข้าระบบไม่มากก็น้อย ซึ่งจะเป็นเหตุผลหลักให้ตลาดมีเรื่องให้ขึ้นต่อได้ ไม่ได้สิ้นสุดตาม 4 years cycle หรือ Halving cycle ในเดือนตุลาคมอย่างที่หลายคนกลัวกัน เพียงแต่กว่าการขึ้นรอบนี้อาจจะไม่ได้วิ่งดุดันอย่างปี 2021 ที่เฟดลดดอกเบี้ยเหลือ 0% และขยายงบดุลอัดฉีด QE อย่างมีนัยสำคัญเท่านั้นเอง
*หมายเหตุ
คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
แหล่งที่มา:
https://edition.cnn.com/business/live-news/federal-reserve-interest-rate-09-17-25