
"สุริยะใส" ชี้ เนิน 350 ไม่ใช่แค่สมรภูมิ แต่คือจุดชี้ขาดที่"กัมพูชา"กลัวเสียมากที่สุด นั่นคือสนามความชอบธรรมและศักดิ์ศรีของรัฐ
ดร.สุริยะใส กตะศิลา คณบดีวิทยาลัยผู้นำและนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กโดย ระบุว่า "เนิน 350: จุดชี้ขาดที่กัมพูชากลัวเสียมากที่สุด" การสูญเสียจ่าและพลทหารไทยในพื้นที่ตาควาย–เนิน 350 ไม่ได้เกิดจากความบังเอิญ และไม่ใช่เพราะเนินเขาเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง “มีค่ามากกว่าชีวิต” หากแต่เพราาะความจริงทางยุทธศาสตร์ที่ต้องพูดกันตรง ๆ ว่า เนิน 350 คือจุดที่ใครคุมได้ ย่อมคุมเกมชายแดนช่วงนี้ได้ทั้งหมด ทั้งการมองเห็น การยิง การเคลื่อนกำลัง และที่สำคัญที่สุด คือการอ้างความชอบธรรมในการครองพื้นที่
ในเชิงทหาร เนิน 350 คือจุดสูงที่ให้ความได้เปรียบโดยธรรมชาติ ฝ่ายที่ยืนอยู่บนนั้นเห็นก่อน ตอบโต้ได้ก่อน และตั้งรับได้ง่ายกว่าฝ่ายที่ต้องบุกขึ้นไป แต่ในสถานการณ์จริง เหตุผลที่ไทยยังไม่ยึดพื้นที่แบบ “เบ็ดเสร็จ” ไม่ได้เกิดจากความอ่อนแอ หากเกิดจากการเลือกไม่บุกแลกเลือดโดยไม่จำเป็น ไทยไม่ได้ทำสงครามเต็มรูปแบบ แต่กำลังคุมสถานการณ์ภายใต้ข้อจำกัดทางการเมือง การฑูต และความรับผิดชอบต่อชีวิตกำลังพล
ตรงกันข้าม สำหรับกัมพูชา เนิน 350 ไม่ใช่แค่พื้นที่ทางทหาร แต่คือ “ไพ่การเมือง” หากเสียจุดนี้ เรื่องเล่าว่าไทยเป็นฝ่ายรุกล้ำจะพังทันที ชาตินิยมที่ปลุกขึ้นมาเพื่อหล่อเลี้ยงอำนาจภายในจะสะดุด และผู้นำกัมพูชาจะต้องเผชิญแรงกดดันในประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นี่คือเหตุผลว่าทำไมจึงเห็นการต้านทานอย่างหนักหน่วง แม้รู้ดีว่าไม่อาจชนะไทยในสนามรบได้จริง
เป้าหมายของกัมพูชาไม่ใช่ชัยชนะทางทหาร แต่คือการ “ยื้อเวลา” ให้ความขัดแย้งยืดเยื้อ สร้างภาพเหยื่อ และหวังดึงแรงกดดันจากนานาชาติให้ไทยถูกมองว่าเป็นฝ่ายใช้กำลัง การต้านแบบยอมแลกชีวิตจึงไม่ใช่ความกล้าหาญ แต่เป็นยุทธศาสตร์ทางการเมืองที่ใช้เลือดทหารเป็นเครื่องมือ
ในเกมนี้ ไทยกำลังทำสิ่งที่ยากกว่า นั่นคือการไม่หลงกับดัก ไม่ตอบโต้ตามอารมณ์ และไม่เปิดพื้นที่ให้ฝ่ายตรงข้ามเขียนบทให้โลกดู การไม่บุกพร่ำเพรื่อไม่ใช่ความแพ้ แต่คือการรักษาความได้เปรียบในสนามที่ใหญ่กว่าสมรภูมิ นั่นคือสนามความชอบธรรมและศักดิ์ศรีของรัฐ
เนิน 350 จึงไม่ใช่แค่สมรภูมิ แต่เป็นบททดสอบว่าสังคมไทยจะเข้าใจสงครามยุคใหม่มากแค่ไหน เลือดของทหารไทยไม่ได้หลั่งเพื่อพื้นที่ไม่กี่เมตร แต่หลั่งเพื่อไม่ให้ประเทศนี้ถูกลากเข้าไปในเกมการเมืองของใครบางคน และนั่นคือความจริงที่ควรถูกพูดให้ชัด มากกว่าการตะโกนเรียกร้องให้ “บุกให้จบ” โดยไม่อ่านเกมให้ขาดก่อน
Advertisement