หลังประธานาธิบดี โดนัล ทรัมป์ ประกาศชัยชนะหลังเลือกตั้งด้วยสโลแกน จะนำสหรัฐกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง
ได้ส่งผลให้คนอเมริกัน ตลาดหุ้นสหรัฐตอบสนองในเชิงบวกอยู่ราวหนึ่งเดือนด้วยการคาดหวังว่า การกลับมาของทรัมป์
ในสมัยสองก็จะใช้นโยบายการลดอัตราภาษีและการกีดกันด้านเทคโนโลยีกับจีนมาใช้อีกครั้ง ซึ่งทำให้คนอเมริกันที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับตลาดหุ้นนั้นยินดีที่จะสนับสนุนให้เค้าขึ้นเป็นประธานาธิบดีสมัยที่สอง
แต่การประเมินข้อมูลที่ผิดพลาด ไม่รอบคอบลึกซึ้งถึงโครงสร้างด้านการผลิตที่เปลี่ยนแปลงไปมากของสหรัฐฯ ใน 50 ปีที่ผ่านมา หลัง World Trade Organization (WTO) ก่อตั้งขึ้นมานั้น ทำให้ที่ปรึกษา และประธานาธิบดีทรัมป์นั้นได้ตัดสินใจผิดพลาดครั้งใหญ่ ด้วยการประกาศอัตราภาษีสูงเกินการคาดหมายกับประเทศคู่ค้าทุกประเทศพร้อมกันโดยหวังว่าจะลดกำแพงกีดกันการค้าพร้อมสอดแทรกเงื่อนไขเพิ่มเติมบางประเด็นที่เกี่ยวกับการขายอาวุธ การเก็บเงินจากกองทัพสหรัฐประจำการทั่วโลก ส่งผลให้ตลาดการเงิน ตลาดทุน ตลาดตราสารหนี้ผันผวนอย่างมากมาย
ที่น่าสนใจ คือ คนอเมริกันส่วนใหญ่ไม่เข้าใจว่า tariff นั้นกระทบอะไรกับชีวิตประชาชน แต่กลับรับรู้เพียงว่ารัฐบาลจะได้เงินภาษีเพิ่ม แต่เมื่อเวลาผ่านไป คนอเมริกันเริ่มรับรู้มากขึ้นว่า คนที่โดนรีดภาษีเพิ่ม คือ คนอเมริกันเองที่ต้องซื้อสินค้าทั้งหลายจากประเทศผู้ผลิตต่าง ๆ จากทั่วโลก โดยกระบวนขั้นตอนการผลิต และการจ้างงานนั้นไม่มีทางที่จะกลับสู่ประเทศสหรัฐฯ ได้ เนื่องจากธุรกิจหลายประเภทนั้น สหรัฐฯ ไม่ได้ผลิตมาเป็นเวลายาวนานกว่า 30-50 ปีแล้ว
ราคาทองคำปรับตัวขึ้นเด่นกว่าสินทรัพย์ประเภทอื่น แต่ระยะสั้นกรอบ 1-3 เดือนเราประเมินว่าราคาทองคำน่าจะพักตัว หรือปรับตัวลง ทั้งนี้เนื่องจากสหรัฐฯ ยอมอ่อนท่าทีทยอยปรับอัตราภาษีในสินค้านำเข้าหลายประเภทจาก ทั่วโลกในช่วงเบรค 90 วันสำหรับการเจรจา ประกอบกับสมาชิกรัฐสภาพยายามผลักดันญัตติพิจารณาการใช้อำนาจของประธานาธิบดีทรัมป์เกินขอบเขตรัฐธรรมนูญในเรื่องการประกาศอัตราภาษีนำเข้าสินค้า ท่ามกลางการสำรวจคนอเมริกันส่วนใหญ่ให้ประธานาธิบดี และทีมบริหารสอบตกในเรื่องการบริหารเศรษฐกิจซึ่งไม่เป็นผลดีต่อพรรคริพับลิกันในการเลือกตั้งระหว่างกาลปีหน้า
ทีมวิจัยฯ หลักทรัพย์บัวหลวง ได้มีการปรับเปลี่ยนน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐเพิ่มขึ้น และลดน้ำหนักการลงทุนในทองคำลง เนื่องจากอัตราผลตอบแทนคาดหวังจากการถือหุ้นสหรัฐเริ่มน่าสนใจเพิ่มขึ้น และดูดีกว่าการถือทองคำในระดับราคาปัจจุบัน (3,400-3,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์) ขณะที่แนวโน้มการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ และประเทศคู่ค้าเริ่มต้นขึ้น
กราฟ การเปรียบเทียบสัดส่วนระหว่างอัตราการลงทุนใน SP500 และทองคำ บ่งบอกว่าแนวโน้มตลาดหุ้นสหรัฐมีโอกาสน่าดีดตัวขึ้น (จังหวะเข้าซื้อ) และทองคำน่าจะปรับตัวลดลง (น่าขายทำกำไร) เนื่องจากราคาทองคำมีสัดส่วนอัตราผลตอบแทนกับตลาดหุ้นสหรัฐใกล้เคียงกันแล้ว ซึ่งจากสถิติในอดีตเมื่ออัตราผลตอบแทนลงทุนใกล้กันระดับนี้มักจะเห็นเม็ดเงินไหลกลับเข้าตลาดหุ้นสหรัฐ และให้อัตราผลตอบแทนที่ดีกว่าถือทองคำ
กราฟ สัดส่วนเทียบระหว่างอัตราผลตอบแทนหุ้นสหรัฐ และทองคำ
กรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน)