การท่องเที่ยว นับว่าเป็นอุตหกรรมหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศไทย ให้ช่วยเร่งฟื้นตัวหลังจากสถานการณ์โควิดได้อย่างง่ายดายสุด หากเทียบกับภาคอุตสหกรรมอื่นที่ต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นตัว
ภาคการท่องเที่ยว เป็น ‘หัวจักรหลัก’ ในการกระตุ้นเศรษฐกิจที่สามารถคิดเป็น 20% ของ GDP ของประเทศ และประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่
แต่โลกหลังโควิด ที่มีการเปลี่ยนแปลง กฎการเข้าประเทศต่างๆก็มีความเข้มงวดมากขึ้น เช่นเดียวกับประเทศไทย ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ มาเที่ยวประเทศไทยยังไม่ถึงเป้าที่ ททท.ได้คาดการณ์ไว้ (คาดการณ์ไว้ 25 ล้านคน ภายในสิ้นปี 66)
สิ่งที่น่าสนใจ คือ จำนวนนักท่องเที่ยวจีน ที่ได้ตั้งเป้าไว้ 5- 7 ล้านคนภายในสิ้นปี66 แต่ผ่านมาแล้ว 8 เดือน มีนักท่องเที่ยวจีนเพียงแค่ 1.9 ล้านคน ทำให้เอกชนหลายภาคส่วน ร่วมกันส่งเสียงร้องไปถึงถาครัฐ ให้ช่วยผ่อนปรนมาตราการต่างๆ เพื่อทำให้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยได้ตามเป้า เช่นคำร้องของ สมาพันธ์สมาคมท่องเที่ยว (FETTA)
ล่าสุด นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางบินด่วนไปที่สนามบินภูเก็ต เพื่อมารับฟังความคิดเห็นโดยตรงจากผู้ประกอบการ ภาคการท่องเที่ยว โดยเตรียมผลักดัน ยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า ให้แก่นักท่องเที่ยวจีน ให้ทันช่วงซีซั่นตุลาคมนี้ ให้ทัน “วันชาติจีน”
ทีม SPOTLIGHT พามาเปิดข้อสงสัย ถึงขั้นตอนการขอวีซ่าของนักท่องเที่ยวจีน ที่มีความยุ่งยากและซับซ้อน ไปจนถึงการมาตรการแก้ไขผ่อนปรนวีซ่าของรัฐบาลไทย
จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้รายงานว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566-ปัจจุบัน เกิดการสร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วกว่า 663,862 ล้านบาทโดย นักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่
- ชาวมาเลเซีย 2,513,520 คน
- ชาวจีน 1,935,241 คน (ตั้งเป้า 5-7 ล้านคน ภายในสิ้นปี 66)
- ชาวเกาหลีใต้ 945,217 คน
- ชาวอินเดีย 913,479 คน
- ชาวรัสเซีย 869,998 คน
สำหรับช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวจีน เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาที่ไทยสูงสุด (จำนวน 95,581 คน) รองลงมาได้แก่ มาเลเซีย, เกาหลีใต้, อินเดีย และเวียดนาม
เปิดสาเหตุนักท่องเที่ยวจีนไม่มาตามเป้า
- ปัจจัยเศรษฐกิจภายในประเทศจีน : ประเทศจีนยังคงเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำสืบเนืองมาจาก การปิดประเทศในช่วงสถานการณ์โควิด ทำให้ธุรกิจหลายเจ้าได้ปิดตัวลง และอัตราการจ้างงานก็ยังคงมีตัวเลขที่ต่ำ
- รัฐบาลจีน ได้ออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศ โดยการออกนโยบายสนับสนุนให้คนจีนเที่ยวภายในประเทศมากขึ้น จากการสำรวจของ Dragon Trail International พบว่า คนจีนเพียงแค่ 10 % มีแพลนออกไปเที่ยวต่างประเทศ
- ภาพลักษณ์ของประเทศไทย : ความไม่เชื่อมั่น จากกรณีข่าวความไม่ปลอดภัยของนักท่องเที่ยวจีนที่มาเที่ยวประเทศไทยบนสื่อออนไลน์ต่างๆ เช่น การโกงค่าโดยสาร
- ความยุ่งยากในการขอวีซ่า : ความยุ่งยากในกระบวนการขอวีซ่าในการกรอกเอกสารผ่านระบบ และระยะเวลาในการอนุมัติวีซ่านักท่องเที่ยวจีน
