Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
Spot on ยั่งยืนที่เปลือก: พลังงานแสงอาทิตย์อาจแลกมาด้วยสิทธิมนุษยชน?
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

Spot on ยั่งยืนที่เปลือก: พลังงานแสงอาทิตย์อาจแลกมาด้วยสิทธิมนุษยชน?

20 ต.ค. 68
17:41 น.
แชร์

ในโลกที่ทุกคนต่างตะโกนคำว่า “ความยั่งยืน” และเร่งโครงการต่าง ๆ เพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างแข็งขัน ไม่ว่าจะด้วยใจอยากพัฒนาจริงจัง หรือมองเป็นโอกาสทางการค้าและประชาสัมพันธ์ หากดำเนินการอย่างขาดความใส่ใจต่อผลกระทบ ก็อาจเพียงความยั่งยืนแต่ที่เปลือก

Spotlight อยากพาดูการดำเนินการด้านความยั่งยืนหลายประการในซีรีส์ “ยั่งยืนที่เปลือก” ของนวัตกรรมและการดำเนินงานต่าง ๆ ที่แม้อาจสร้างผลเชิงบวก แต่ก็มีผลลบตามมา ในบทแรกจะพูดถึง “แผงโซลาร์” นวัตกรรมด้านพลังงาน “สะอาด” ที่ใช้กันอย่างกว้างขวาง 

รู้จักพลังงานแสงอาทิตย์ แผงโซลาร์มาจากไหน

กว้างขวางที่กล่าวไปหมายถึง การผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั่วโลกในปี 2024 ที่เพิ่มขึ้น 28% (+469 เทราวัตต์ชั่วโมง) เมื่อเทียบกับปี 2023 เป็นอัตราการเติบโตที่สูงที่สุดในบรรดาแหล่งพลังงานทั้งหมด และยังเติบโตสูงสุดต่อเนื่องในครึ่งแรกของปี 2025 ที่โลกสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ได้มากขึ้น 306 TWh 

ในปี 2024 พลังงานแสงอาทิตย์ผลิตไฟฟ้าคิดเป็น 6.9% ของไฟฟ้าทั่วโลก (2,132 เทราวัตต์ชั่วโมง) โดยพลังงานแสงอาทิตย์แบบโฟโตโวลตาอิก (solar PV) ยังคงเป็น แหล่งผลิตไฟฟ้าใหม่ที่เติบโตเร็วที่สุดต่อเนื่องมาหลายปี

ข้อมูลจาก International Renewable Energy Agency ในปี 2025 เปิดเผยกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งรวมของโลกเมื่อปี 2024 ชี้ว่า จีนคือผู้ผลิตแผงโซลาร์อันดับ 1 ของโลก ผลิตมากถึง 887.10 กิกะวัตต์ จาก 1,866.31 กิกะวัตต์ทั่วโลก รวมกับข้อมูล 9 ผู้ผลิตแผงโซลาร์รายใหญ่ที่สุดจาก Sunsave เว็บไซต์ด้านพลังงานก็เผยว่า 8 จาก 9 ผู้ผลิตแผงโซลาร์รายใหญ่ที่สุดในโลกคือบริษัทสัญชาติจีน 

และ 95% ของแผงโซลาร์มีสิ่งที่เรียกว่า Polysilicon หรือโพลีซิลิคอนเป็นส่วนประกอบสำคัญ ซิลิคอนตัวนี้เองที่ทำหน้าที่เปลี่ยนพลังแสงอาทิตย์เป็นไฟฟ้า ซึ่งผลิตจากผลึกซิลิคอนหลายชนิด และแรงงานบังคับคนอุยกูร์

โพลีซิลิคอนทำจากแรงงานบังคับ

เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์คือสถานที่ผลิตโพลีซิลิคอนที่ใช้ในแผงโซลาร์ทั่วโลก เขตนี้ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ติดกับรัสเซีย มองโกเลีย อัฟกานิสถาน และอื่นๆ มีผู้อยู่อาศัยที่หลากหลาย โดยราว 10 จาก 25 ล้านคนเป็นคนจีนฮั่น ส่วนที่เหลือเป็นชนกลุ่มน้อยทางชาติพันธุ์ กลุ่มที่สำคัญคือคนอุยกูร์ ชนกลุ่มน้อยมุสลิมราว 11 ล้านคน

นอกเหนือจากการเลือกปฏิบัติทางภาษา ศาสนา และอื่นๆ ในปี 2021 รายงาน In Broad Dayling Uyghur Forced Labour and Global Solar Supply จากมหาวิทยาลัย Sheffield Hallam ประเทศอังกฤษชี้ว่า คนอุยกูร์ถูกใช้เป็นแรงงานบังคับให้ผลิตโพลีซิลิคอน

รายงานกล่าวว่า สาธารณรัฐประชาชนจีนบังคับคนอุยกูร์หลายล้านถูกบังคับให้เข้าร่วมโครงการ “แรงงานส่วนเกิน” หรือ “แรงงานโยกย้าย” ซึ่งรัฐบาลจีนยืนยันว่า เป็นไปตามกฎหมายจีน และเป็นแรงงานที่มาทำโดยสมัครใจ แต่รายงานชี้ว่าไม่เป็นจริง

“แรงงานโยกย้ายเกิดขึ้นในเขตอุยกูร์ภายใต้สภาพแวดล้อมที่บังคับอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ถูกคุกคามอย่างต่อเนื่องจากการศึกษาใหม่และการกักขัง แรงงานชนกลุ่มน้อยหลายคนไม่สามารถปฏิเสธ เลิกทำงานเหล่านี้ได้ ดังนั้นโครงการนี้จึงเปรียบเสมือนการบังคับโยกย้ายและแรงงานทาส”

รายงานชี้ว่า กว่า 45% ของโพลีซิลิคอนที่ใช้ในแผงโซลาร์ทั่วโลกผลิตในเขตปกครองตนเองซินเจียง (และในจีนพื้นที่อื่นอีก 30% และประเทศอื่นเพียง 25%) บริษัทผู้ผลิตโพลีซิลิคอนรายใหญ่ที่สุดอย่าง Hoshine Silicon Industry ก็ใช้แรงงานจากโครงการโยกย้ายแรงงานดังกล่าวเช่นกัน และใช้แรงงานบังคับผ่านการใช้แร่ควอตซ์ และยังมีบริษัทอื่น ๆ อีกรวม 11 บริษัทที่มีส่วนร่วมกับโครงการดังกล่าว

โครงการมีจุดมุ่งหมายจ้างงาน “ผู้ใหญ่ทุกคน” ในเขตนี้เพื่อสร้าง “ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ” รายงานชี้ว่า มีหลักฐานต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2018 ว่า รัฐบาลจีนบังคับให้คนอุยกูร์อยู่ในศูนย์กักกัน และค่ายกักขัง มีชนกลุ่มน้อยร่วม 2.6 ล้านคนในปี 2020

ซินเจียงกับกระบวนการทำให้เป็นจีน

แม้รัฐบาลจีนจะไม่ได้ยอมรับคำกล่าวหาจากรายงานดังกล่าว แต่คำกล่าวหาเรื่องแรงงานบังคับในโรงงานดังกล่าวไม่ใช่คำกล่าวหาแรกต่อพรรคคอมมิวนิสต์จีน ว่าด้วยการปฏิบัติอย่างลดทอนสิทธิมนุษยชนต่อคนอุยกูร์

การรายงานส่วนอื่น ๆ มักมาจากคำบอกเล่าของชาวอุยกูร์จากนอกประเทศจีนหลังอ้างว่าสามารถหนีออกมาจากพื้นที่นั้นได้ อาทิ กระบวนการควบคุมประชากร บังคับทำหมัน การกักขังโดยพลการ การทรมาน การล่วงลเมิดทางเพศ การแยกครอบครัว และการควบคุม-ปราบปรามทางศาสนา

อ้างอิงจากรัฐบาลสหรัฐฯ การปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมเพิ่มขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จากนโยบายของสาธารณรัฐประชาชนจีนในการกำจัด “สิ่งชั่วร้าย 3 ประการ” คือ การแบ่งแยกทางชาติพันธ์ุ การนับถือศาสนาสุดโต่ง และการก่อการร้าย ทั้ง 3 ประการพุ่งเป้ามาที่พื้นที่ตะวันตก เป็นข้ออ้างสนับสนุนการตั้งศูนย์กักกันในซินเจียง

เพราะซินเจียงเป็นบ้านของคนอุยกูร์ กลุ่มคนที่มีภาษา วัฒนธรรม และศาสนาต่างไปจากคนจีน ซึ่งพรรคคอมมิวนิสต์จีนมองว่า เป็น “ภัยต่อความมั่นคง” จึงเกิดกระบวนการทำให้เป็นจีนฮั่น หรือ Hanification ที่พยายามลบล้างวัฒนธรรมอุยกูร์ สอนภาษาจีนกลางในโรงเรียน มีศูนย์ให้การศึกษาใหม่ ควบคุมศาสนา และเจือจางชาติพันธ์ุด้วยการควบคุมประชากร และย้ายคนจีนฮั่นเข้าไปตั้งรถรากในซินเจียงกว่า 5 ล้านคนระหว่างปี 1943-1968 

กระทรวงความมั่นคงพลังงานอังกฤษตั้งมั่นไม่นำเข้าโซลาร์จากจีน

เมื่อปลายเดือนเมษายน 2568 เอ็ดเวิร์ด มิลิแบนด์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงด้านพลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์แห่งสหราชอาณาจักร สั่งห้ามบริษัท Great British Energy ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานของรัฐบาลอังกฤษ ลงทุนในโครงการที่ใช้แผงพลังงานแสงอาทิตย์ที่อาจมีความเกี่ยวข้องกับการใช้แรงงานทาสในประเทศจีน

นอกจากนี้ สมาชิกรัฐสภาได้ดำเนินการรณรงค์ต่อเนื่องหลายเดือน เพื่อเรียกร้องให้มีการแก้ไขกฎหมาย Great British Energy ที่ได้งบประมาณสนับสนุนมากกว่า 8,300 ล้านปอนด์จะไม่ลงทุนกับโครงการที่มีความเกี่ยวข้องกับการใช้แรงงานทาสในห่วงโซ่อุปทาน

มิลิแบนด์กล่าวว่า มีทางออกอื่นคือ การซื้อแผงโซลาร์จากที่อื่น ที่แม้ยังไม่มาก แต่กำลังเติบโต

ผลกระทบแผงโซลาร์ต่อสิ่งแวดล้อม

หากคิดว่าแผงโซลาร์เป็นนวัตกรรมที่แม้จะมีผลเชิงลบต่อสิทธิมนุษยชน (ไม่ได้มีการยืนยันอย่างเป็นทางการ) ทว่ามีผลดีทางสิ่งแวดล้อมมาก อาจทำให้บางภาคส่วนสามารถหลับตามองข้ามเรื่องราวคนอุยกูร์ไปได้ แต่ความจริงแผงโซลาร์มีผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อมเช่นกัน

ประการแรกคือ การผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ใช้พลังงานสูง ตั้งแต่การขุดเหมือง การผลิต และการขนส่งแร่เหล่านั้น แร่ควอตซ์ที่ใช้ในกระบวนการทำให้ซิลิโคนบริสุทธิ์ ต้องผ่านกระบวนการ แปรรูปและทำความสะอาด ก่อนจะถูกนำไปผลิตรวมกับชิ้นส่วนอื่น ๆ ซึ่งอาจมาจาก โรงงานหรือสถานที่ผลิตต่าง ๆ กัน

การผลิตแผงโซลาร์หนึ่งแผ่นต้องใช้ความร้อนสูงมากในการแปรรูปควอตซ์ และผสมวัสดุต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ซึ่งอาจมาจากหลากหลายแหล่ง ทำให้ต้องใช้พลังงานและผลิตคาร์บอนในการขนส่งด้วยระหว่างทาง

อีกข้อคือเคมี เพราะการผลิตซิลิโคนสำหรับแผงโซลาร์ มักต้องใช้สารเคมีอันตรายหลายชนิด ซึ่งส่วนนี้ก็ขึ้นอยู่กับโรงงาน และสถานที่ผลิต อย่างไรก็ตาม หากสารเคมีอันตรายเหล่านี้ไม่ถูกกำจัดอย่างเหมาะสม สารเคมีอาจเจือปนอยู่ในสภาพแวดล้อมภายนอกได้

และที่สำคัญไม่แพ้กันคือการรีไซเคิลแผงโซลาร์ ที่ยังไม่เป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวางนัก ปัจจุบันแผงโซลาร์ที่พังหรือเสื่อมสภาพจะถูกกำจัดอย่างขยะอิเล็กทรอนิกส์ทั่วไป (e-waste) แต่ในประเทศที่ยังไม่มีการกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างเป็นระบบ อาจเกิดความเสี่ยงสารเคมีหลุดรอดได้ การพัฒนาโรงงานรีไซเคิลแผงโซลาร์จึงเป็นสิ่งที่เราต้องทบทวน

การทบทวนผลกระทบเชิงลบของโซลาร์เซลล์ ไม่ใช่การบอกว่า ควรหยุดใช้พลังงานแสงอาทิตย์ หรือบอกว่าควรการใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล เพราะแม้มีผลกระทบเชิงลบอยู่บ้าง ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม และสิทธิมนุษยชน ก็ไม่ได้ทำให้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลขาวสะอาดขึ้นแต่อย่างใด

เป้าหมายการลดเชื้อเพลิงฟอสซิลควรดำเนินต่อไป ในขณะเดียวกันแนวทางเหล่านั้น อย่างการใช้แผงโซลาร์ควรเรียนรู้จากผลกระทบเชิงลบที่เกิดขึ้นอยู่ และเดินหน้าพัฒนาต่อไป ตรวจสอบย้อนกลับแหล่งที่มาของแผงโซลาร์เพื่อลดการสนับสนุนแหล่งผลิตที่อาจละเมิดสิทธิมนุษยชน และหาทางออกที่ยั่งยืนให้ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม


แชร์
Spot on ยั่งยืนที่เปลือก: พลังงานแสงอาทิตย์อาจแลกมาด้วยสิทธิมนุษยชน?