นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักงานนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุม คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจว่า ในที่ ประชุมวันนี้ได้มีการแจ้งผลการดำเนินงานโครงการคนละครึ่งพลัส พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ให้ความสนใจในการลงทะเบียนผ่านแอพเป๋าตังค์ จำนวนมาก
ส่วนคนที่รอลงยืนยันสิทธิ์ 3 วันนั้น เท่ากับได้จองสิทธิ์ไว้เรียบร้อยแล้ว และหลังจากนั้นจะมีการแจ้งสิทธิ์ว่าได้รับ 2,000 หรือ 2,400 บาท แต่หากไม่ได้รับ SMS ยืนยันอาจจะเป็นเพราะขาดคุณสมบัติข้อใดข้อหนึ่ง
ส่วนกรณีที่เป็นผู้เสียภาษีแต่ได้รับสิทธิ์ 2,000 บาท นั้นได้รับการแจ้งจากกระทรวงการคลังว่าผู้ที่จะได้รับสิทธิ์ 2,400 บาทต้องมีการยื่นแบบภาษีเงินได้ ภง.ด.90 , ภง.ด.91 และ ภง.ด. 95 ภายใน เดือนเมษายน ที่ผ่านมาเท่านั้นถึงจะได้รับสิทธิ์ 2,400 บาท
นอกจากนี้โฆษกรัฐบาลยังกราบขออภัยในความไม่สะดวก ที่ได้เห็นภาพประชาชนไปรอยืนยันตัวตนโดยรัฐบาลได้เรียนกับธนาคารกรุงไทยว่าขอให้มีการพัฒนาระบบเพิ่มเติม ซึ่งจะเห็นได้ว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมาธนาคารกรุงไทยก็ได้มีการเพิ่มเติมจุดบริการเพิ่มขึ้นอย่างมาก และคิดว่าภายในสัปดาห์นี้สถานการณ์จะคลี่คลายไปได้
โดยในส่วนของร้านค้าหลังจากนี้กระทรวงมหาดไทยกระทรวงพาณิชย์ร่วมกับธนาคารกรุงไทยได้ตรวจสอบพบว่ามีประมาณ 300,000 ร้านค้าที่ลงทะเบียนมาแล้วต้องขอขอบคุณและขออภัยในความไม่สะดวกมาณที่นี้ด้วย ขณะเดียวกันรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังก็ยืนยันแล้วว่าคาดว่าจะมีโครงการคนละครึ่งพลัส เฟสสอง โดยแบ่งเป็นสองส่วนคือฝั่งผู้ขายสำหรับคนที่ผ่านเฟสหนึ่งไปแล้วจะต้องมีการอัพสกิลหรือรีสกิล ส่วนประชาชนที่ใช้แอพเป๋าตัง ผู้ที่ได้รับสิทธิ์ในเฟสสอง คือจะต้องเป็นคนที่ที่ยังไม่ได้รับสิทธิ์ในเฟสแรก เท่ากับเป็นการขยายสิทธิ์ให้ โดยคาดว่า จะเริ่มต้นเฟสสองในเดือนมกรามกราคม
เมื่อถามว่า หากมีการยุบสภาก่อนจะทำเฟสสอง จะทำอย่างไร โฆษกรัฐบาลระบุว่า เรื่องนี้ต้องไปถามคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก่อน
นอกจากนั้นที่ประชุมได้มีการพูดถึงเรื่องการเตรียมเสนอมาตรการ ช่วยเหลือประชาชนด้านพลังงาน คือ โซลาร์ ชุมชน โซลาร์เซลล์เพื่อการเกษตร โซลาร์เซลล์ในสถานที่ราชการ ให้โรงงานอุตสาหกรรมสามารถซื้อไฟได้โดยตรง รวมถึงการซื้อโซลาร์ลอยน้ำทซึ่งคาดว่านโยบายเหล่านี้จะสามารถลดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนได้ เช่น ปกติประชาชนอาจจะซื้อไฟ 4.90 บาท แต่หากมีโซลาร์ชุมชนจะสามารถซื้อไฟได้ประมาณ 3.10 บาท แต่นโยบายเหล่านี้ต้องรอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีก่อน
โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องไปดูว่านโยบายไหนที่สามารถทำได้ทันที ซึ่งน่าจะมี 3 โครงการที่สามารถดำเนินการภายในสิ้นปีนี้คือโซลาร์ชุมชน โซลาร์เพื่อการเกษตรและการซื้อขายโซลาร์ได้
อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์ถัดไปคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจไม่มีการประชุมเนื่องจากนายกรัฐมนตรีต้องไปประชุม ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ที่ ประเทศเกาหลีใต้
ขณะที่ส่วนนโยบายอื่นๆ หลังจากนั้นจะเป็นการวางกรอบนโยบายแต่อย่างไรก็ตามก็จะเร่งทำให้ทันสิ้นปี
Advertisement