- กฎการขอ Visa on Arrival ที่ได้มีการปรับขึ้นราคาจาก 1,000 บาท เป็น 2,000 บาท และสามารถพำนักอยู่ที่ไทยได้เพียง 15 วัน
ไขข้อสงสัย ทำไมนักท่องเที่ยวจีนขอวีซ่าเข้าไทยยาก
ปัจจุบันมาตรการการขอวีซ่าเข้ามาที่ไทย ใช้การยืนเอกสารผ่านระบบออนไลน์ หรือ E-Visa ที่มีค่าธรรมเนียมอยู่ที่ 1,160 บาท ต่อคน ผ่านสถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลใหญ่ไทยในจีน ที่มีอยู่ 9 แห่ง โดยสามารถเเบ่งได้ดังนี้ :
1.นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาด้วยตัวเอง (FIT)
- ปัญหาด้านภาษา : ภาษาอังกฤษ ยังคงเป็นหนึ่งในปัญหาหลักนักท่องเที่ยวจีนบางคน เพราะการขอวีซ่าเข้าประเทศไทย นักท่องเที่ยวต้องเข้าไปกรอกแบบฟอร์มการขอวีซ่าเป็นภาษาอังกฤษด้วยตัวเองทั้งหมด กว่า 45 หน้า หากกรอกไม่ครบแม้แต่ข้อเดียว วีซ่าก็จะไม่อนุมัติ
- ขั้นตอนเยอะเกินความจำเป็น : นักท่องเที่ยวต้องเข้าไปสแกนเอกสาร กว่า 45 หน้า แล้วส่งซองไปที่สถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลใหญ่ จึงจะได้วีซ่า ยิ่งไปกว่านั้นหากเล่มพาสปอร์ตของนักท่องเที่ยว เป็นพาสปอร์ตใหม่ที่อายุยังไม่ถึงปี นักท่องเที่ยวจำเป็นต้องสแกนพาสปอร์ตเล่มเก่าให้ครบทุกหน้า และส่งไปพร้อมกับเอกสารกว่า 45 หน้า
2.นักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์
ที่ผ่านมาการยืนวีซ่า แบบกรุ๊ปทัวร์มีความง่าย และไม่ซับซ้อน เพราะบริษัททัวร์จะเป็นคนยืนขอ E-Visa ให้ แต่หลังจากวันที่ 8 พ.ค.66 ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์ต้องยื่นขอแบบรายบุคคล ซึ่งทางบริษัทต้องอัพโหลดเอกสารกว่า 45-48 หน้าต่อลูกค้า 1 คน หาก1กลุ่มทัวร์ มีลูกค้า 40 คน ทางบริษัทต้องส่งเอกสารไม่ต่ำกว่า 1,800 หน้า ทำให้ไม่แปลกหากสถานทูตหรือสถานกงสุลใหญ่ในจีนจะใช้เวลาพิจารณานาน
3.Visa on Arrival
Visa on Arrival (VOA) คือ วีซ่าที่ผู้ถือหนังสือเดินทางไม่ต้องขอวีซ่าล่วงหน้า แต่ต้องทำวีซ่าเมื่อถึงประเทศไทย ผ่านช่องทางอนุญาตด่านตรวจคนเข้าเมือง โดยใช้เวลาเพียงแค่ 20-25 นาทีในการขอ แต่จะต้องเป็นการท่องเที่ยวในระยะสั้น ไม่เกิน 15 วันเท่านั้น ซึ่งประเทศที่ได้รับสิทธิขอวีซ่าประเภทนี้มีเพียง 18 ประเทศ และ 1 เขตเศรษฐกิจ โดยผู้ถือพาสปอร์ตจีนสามารถขอ VOA ได้ และมีค่าธรรมเนียม 2,000 บาท
นักท่องเที่ยวจีนบางกลุ่มยอมที่จะมาเที่ยวในระยะสั้น และยอมจ่ายค่าธรรมเนียมวีซ่าที่แพงขึ้น เพื่อแลกมากับความไม่ยุ่งยากในเรื่องของเอกสารและขั้นตอนต่างๆจากระบบของ E-Visa
รัฐบาลไทย ผ่อนปรนวีซ่าจีน หวังกระตุ้นการท่องเที่ยว
ล่าสุดรัฐบาลไทย อำนวยความสะดวกวีซ่านักท่องเที่ยวจีน เพื่อเพิ่มยอดขับเคลื่อนการท่องเที่ยวไทยให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจทุกภูมิภาคทั่วประเทศโดยได้มีการปรับลดเอกสารการขอวีซ่า และลดระยะเวลาพิจารณาวีซ่า ดังนี้ :
1. ลดเอกสารประกอบการยื่นขอรับการตรวจลงตราประเภทท่องเที่ยวเหลือเพียง 6 รายการ :
- หน้าหนังสือเดินทาง
- รูปถ่าย
- บัตรโดยสารเครื่องบิน
- ที่พัก
- เอกสารยืนยันที่อยู่
- หลักฐานทางการเงิน
2. ลดระยะเวลาการพิจารณาอนุมัติการตรวจลงตราจาก 14 วันทำการเหลือ 7 วันทำการ
นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ยังอยู่ในระหว่างการดำเนินการการทำระบบบ ให้มีการตรวจสอบแล้วพิจารณาอนุมัติการตรวจลงตราให้มีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
ที่มา : รัฐบาลไทย