Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
มัดรวมมาตรการแบงก์รัฐฯ-พาณิชย์ อุ้มผู้เดือดร้อนเหตุชายแดนไทย-กัมพูชา
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

มัดรวมมาตรการแบงก์รัฐฯ-พาณิชย์ อุ้มผู้เดือดร้อนเหตุชายแดนไทย-กัมพูชา

27 ก.ค. 68
14:31 น.
แชร์

จากสถานการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาที่ปะทุขึ้นอย่างฉับพลัน ไม่เพียงส่งแรงสั่นสะเทือนต่อความมั่นคงในพื้นที่เท่านั้น แต่ยังสร้างผลกระทบเป็นวงกว้างต่อชีวิตความเป็นอยู่และเศรษฐกิจชุมชนในแนวชายแดน

ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่ปกคลุมพื้นที่ รัฐบาลได้เร่งระดมความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ล่าสุด ธนาคารของรัฐและพาณิชย์ต่างผนึกกำลัง ออกมาตรการบรรเทาทุกข์ทั้งพักหนี้ ดอกเบี้ยต่ำ และสินเชื่อพิเศษ เพื่อพยุงประชาชนและผู้ประกอบการให้สามารถประคองตัวผ่านพ้นวิกฤตการณ์ครั้งนี้ไปได้

แบงก์รัฐเร่งอัดเงิน-พักหนี้ เยียวยาความเสียหายชายแดนไทย-กัมพูชา

รัฐบาลเร่งบรรเทาความเดือดร้อนจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมอบหมายให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจทุกแห่งออกมาตรการการเงินอย่างเร่งด่วน ครอบคลุมการพักชำระหนี้ การลดอัตราดอกเบี้ย และการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เพื่อช่วยเหลือประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดน

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เหตุการณ์ปะทะระหว่างกำลังความมั่นคงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ได้สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สิน และส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อชีวิตความเป็นอยู่ การประกอบอาชีพ และการดำเนินธุรกิจของประชาชนในพื้นที่ รัฐบาลจึงได้มอบหมายให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐออกมาตรการช่วยเหลือด้านการเงินทันที เพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างทั่วถึงและครอบคลุม

ธนาคารออมสิน

ธนาคารออมสิน ออกมาตรการเร่งด่วนช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย–กัมพูชา โดยมีทั้งมาตรการพักชำระหนี้และสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำที่ครอบคลุมทั้งรายย่อยและผู้ประกอบการ SMEs ดังนี้

  • ธนาคารเปิดให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบสามารถขอ “พักชำระเงินต้น” ได้จนถึงงวดเดือนธันวาคม 2568 พร้อมผ่อนปรนให้จ่ายเพียงดอกเบี้ยบางส่วน ลดภาระค่าใช้จ่ายระหว่างที่ยังไม่สามารถกลับมาประกอบอาชีพได้ตามปกติ

นอกจากนี้ ยังมีมาตรการสินเชื่อเพื่อรายย่อย 2 โครงการ ได้แก่

  • สินเชื่อเพื่อช่วยเหลือประชาชนรายย่อย กำหนดระยะเวลาผ่อนชำระ 12 เดือน โดยปลอดการชำระเงินงวดในช่วง 3 เดือนแรก คิดอัตราดอกเบี้ยคงที่เพียง 0.60% ต่อเดือน
  • สินเชื่อเพื่อประกอบอาชีพสำหรับประชาชนรายย่อย ผ่อนชำระได้นานถึง 60 เดือน คิดดอกเบี้ยคงที่ 0.75% ต่อเดือน

สำหรับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ออมสินเสนอวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 5 ล้านบาทต่อราย ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุด 7 ปี โดยให้ “ปลอดชำระเงินงวด” ได้นานสูงสุด 1 ปี คิดอัตราดอกเบี้ยปีแรก MLR – 2.65% และในปีถัดไปเท่ากับ MLR พร้อมยกเว้นค่าธรรมเนียม Front End Fee และ Prepayment Fee

ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถยื่นความประสงค์เข้าร่วมมาตรการผ่านทางเว็บไซต์ธนาคารออมสิน หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่สาขาใกล้บ้าน หรือ โทร. 02 299 800 หรือสายด่วน 11115

ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)

ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เดินหน้าออกมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเน้นการเติมสภาพคล่องในระยะสั้นควบคู่ไปกับการฟื้นฟูชีวิตและทรัพย์สินที่เสียหายจากสถานการณ์ดังกล่าว

1. โครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน ปี 2568 ซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับภาระค่าใช้จ่ายทั่วไปในชีวิตประจำวัน ทั้งด้านอุปโภคและบริโภค โดยให้วงเงินกู้ไม่เกิน 50,000 บาทต่อราย อัตราดอกเบี้ยคิดตาม MRR (ปัจจุบันอยู่ที่ 6.725% ต่อปี) พร้อมผ่อนปรนให้ปลอดชำระดอกเบี้ยในช่วง 6 เดือนแรก และกำหนดระยะเวลากู้ไม่เกิน 3 ปี

2. โครงการสินเชื่อฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิต ที่มุ่งช่วยเหลือเกษตรกรซ่อมแซมบ้านเรือน ทรัพย์สิน และอุปกรณ์การเกษตรที่ได้รับความเสียหาย โดยให้วงเงินกู้สูงสุด 500,000 บาทต่อราย คิดอัตราดอกเบี้ยพิเศษ MRR–2 ต่อปี และสามารถผ่อนชำระได้นานถึง 15 ปี

ธ.ก.ส. พร้อมยืนเคียงข้างเกษตรกรในช่วงเวลาแห่งความยากลำบาก ด้วยการสนับสนุนทางการเงินที่ยืดหยุ่น และเหมาะสมกับสถานการณ์เฉพาะหน้าและระยะยาวของลูกค้าในพื้นที่ชายแดน

ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร โทร. 02 555 0555

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดตัวมาตรการช่วยเหลือพิเศษวงเงินรวม 200 ล้านบาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเน้นการลดภาระดอกเบี้ยอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมให้ความคุ้มครองในกรณีบาดเจ็บ สูญเสีย หรือความเสียหายต่อที่อยู่อาศัย

1. กรณีผู้กู้บาดเจ็บสาหัส หรือที่อยู่อาศัยได้รับความเสียหาย จะได้รับอัตราดอกเบี้ย 0.01% ต่อปี เป็นระยะเวลา 5 ปีแรก อัตราดอกเบี้ยปีที่ 6 เป็นต้นไป เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ ธอส. กำหนด

2. กรณีผู้กู้ทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง หรือเสียชีวิต หรือที่อยู่อาศัยได้รับความเสียหายทั้งหลังจนไม่สามารถอยู่อาศัยได้ จะได้รับอัตราดอกเบี้ย 0.01% ต่อปี ตลอดอายุสัญญา

3. กรณีกู้เพื่อปลูกสร้างอาคารใหม่ทดแทนอาคารเดิม จะได้รับอัตราดอกเบี้ย 0% ต่อปี เป็นระยะเวลา 6 เดือนแรก และเดือนที่ 7-12 จะได้รับอัตราดอกเบี้ย 0.50% ต่อปี อัตราดอกเบี้ยปีที่ 2 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ หลักเกณฑ์และเงื่อนไขอื่น ๆ เป็นไปตามที่ ธอส. กำหนด โดยสามารถเข้าร่วมมาตรการได้ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค. 68 เป็นต้นไป

ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ โทร. 02 645 9000

ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.)

ธพว. เดินหน้าเยียวยาผู้ประกอบการ SME ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ผ่านมาตรการ “พัก ลด ขยาย เติม” ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถประคับประคองกิจการและเดินหน้าต่อได้ท่ามกลางภาวะวิกฤต

มาตรการเริ่มต้นด้วยการพักชำระเงินต้นเพื่อบรรเทาภาระจ่ายรายเดือนในระยะสั้น ตามด้วยการลดค่างวดการชำระหนี้ เพื่อให้ภาระทางการเงินสอดคล้องกับรายได้ที่หดตัวจากสถานการณ์ความไม่สงบ ขณะเดียวกันยังมีการขยายระยะเวลาการชำระหนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการสามารถวางแผนฟื้นฟูกิจการได้ยาวขึ้น

ในส่วนของการเติมสภาพคล่อง ธนาคารจัดโครงการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ได้แก่ โครงการ “สินเชื่อปลุกพลัง SME” และ “สินเชื่อ Beyond ติดปีก SME” โดยกำหนดอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3% ต่อปี เป็นระยะเวลา 3 ปี และสามารถกู้ได้สูงสุดถึง 10 ปี ช่วยเพิ่มความสามารถในการลงทุนซ่อมแซม ฟื้นฟู และปรับตัวในสภาวะเปลี่ยนแปลง

นอกจากนี้ ยังมีโครงการ “สินเชื่อ SME Refinance” ที่ช่วยลดต้นทุนทางการเงินของกิจการ โดยเสนออัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นเพียง 2.99% ต่อปี เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถรวมภาระหนี้ และปรับโครงสร้างต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย โทร. 02 265 3000 หรือสายด่วน 1357

ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) หรือ EXIM BANK

ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) หรือ EXIM BANK ออกมาตรการเฉพาะกิจเพื่อช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา โดยแบ่งเป็น 2 แนวทางหลัก คือมาตรการเร่งด่วนเพื่อบรรเทาภาระหนี้ และมาตรการเสริมสภาพคล่องเพื่อรักษาความต่อเนื่องของธุรกิจและสนับสนุนการขยายตลาดส่งออก

1. มาตรการบรรเทาผลกระทบเร่งด่วน ขยายระยะเวลาชำระหนี้สูงสุด 365 วัน และปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงสูงสุด 20% จากอัตราเดิม และเพิ่มวงเงินชั่วคราว 1 ปี สูงสุด 30% ด้วยอัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 2.99% ต่อปี

2. มาตรการเสริมสภาพคล่อง และลดต้นทุนทางการเงิน สนับสนุนการเปิดตลาดใหม่ ได้แก่

  • มาตรการเงินทุนหมุนเวียนเพื่อออกงานแสดงสินค้า (EXIM-DITP Empower Financing) อัตราดอกเบี้ย 6.15% ต่อปี
  • มาตรการเงินทุนหมุนเวียนก่อนและหลังการส่งออก (EXIM Export Booster) อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 3.99% ต่อปี
  • เงินทุนหมุนเวียนหลังการส่งออกพร้อมประกันการส่งออก (EXIM Safe Trade) อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 3.99% ต่อปี พร้อมการชดเชยจาก ธสน. หากไม่ได้รับชำระค่าสินค้าจากคู่ค้า
  • Export Credit Insurance ยกเว้นค่าวิเคราะห์ข้อมูลสำหรับผู้เอาประกัน 5 ราย
  • สินเชื่อระยะยาวร่วมกับสำนักงานประกันสังคม อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นคงที่ 2% ต่อปี ระยะเวลา 3 ปี
  • สินเชื่อระยะยาวเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต (Transformation Loan) อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยสำหรับ SMEs ที่ 5.68% ต่อปี

ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย โทร. 02 169 9999

ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) หรือ IBank

ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) หรือ IBank เปิดตัวมาตรการช่วยเหลือเร่งด่วนภายใต้แนวคิด “ไอแบงก์เราไม่ทิ้งกัน” เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยมุ่งเน้นการพักหนี้และเสริมสภาพคล่องให้ประชาชนและผู้ประกอบการสามารถฟื้นตัวได้อย่างยั่งยืน ได้แก่

1. พักชำระเงินต้นและกำไร กำหนดอัตรากำไรตามสัญญาสินเชื่อเดิม ระยะเวลาสูงสุด 6 เดือน ขยายระยะเวลาออกไปสูงสุดไม่เกิน 12 เดือน หรือไม่เกินค่างวดชำระเดิม

2. ให้วงเงินเพิ่มเพื่อซ่อมแซม ฟื้นฟู ที่อยู่อาศัยและกิจการลูกค้า สำหรับสินเชื่อเพื่ออยู่อาศัยอัตรากำไรเริ่มต้น 1.99% ในปีแรก วงเงินสินเชื่อไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อราย ระยะเวลากู้สูงสุด 20 ปี และสำหรับสินเชื่อฟื้นฟูธุรกิจ อัตรากำไรเริ่มต้น 3.25% ในปีแรก วงเงินสินเชื่อไม่เกิน 5 ล้านบาทต่อราย ระยะเวลากู้สูงสุด 5 ปี

บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)

บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดแผนช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ด้วยมาตรการเฉพาะทางที่ครอบคลุมทั้งลูกค้าเดิมและกลุ่มที่ต้องการเข้าถึงสินเชื่อใหม่ ภายใต้โครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS11 “บสย. SMEs ยั่งยืน” ได้แก่

1. มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ และลูกค้าเดิมของ บสย.

  • ผ่อนผันการชำระค่าธรรมเนียมค้ำประกัน และค่าจัดการค้ำประกันโดยพักชำระออกไปอีก 6 เดือน นับจากวันถึงกำหนดชำระค่าธรรมเนียม
  • พักชำระค่างวดเป็นระยะเวลา 3 เดือน

2. มาตรการเสริมสภาพคล่อง ภายใต้โครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS11 “บสย. SMEs ยั่งยืน”

  • มาตรการ SMEs Power Trade & Biz วงเงินค้ำประกัน 3,000 ล้านบาท วงเงินค้ำประกันต่อราย 5 แสน-10 ล้านบาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนสำหรับผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา

3. โครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs Micro Biz วงเงินค้ำประกัน 2,000 ล้านบาท วงเงินค้ำประกันต่อราย 10,000-500,000 บาท ตอบโจทย์กลุ่มรายย่อย (Micro SMEs) ที่ต้องการเงินทุนหมุนเวียน แต่ขาดคนค้ำประกัน และขาดหลักทรัพย์ค้ำประกัน

ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม โทร. 02 890 999 9999

ธปท.-แบงก์ เดินหน้าช่วยลูกหนี้ชายแดน พักหนี้-เติมทุน-ลดขั้นต่ำบัตรเครดิต

จากสถานการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาที่ส่งผลกระทบต่อรายได้และทรัพย์สินของประชาชน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ขอความร่วมมือธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินเฉพาะกิจ และผู้ให้สินเชื่อรายย่อย ออกมาตรการช่วยเหลือทางการเงินอย่างเร่งด่วน

มาตรการที่อนุญาต ได้แก่ การลดอัตราการผ่อนชำระขั้นต่ำของบัตรเครดิตให้ต่ำกว่าที่ ธปท. กำหนด สำหรับลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบ, การเพิ่มวงเงินสินเชื่อส่วนบุคคลหรือดิจิทัลในกรณีฉุกเฉินเพื่อฟื้นฟูความเสียหาย, และการให้สินเชื่อทุกประเภทเพื่อซ่อมแซมบ้านหรือประคองธุรกิจ พร้อมปรับลดดอกเบี้ย ยกเว้นค่าธรรมเนียม หรือปรับโครงสร้างหนี้

ทั้งหมดต้องพิจารณาและอนุมัติภายใน 12 เดือน นับจาก 25 กรกฎาคม 2568 โดย ธปท. จะผ่อนปรนเกณฑ์การจัดชั้นหนี้ ให้ยังคงสถานะเดิมเพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงมาตรการฟื้นฟู

ธนาคารกรุงไทย

นายเอกชัย เตชะวิริยะกุล ประธานผู้บริหาร Risk ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงไทย ตระหนักถึงผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่สร้างความเสียหายต่อชีวิต การประกอบอาชีพ และทรัพย์สินของลูกค้าและประชาชนในพื้นที่หลายจังหวัด จึงออกมาตรการทางการเงิน เพื่อเร่งช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ ลดภาระทางการเงิน ครอบคลุมการปรับลดค่างวดผ่อนชำระ การปรับลดอัตราดอกเบี้ย และการให้วงเงินฉุกเฉิน เสริมสภาพคล่องในการดำรงชีพ รวมถึงการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยและทรัพย์สินที่ได้รับความเสียหาย

มาตรการแบ่งเบาภาระลูกค้าสินเชื่อปัจจุบัน

  • สินเชื่อบ้าน และ สินเชื่อธุรกิจ SSME ลดค่างวดลง 75% ของค่างวดปัจจุบันนาน 1 ปี และ ลดดอกเบี้ยเป็น 0% ต่อปี นาน 3 เดือน หลังจากนั้น ดอกเบี้ยคงที่ 2.5% ต่อปี นาน 33 เดือน (รวมระยะเวลาดอกเบี้ยพิเศษ นาน 3 ปี)
  • สินเชื่อส่วนบุคคล ลดค่างวดลง 75% ของค่างวดปัจจุบัน นาน 1 ปี และ ลดดอกเบี้ยเป็น ดอกเบี้ยคงที่ 4.5% ต่อปี นาน 3 ปี
  • สินเชื่อธุรกิจ SME ให้ความช่วยเหลือ ทั้งการลดอัตราดอกเบี้ย ลดค่างวดการชำระหนี้ พักชำระเงินต้น ชำระเฉพาะดอกเบี้ย หรือพักชำระเงินต้น และ/หรือ พักชำระดอกเบี้ยบางส่วน ขยายระยะเวลาสัญญา/ปรับตารางผ่อนชำระหนี้ เป็นต้น โดยเงื่อนไขและเกณฑ์การพิจารณาลูกค้าแต่ละรายเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนด ซึ่งธนาคารจะพิจารณาให้เหมาะสมกับลูกค้า
  • ลูกค้าธุรกิจ สามารถติดต่อผู้ดูแลธุรกิจสัมพันธ์ของท่าน (RM) เพื่อประสานงานให้ความช่วยเหลืออย่างเหมาะสม  โดยธนาคารพิจารณาความช่วยเหลือให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของลูกค้า

มาตรการสำหรับสินเชื่อเพื่อฟื้นฟูกิจการและซ่อมบ้าน

  • สินเชื่อบ้าน Top up สินเชื่อบ้านแลกเงิน และ สินเชื่อธุรกิจ SSME (Term Loan) ดอกเบี้ยคงที่ 0% ต่อปี นาน 3 เดือน หลังจากนั้น ดอกเบี้ยคงที่ 2.5% ต่อปี นาน 33 เดือน (รวมระยะเวลา ดอกเบี้ยพิเศษ นาน 3 ปี กรณีสินเชื่อบ้าน ฟรีค่าประเมินและค่าจดจำนอง)
  • สินเชื่อส่วนบุคคล (Term Loan) ดอกเบี้ยคงที่ 4.5% ต่อปี นาน 3 ปี
  • สินเชื่อธุรกิจ SME  (Term Loan) ระยะเวลาสูงสุดไม่เกิน 7 ปี ดอกเบี้ย 3.5% ต่อปี นาน 2 ปี หลังจากนั้น MLR-1% ต่อปี

ธนาคารให้ความสำคัญกับแนวทางการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) ของธนาคารแห่งประเทศไทย พร้อมให้ความรู้สร้างวินัยทางการเงิน กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินอย่างยั่งยืน โดยแจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการความช่วยเหลือได้ที่ ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา ตั้งแต่ 24 กรกฎาคม - 31 ธันวาคม 2568 ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ https://krungthai.com/link/loan-frontier-relief หรือ Krungthai Contact Center โทร 02-111-1111

ธนาคารไทยพาณิชย์

จากสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา และอุทกภัยฉับพลันจากอิทธิพลของพายุ “วิภา” ที่ส่งผลกระทบต่อทรัพย์สินและความเป็นอยู่ของประชาชนในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ได้ประกาศมาตรการช่วยเหลือเร่งด่วน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของลูกค้าทั้งรายย่อยและผู้ประกอบการ โดยครอบคลุมทั้งการพักชำระหนี้ การสนับสนุนสินเชื่อใหม่เพื่อซ่อมแซมที่อยู่อาศัย และการฟื้นฟูกิจการที่ได้รับผลกระทบ

กลุ่มลูกค้าบุคคลและผู้ประกอบการรายย่อย (SSME)

สำหรับลูกค้ารายย่อยและผู้ประกอบการขนาดเล็ก ธนาคารเสนอความช่วยเหลือทั้งกลุ่มลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่ ผ่านสินเชื่อ 3 ประเภทหลัก ได้แก่

1. สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ลูกค้าปัจจุบันที่มีสินเชื่อบ้าน หรือบ้านคือเงิน (My Home My Cash) สามารถพักชำระเงินต้นได้นาน 3 เดือน ส่วนลูกค้าใหม่สามารถขอสินเชื่อบ้านได้เพิ่มเพื่อซ่อมแซมบ้าน ทั้งในรูปแบบ Home Loan Top Up และ My Home My Cash Top Up ด้วยอัตราดอกเบี้ย 0% นาน 3 เดือน พร้อมฟรีค่าประเมินหลักประกัน ซึ่งครอบคลุมทรัพย์สินประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ คอนโดมิเนียม และอาคารพาณิชย์

2. สินเชื่อรถยนต์ ลูกค้าสินเชื่อรถยนต์สามารถพักชำระหนี้สูงสุด 3 เดือน และขยายระยะเวลาผ่อนชำระเพิ่มเติมอีก 3 เดือน โดยอายุผู้กู้รวมต้องไม่เกิน 65 ปี

3. สินเชื่อธุรกิจเพื่อผู้ประกอบการ (SSME)

  • ลูกค้าปัจจุบันสามารถพักชำระเงินต้นสูงสุด 3 เดือน และขอสินเชื่อฟื้นฟูกิจการในอัตราดอกเบี้ยคงที่เริ่มต้น 3.5% ต่อปี นาน 24 เดือน วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 10 ปี
  • ลูกค้าใหม่ที่มีรายได้ไม่เกิน 75 ล้านบาทต่อปี สามารถขอสินเชื่อฟื้นฟูภายใต้โครงการ Soft Loan โดยมีอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.5% ต่อปี ใน 24 เดือนแรก ค่าธรรมเนียม Front-End Fee 1% วงเงินสูงสุด 40 ล้านบาทต่อราย (รวมกับวงเงินที่ขอจากสถาบันการเงินอื่น) ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน และเงินกู้ต้องใช้เพื่อฟื้นฟูกิจการเท่านั้น โดยไม่สามารถใช้เพื่อชำระหนี้เดิมหรือรีไฟแนนซ์ ทั้งนี้ ผู้กู้ต้องแสดงหลักฐานความเสียหายจากสถานการณ์ประกอบการพิจารณา

ลูกค้าในกลุ่มนี้สามารถติดต่อเข้าร่วมมาตรการได้ที่ SCB ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ SCB Customer Call Center โทร. 02-777-7777 ตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2568 ถึง 31 ตุลาคม 2568

กลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการ SME

สำหรับกลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการ SME ที่ได้รับผลกระทบทางตรงหรือทางอ้อมจากเหตุการณ์ดังกล่าว SCB ได้ออก 4 มาตรการหลัก ได้แก่

1. พักชำระเงินต้นสูงสุดนาน 6 เดือน

2. พักชำระทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยสูงสุดนาน 3 เดือน

3. เพิ่มวงเงินหมุนเวียนชั่วคราว สูงสุด 20% ของวงเงินหมุนเวียนเดิม แต่ไม่เกิน 10 ล้านบาท

4. วงเงินกู้เพื่อซ่อมแซม ปรับปรุง หรือซื้อทรัพย์สินทดแทน สูงสุด 20% ของวงเงินเดิม และไม่เกิน 10 ล้านบาท

ลูกค้า SME ที่สนใจเข้าร่วมสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ธุรกิจสัมพันธ์ หรือ SCB Business Call Center โทร. 02-722-2222 ได้ตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2568 ถึง 31 ธันวาคม 2568

ลูกค้าผู้ประกอบการ SME 

ธนาคารมีโครงการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรง และทางอ้อม ผ่าน 4 มาตรการหลัก ประกอบด้วย

1. พักชำระเงินต้นสูงสุดนาน 6 เดือน

2. พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยสูงสุดนาน 3 เดือน

3. เพิ่มวงเงินหมุนเวียนชั่วคราว วงเงินสูงสุด 20% ของวงเงินหมุนเวียนเดิม และไม่เกิน 10 ล้านบาท

4. วงเงินกู้สำหรับปรับปรุง ซ่อมแซม หรือซื้อทดแทนทรัพย์สินที่เสียหายของกิจการ สูงสุด 20% ของวงเงินเดิม ไม่เกิน 10 ล้านบาท 

ลูกค้าผู้ประกอบการ SME สามารถติดต่อขอเข้าร่วมโครงการได้ที่เจ้าหน้าที่ธุรกิจสัมพันธ์ และ SCB Business Call Center โทร 02-722-2222 ได้ตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2568 – 31 ธันวาคม 2568

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา

จากสถานการณ์อุทกภัยรุนแรงในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ และเหตุความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ได้ออกมาตรการช่วยเหลือเร่งด่วนสำหรับลูกค้าทุกกลุ่มสินเชื่อ ทั้งรายย่อย ธุรกิจ SME สินเชื่อรถยนต์ บัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคลในเครือกรุงศรีคอนซูมเมอร์ โดยมีรายละเอียดดังนี้

ลูกค้าสินเชื่อบุคคล สินเชื่อบ้าน และ SME รายย่อย ธนาคารเปิดให้ลูกค้าเลือกรูปแบบความช่วยเหลือที่เหมาะสมกับสถานการณ์ ได้แก่

  • การลดค่างวด โดยครอบคลุมเฉพาะดอกเบี้ยจ่ายรายเดือน สูงสุดไม่เกิน 6 เดือน
  • การพักชำระเงินต้น โดยยังคงชำระเฉพาะดอกเบี้ย สูงสุด 3 เดือน

ลูกค้าที่ต้องการรับความช่วยเหลือสามารถแจ้งความประสงค์ได้ที่สาขาธนาคารกรุงศรีทั่วประเทศ หรือ Krungsri Call Center โทร. 1572 ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 ธันวาคม 2568 โดยการพิจารณาขึ้นอยู่กับหลักเกณฑ์ของธนาคาร

ลูกค้าสินเชื่อธุรกิจ SME มาตรการช่วยเหลือสำหรับกลุ่มผู้ประกอบการ SME ประกอบด้วย

  • การลดค่างวด ครอบคลุมเฉพาะดอกเบี้ยจ่ายรายเดือน สูงสุด 6 เดือน
  • การพักชำระเงินต้น โดยยังคงชำระเฉพาะดอกเบี้ย สูงสุด 6 เดือน

สามารถติดต่อผู้จัดการธุรกิจสัมพันธ์ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่โทร. 02-296-6262 หรือ 02-626-2626 ได้จนถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2568

ลูกค้าสินเชื่อกรุงศรี ออโต้ ลูกค้ากลุ่มสินเชื่อรถยนต์สามารถขอพักชำระค่างวดได้เป็นระยะเวลา 3 เดือน โดยสามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือได้ที่ Krungsri Auto โทร. 02-740-7400 กด 3 ได้จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2568

ลูกค้าบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลในเครือกรุงศรี คอนซูมเมอร์

  • มาตรการที่ 1: พักชำระหนี้สูงสุด 2 รอบบัญชี

ลูกค้าที่มีสถานะบัญชีปกติสามารถแจ้งความประสงค์พักชำระหนี้ระหว่างเดือนกรกฎาคม–กันยายน 2568 ได้สูงสุด 2 รอบบัญชี โดยดอกเบี้ยยังคงคิดตามอัตราปกติแบบลดต้นลดดอก สามารถลงทะเบียนได้ภายใน 31 สิงหาคม 2568 ผ่านศูนย์บริการสมาชิกบัตร (ตลอด 24 ชม.) หรือ Helpline โทร. 02-714-5155 (จันทร์–ศุกร์ เวลา 08.30–17.30 น.) การพิจารณาเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของบริษัท

  • มาตรการที่ 2: ปรับโครงสร้างหนี้ ลดภาระผ่อนรายเดือน

ลูกค้าที่ไม่ได้อยู่ในมาตรการอื่นสามารถขอปรับลดภาระรายเดือน ด้วยการขยายระยะเวลาผ่อนชำระ โดยสามารถติดต่อศูนย์บริการสมาชิกบัตรตลอด 24 ชม. หรือ Helpline ตามข้างต้น เพื่อเข้าสู่กระบวนการพิจารณาเป็นรายกรณี

ช่องทางติดต่อศูนย์บริการในเครือกรุงศรี คอนซูมเมอร์

  • ศูนย์บริการบัตรเครดิตกรุงศรี: 02-646-3555
  • ศูนย์บริการบัตรกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์: 02-345-6789
  • ศูนย์บริการบัตรเครดิตเซ็นทรัล เดอะวัน: 02-627-8111
  • ศูนย์บริการบัตรเครดิตโลตัส: โทร. 1712

ลูกค้าสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.krungsriconsumer.com

ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน)

นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทีเอ็มบีธนชาต (ทีทีบี) เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์อุทกภัยที่รุนแรงและความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งสร้างความเสียหายต่อที่อยู่อาศัย ทรัพย์สิน และกิจการของประชาชนในหลายพื้นที่ ธนาคารได้ออกมาตรการช่วยเหลือเร่งด่วนภายใต้ชื่อ “ตั้งหลัก” เพื่อบรรเทาภาระลูกค้าให้สามารถกลับมาตั้งหลักและฟื้นตัวทางการเงินได้อย่างมั่นคง

มาตรการช่วยเหลือลูกค้าสินเชื่อ เพื่อแบ่งเบาภาระ

  • ลูกค้าสินเชื่อบ้าน สามารถขอพักชำระเงินต้นได้ นาน 3 เดือน ชำระคืนแต่ดอกเบี้ยเท่านั้นหรือขอวงเงินกู้เพิ่ม เพื่อซ่อมแซมบ้าน ด้วยบัตรกดเงินสด ทีทีบี บ้านแลกเงิน ดอกเบี้ย 0% นาน 2 เดือนแรก กรณีลูกค้าถือบัตรกดเงินสด ทีทีบี บ้านแลกเงินอยู่แล้ว ทำรายการเบิกใช้เงินสดผ่านตู้ ATM หรือแอป ttb touch ดอกเบี้ย 0% นาน 2 เดือนแรกได้ทันที
  • ลูกค้าสินเชื่อรถยนต์ สามารถขอพักชำระค่างวดได้ นาน 3 เดือน
  • ลูกค้าสินเชื่อบุคคล / บัตรเครดิต สามารถขอพักชำระหนี้ได้ นาน 2 รอบบัญชี
  • ลูกค้าสินเชื่อธุรกิจ หรือสินเชื่อ SME ประเภทสินเชื่อระยะยาว: จะได้รับการพิจารณาชำระแบบปลอดเงินต้น เป็นเวลาสูงสุด 6 เดือนหรือ ประเภทสินเชื่อหมุนเวียน: จะได้รับการพิจารณาขยายระยะเวลาชำระคืนเงินต้นสูงสุด 6 เดือน หรือประเภทสินเชื่อเช่าซื้อธุรกิจ: จะได้รับการพิจารณาขยายระยะเวลาชำระคืน หรือปรับลดยอดผ่อนชำระลงสูงสุด 70% ของยอดผ่อนชำระเดิม นาน 6 เดือน

