สถานการณ์การเมือง ณ วันนี้ (4 กันยายน 2568) ชัดเจนขึ้นมากแล้ว หลังจากเมื่อวานนี้ มีข่าวว่าร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ยุบสภาถูก ‘ตีกลับ’ จากสำนักองคมนตรีให้พิจารณาข้อกฎหมายใหม่ โดยมีความเห็นจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาว่า รัฐบาลรักษาการไม่มีอำนาจกราบบังคมทูลร่าง พ.ร.ฎ. ยุบสภาได้ และในวันเดียวกัน สภาผู้แทนราษฎรนัดประชุมพิเศษในวันศุกร์ที่ 5 กันยายน เพื่อโหวตนายกรัฐมนตรีคนใหม่
ความชัดเจนมากขึ้นนี้ ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยเช้านี้เปิดบวกได้มากกว่าเมื่อวาน โดย SET Index เปิดที่ 1,262.38 จุด บวก 3.07 จุด ต่อเนื่องจากเมื่อวานที่ปิดไป 1,259.31 บวก 10.53 จุด ซึ่งแนวโน้มการปรับตัวขึ้นนี้สอดคล้องกับที่ วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง (Bualuang Securities) วิเคราะห์ไว้ว่า นักลงทุนจะตอบสนองเชิงบวกต่อการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่มากกว่าการยุบสภา
ในจังหวะชุลมุนนี้ SPOTLIGHT ชวนมาดูว่าหุ้นตัวไหนที่จะได้รับประโยชน์ หากประเทศไทยได้รัฐบาลใหม่เป็น รัฐบาลพรรคภูมิใจไทย และมีนายกรัฐมนตรีชื่อ อนุทิน ชาญวีรกูล จากการวิเคราะห์ของสองโบรกเกอร์ บริษัท หลักทรัพย์ เอเซีย พลัส และ บริษัท หลักทรัพย์ หยวนต้า
บริษัท หลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) วิเคราะห์ว่า สถานการณ์ทางการเมืองไทยมีความชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ หลังพรรคประชาชนประกาศมีมติโหวตนายอนุทินเป็นนายกฯ โดยมี 5 ข้อตกลงร่วมกัน (MOU)ระหว่างทั้ง 2 พรรค คือ 1.ต้องยุบสภาภายใน 4 เดือน 2.จัดประชามติเพื่อแก้รัฐธรรมนูญ (กรณีต้องมีประชามติ) 3.เดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญ (หากไม่ต้องมีประชามติ) 4.พรรคภูมิใจไทยห้ามทำให้รัฐบาลมีเสียงข้างมาก 5.พรรคประชาชนยังคงเป็นฝ่ายค้าน และไม่เข้าสู่รัฐบาล โดยเป้าหมายหลัก คือ การผลักดันให้ประเทศเข้าสู่การเลือกตั้งใหม่และกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยเร็ว
ประเด็นสำคัญที่ต้องจับตา คือ เส้นตาย 4 เดือน และการแก้รัฐธรรมนูญว่าจะเป็นไปอย่างราบรื่นหรือไม่ โดยคาดว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่เร็วที่สุดในเดือนกุมภาพันธ์ 2569 (ถ้ายุบสภา ธันวาคม 2568) และช้าที่สุด กลางปี 2569 (ถ้าประชามติหรือขั้นตอน รธน. ล่าช้า)
ในบทวิเคราะห์เมื่อวันที่ 1 กันยายน เอเซีย พลัส แนะนำชี้ชัดถึงหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากกรณีพรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาล คือ STECON ซึ่งเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้าง และ STPI บริษัทโครงสร้างเหล็ก และผลิตภัณฑ์เหล็กในอุตสาหกรรม
สำหรับหุ้นที่ เอเซีย พลัส แนะนำล่าสุด (4 กันยายน) ว่าจะได้ประโยชน์จากนโยบายของรัฐบาลในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ คือ หุ้นจับจ่ายใช้สอย รับนโยบายประชานิยม ได้แก่ CPALL, BJC และ CPN กับหุ้นรับนโยบายสนับสนุนทางการเงิน (มาตรการพักหนี้และให้วงเงินกู้ฉุกเฉินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก) ได้แก่ MTC, SAWAD และ TIDLOR
สำหรับระยะถัดไปในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง เอเซีย พลัส แนะนำว่าหุ้นที่ได้รับประโยชน์คือหุ้นสื่อโฆษณา อย่าง PLANB และ BEC
บทวิเคราะห์ของ บริษัท หลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด หรือ Yuanta Securities ได้แนะนำหุ้นกลุ่มที่เชื่อมโยงกับนโยบายที่พรรคภูมิใจไทยเคยหาเสียงไว้ อย่างเช่น