แม้ว่าปี 2568 นี้ตลาดหุ้นไทยไม่ค่อยสดใส แต่สำหรับนักลงทุนที่ถือหุ้นระยะยาวเพื่อเน้นรับเงินปันผล ก็นับว่าเป็นปีที่ดีไม่น้อย เพราะในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยจ่ายปันผลรวมกันมากกว่าปีที่แล้วถึง 18%
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเปิดเผยข้อมูลว่า ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (ตลาดหุ้นไทย) จ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นจำนวน 563 บริษัท จ่ายเงินปันผล 593 ครั้ง รวมมูลค่าเงินปันผลจ่าย 499,358 ล้านบาท โดยบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่จ่ายเงินปันผล 1 ครั้ง ขณะที่มี 30 บริษัทที่จ่ายเงินปันผล 2 ครั้ง
เมื่อเทียบกับปี 2567 พบว่า จำนวนครั้งในการจ่ายเงินปันผลลดลงจาก 605 ครั้งในช่วง 8 เดือนของปี 2567 เหลือ 593 ครั้ง ขณะที่มูลค่าเงินปันผลที่จ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นจาก 423,240 ล้านบาท เป็น 499,358 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 18.0%
ทั้งนี้ การจ่ายปันผลส่วนใหญ่เกิดขึ้นในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม 2568 ซึ่งเป็นเทศกาลจ่ายเงินปันผล โดยบริษัทจดทะเบียนจ่ายเงินปันผล 534 ครั้ง คิดเป็น 90.1% ของจำนวนการจ่ายเงินปันผลรวมในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2568 และในเดือนพฤษภาคม 2658 เป็นเดือนที่มีการจ่ายเงินปันผลมากที่สุดรวม 456 ครั้ง คิดเป็น 76.9% ของจำนวนการจ่ายเงินปันผลทั้งหมด
เมื่อพิจารณามูลค่าเงินปันผลที่จ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นในช่วงเทศกาลจ่ายเงินปันผล (ในช่วงเดือนมีนาคม - พฤษภาคม) พบว่า มีการจ่ายเงินปันผลรวม 440,946 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
เมื่อพิจารณาการจ่ายเงินปันผลในช่วงเดือนมกราคม - สิงหาคม 2568 โดยจำแนกตามหมวดธุรกิจ พบว่า 3 หมวดธุรกิจที่มีการจ่ายเงินปันผลด้วยมูลค่าสูงสุด ได้แก่ หมวดธนาคาร (Banking sector) ที่จ่ายเงินปันผลรวมกว่า 140,878 ล้านบาท ตามมาด้วยบริษัทจดทะเบียนในหมวดพลังงานและสาธารณูปโภค (Energy and utilities sector) ที่จ่ายเงินปันผลรวมกว่า 105,873 ล้านบาท และหมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Information & Communication Technology sector) ที่จ่ายเงินปันผลด้วยมูลค่ารวม 70,936 ล้านบาท
“จากสถิติการจ่ายเงินปันผลที่กล่าวมาข้างต้น เป็นข้อมูลเบื้องต้นให้นักลงทุนได้ทราบช่วงเวลาในการจ่ายเงินปันผล เพื่อใช้ประกอบการวางแผนคัดเลือกหุ้นปันผลและเลือกจังหวะเวลาในการเข้าซื้อหุ้นปันผลเข้าพอร์ตการลงทุน ทั้งนี้ นักลงทุนควรประเมินถึงความสามารถในการกำไร ตลอดจนปัจจัยต่างๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนด้วย” ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยระบุ