วันนี้ (20 ตุลาคม 2568) เวลา 13.00 น. มีการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ (กนศ.) หรือ ‘ครม.เศรษฐกิจ’ ครั้งที่ 2 ณ ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุม
ผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วยคณะรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ได้แก่ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นางสาวศศิธร กิตติธรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย จ่าเอก ยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และปลัดกระทรวงที่เกี่ยวข้อง
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวหลังการประชุมว่า ในการประชุม นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจครั้งที่แล้ว (วันพุธที่ 15 ตุลาคม 2568) ซึ่งที่ประชุมได้รับทราบแผนงาน/โครงการด้านเศรษฐกิจ ภายใต้ ‘นโยบาย Quick Big Win’ ในส่วนของกระทรวงการคลัง ที่รองนายกฯเอกนิติได้นำเสนอ และในวันพรุ่งนี้ (21 ตุลาคม 2568) จะนำเรื่องเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่เกิดจากการประชุมครั้งที่แล้ว
นายสิริพงศ์ให้ข้อมูลว่า การประชุมครั้งที่ 2 นี้ เป็นการพิจารณาแผนงานภายใต้ชุดนโยบาย ‘Quick Big Win’ ของกระทรวงพลังงาน ซึ่งจะนำไปสู่การลดค่าครองชีพให้กับประชาชน การสร้างรายได้ให้ชุมชน และยังเป็นการเตรียมความพร้อมด้านพลังงานให้กับอุตสาหกรรมเป้าหมายที่จะมาลงทุนในประเทศไทย สอดรับกับที่รองนายกฯเอกนิติได้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เร่งรัดให้บริษัทต่างประเทศที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน มาตั้งโรงงาน ซึ่งจะต้องมีพลังงานไฟฟ้าอย่างเพียงพอ
ด้วยเหตุนี้ นายกรัฐมนตรีจึงได้ให้เชิญผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เข้ามาร่วมรับฟังด้วย เพื่อจะได้รับนโยบายไปช่วยกันขับเคลื่อนในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปได้ทันที
นายสิริพงศ์เปิดเผยรายละเอียดและผลการประชุมว่า ที่ประชุมมีการพิจารณาและเห็นชอบในประเด็นสำคัญ ดังนี้
1. ที่ประชุมรับทราบรายงานผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ (กนศ.) ครั้งที่ 1/2568 และรายงานความก้าวหน้านโยบาย Quick Big Win ของรัฐบาล เช่น โครงการคนละครึ่ง พลัส ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนจำนวนมากทั้งฝั่งร้านค้าและผู้ซื้อ และการรับทราบความก้าวหน้าในการใช้ Dashboard ติดตามโครงการตามนโยบาย Quick Big Win
2. ที่ประชุมได้มีการพิจารณามาตรการด้านพลังงาน เพื่อขับเคลื่อนมาตรการภายใต้นโยบาย Quick Big Win ของรัฐบาล โดยกระทรวงพลังงานขอเสนอมาตรการด้านพลังงานเพื่อลดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนและกระตุ้นเศรษฐกิจตามแนวคิดนโนบาย “กระตุ้นสั้น ได้ผลยาว กระจายตัว” ผ่านโครงการ Quick Big Win ด้านพลังงาน 3 มาตรการ 9 แผนงาน/โครงการ เช่น โครงการโซลาร์ฟาร์มชุมชน โครงการโซลาร์สูบน้ำเพื่อการเกษตร โครงการส่งเสริมการติดตั้ง Solar Rooftop ในบ้านอยู่อาศัยด้วยมาตรการทางภาษี โครงการโซลาร์ลอยน้ำในเขื่อน (FPV) ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เป็นต้น
ทั้งนี้ ที่ประชุมเห็นชอบในหลักการมาตรการด้านพลังงาน และให้ดำเนินการไปตามขั้นตอนและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ก่อนเสนอ ครม. พิจารณาต่อไป
นายสิริพงศ์บอกอีกว่า นายกรัฐมนตรีย้ำให้ดำเนินโครงการที่สามารถดำเนินการได้ก่อนและเป็นประโยชน์กับประชาชน เช่น โครงการโซลาร์ฟาร์มชุมชน โครงการโซลาร์สูบน้ำเพื่อการเกษตร การส่งเสริมการติดตั้ง Solar Rooftop ในบ้านที่อยู่อาศัยด้วยมาตรการทางภาษี ซึ่งโครงการดังกล่าวจะช่วยเหลือประชาชนได้จริงโดยเฉพาะการลดรายจ่าย สร้างรายได้ รวมไปถึงมาตรการคาร์บอนเครดิตในการส่งเสริมการลดโลกร้อนตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้กับประชาชนได้ด้วย
นอกจากนั้น นายสิริพงศ์เผยว่า นายกรัฐมนตรีขอให้ทุกกระทรวงพิจารณาถึงโครงการหรือกิจกรรมที่จะเป็นประโยชน์กับประชาชน ที่ไม่ใช่งานที่ทำอยู่เป็นประจำ (routine) และดำเนินการได้ภายในเวลา 3 เดือนที่เหลือ และส่งให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เพื่อรวบรวมไว้ใน dashboard และนำมารายงานความคืบหน้าต่อคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจในการประชุมทุกครั้ง
ทั้งนี้ นายกฯกำชับว่า ข้อมูลโครงการที่ส่งเข้า dashboard ขอให้มีการทำการวิเคราะห์ต้นทุนและผลประโยชน์ (cost-benefit analysis) และให้ระบุถึงต้นทุน งบประมาณ และผลลัพธ์ที่ชัดเจน เพื่อสื่อสารให้ทุกคนเข้าใจถึงประโยชน์ที่จะเกิดจากการดำเนินโครงการให้ชัดเจน
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า ทุกโครงการและกิจกรรมที่รัฐบาลจะดำเนินการจะต้องมีความโปร่งใส ยึดหลักวินัยการเงินการคลัง ยึดผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศเป็นหลัก ซึ่งจะนำมาซึ่งความน่าเชื่อถือของประเทศไทยต่อนักลงทุนและสถาบันจัดอันดับเครดิต (rating agency)
รวมทั้งให้กระทรวงพลังงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามแผนงานที่นำเสนอให้เกิดผลเป็นรูปธรรม และสอดคล้องกับกฎหมาย ระเบียบ และ มติ ครม.ที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งขอให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงการคลัง สนับสนุนและให้ความร่วมมือกับกระทรวงพลังงานอย่างเต็มที่ด้วย
นายสิริพงศ์เปิดเผยว่า ในการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2568 (ไม่มีการประชุมในวันที่ 27 ตุลาคม) คาดว่าจะเป็นการหารือเรื่องมาตรการของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ การค้า การส่งออก รวมถึงการดูแลค่าครองชีพประชาชน
ด้านนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบรัฐบาลว่า โครงการ ‘คนละครึ่ง พลัส’ เฟสที่ 1 นี้ จะไม่มีการเพิ่มสิทธิ์ เนื่องจากของบประมาณไว้เพียงเท่านี้
สำหรับคำถามว่าโครงการเฟส 2 จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ รมว.คลังบอกว่า ขอพิจารณาข้อมูลเพิ่มเติม และจะเรียนนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเพื่อพิจารณาต่อไป ณ ตอนนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะมีการดำเนินโครงการในช่วงเวลาใด และจะใช้งบประมาณจากส่วนใด
“ขอรอประเมินในช่วงเดือนธันวาคมนี้ก่อน จะใช้ ‘งบกลาง’ ในการดําเนินการหรือไม่ ขอดูก่อน” รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าว