ทั้งนี้ ลูกค้า SME ที่ต้องการซ่อมแซมสถานประกอบการไม่ว่าจะเป็นด้วยอุทกภัยหรือสถานการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา สามารถขอสินเชื่อเพื่อฟื้นฟูกิจการเพื่อ SME ระยะเวลากู้สูงสุด 10 ปี ดอกเบี้ยคงที่ 3.5% ต่อปี เป็นระยะเวลา 2 ปี และชำระแบบปลอดเงินต้นนานสูงสุด 12 เดือน โดยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการพิจารณาสินเชื่อเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

โดยลูกค้าสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่บริหารความสัมพันธ์ลูกค้าธุรกิจของท่าน หรือศูนย์บริการลูกค้าธุรกิจ ทีทีบี เพื่อรับคำแนะนำเพิ่มเติม โทร. 0 2643 7000 (วันจันทร์ – วันเสาร์เวลา 8:00 – 20:00 น.) ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์และวันหยุดธนาคาร

มาตรการความคุ้มครอง สำหรับลูกค้าที่มีประกัน

  • ลูกค้าสินเชื่อบ้าน ที่มีความคุ้มครองประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัย และได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วม กรณีเป็นลูกค้าสินเชื่อบ้านทีทีบี และทีเอ็มบี (เดิม) สามารถรับความคุ้มครองได้โดยอัตโนมัติ ภายใต้เงื่อนไขการมอบ “ประกันฟรี” แจ้งเคลมผ่านอลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย โทร. 1292 ลูกค้าที่ซื้อประกันภัยโดยตรงกับธนชาตประกันภัย รับความคุ้มครอง โดยตรวจสอบความคุ้มครองได้ที่ “เมนูประกัน” ในแอป ttb touch หรือแจ้งเคลมผ่านธนชาตประกันภัย โทร. 1519
  • ลูกค้าประกันชีวิต / ประกันภัย กรณีเป็นลูกค้าผู้ถือกรมธรรม์ ที่ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบในชายแดนไทย-กัมพูชา ติดต่อ พรูเด็นเชียลประกันชีวิต โทร. 1621 และลูกค้าผู้ถือกรมธรรม์ ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ติดต่อ ธนชาตประกันภัย โทร. 1519 โดยสามารถตรวจสอบความคุ้มครองได้ที่ “เมนูประกัน” ในแอป ttb touch
  • ลูกค้าธุรกิจทุกราย ที่มีประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน ประเภทสรรพภัย ประเภทอัคคีภัย ขยายภัยน้ำท่วม กับ ทีทีบี โบรกเกอร์ รับความคุ้มครอง ความเสียหายที่เกิดจากน้ำท่วม ตามกรมธรรม์กำหนด หากมีความเสียหาย สามารถแจ้งเคลมได้ผ่าน ทีทีบี โบรกเกอร์ โทร. 0 2783 0200 หรือ 0 27830300 (วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 8:30 – 17:30 น.)
  • ลูกค้าที่มีประกันความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน และ ประกันภัยรถยนต์ กับ ทีทีบี โบรกเกอร์ รับความคุ้มครอง ตามกรมธรรม์กำหนด แจ้งเคลมผ่าน ทีทีบี โบรกเกอร์ โทร. 0 2783 0200หรือ 0 2783 0300 (วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา8:30 – 17:30 น.)

ช่องทางเข้าร่วมมาตรการ

ลูกค้าทุกประเภทสามารถแจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการ “ตั้งหลัก” ได้ตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม – 31 ตุลาคม 2568 ผ่านช่องทางดังนี้

  • แอป ttb touch เลือก Yindee เพื่อแชทกับเจ้าหน้าที่
  • ttb contact center โทร. 1428
  • สาขาทีทีบีที่เปิดทำการทั่วประเทศ

นายปิติ ตัณฑเกษม กล่าวทิ้งท้ายว่า “ทีทีบีขอส่งกำลังใจถึงลูกค้าทุกท่านที่ได้รับผลกระทบ พร้อมเคียงข้างทุกก้าวของการฟื้นตัว ภายใต้หลักการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบตามแนวทางของธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน”

ดูรายละเอียดมาตรการเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์: https://www.ttbbank.com/th/tang-luk




แชร์
มัดรวมมาตรการแบงก์รัฐฯ-พาณิชย์ อุ้มผู้เดือดร้อนเหตุชายแดนไทย-กัมพูชา