ข่าวเศรษฐกิจ

ท่องเที่ยวเวียดนาม จ่อแซงไทย CEO Agoda แนะไทยเร่งพัฒนาการท่องเที่ยว

19 มิ.ย. 66
ท่องเที่ยวเวียดนาม จ่อแซงไทย CEO Agoda แนะไทยเร่งพัฒนาการท่องเที่ยว

3 ปีของสถานการณ์โควิด19 ธุรกิจการท่องเที่ยวของประเทศไทยขณะนี้กำลังฟื้นตัวขึ้นเรื่อยๆ แต่อยู่ท่ามกลางการพัฒนาของประเทศในภูมิภาคเดียวกันที่นับวันธุรกิจท่องเที่ยวของเค้ากำลังขยายตัวมากขึ้น เรากำลังพูดถึง ‘เวียดนาม’ 

Omri Morgenshtern ซีอีโอจาก Agoda แพลตฟอร์มจัดการด้านการท่องเที่ยวออนไลน์ระบุว่า ในช่วง 5  เดือนแรกของปีนี้การท่องเที่ยวเวียดนามขยายตัวได้ดีมาก ทำให้เวียดนามไต่อันดับขึ้นมาเป็นที่ 3 จุดหมายปลายทางสำหรับนักท่องเที่ยวอาเซียน ซึ่งตามหลังแค่ญี่ปุ่นและประเทศไทย แต่ก็ถือว่าเป็นการเติบโตที่ก้าวกระโดดเพราะในปี2562 เวียดนามอยู่ในอันดับที่ 5 

ส่วนประเทศไทยในแพลตฟอร์มอโกด้านั้นเคยเป็นสุดยอดจุดหมายปลายทางที่ผู้คนอยากมาท่องเที่ยวมากที่สุดในปี 2565 แต่เมื่อญี่ปุ่นเปิดประเทศก็แซงหน้าประเทศไทยขึ้นไปเป็นอันดับ 1 แทน 

ที่น่าสนใจคือ กลุ่มนักท่องเที่ยวที่เข้าไทยมากที่สุด กลับไม่ใช่นักท่องเที่ยวจีนแต่คือเป็นนักท่องเที่ยวจากเกาหลีใต้ ตามมาด้วยมาเลเซียและจีน ซึ่งนักท่องเที่ยวเกาหลีใต้ก็เดินทางไปเที่ยวเวียดนามมากขึ้นเช่นกัน สาเหตุพราะเกาหลีใต้มีการเข้าไปลงทุนในเวียดนามจำนวนมากจนปัจจุบันมีการสร้างชุมชนเกิดขึ้นในเวียดนามเช่นกัน 

เที่ยวเวียดนาม

ส่วนนักท่องเที่ยวจีนที่เคยเป็นอันดับ 1 ในไทยเข้ามามากขึ้นก็จริง แต่พบว่าการภาพรวมความพร้อมเช่นไฟลท์บินยังไม่กลับมาเป็นปกติ  Agoda คาดว่านักท่องเที่ยวจีนจะเข้าไทยมากขึ้นในช่วงปลายปีนี้ 

ข้อมูลของ Agoda สอดคล้องธนาคารแห่งประเทศไทยที่พูดถึงสถานการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวในไทยว่า ในไตรมาส 1 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย 6.5 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวในอาเซียนเอง รองลงมาเป็นนักท่องเที่ยวในเอเชีย และ ยุโรป ส่วนนักท่องเที่ยวจีน มีสัดส่วนราว 8% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด   คาดว่าช่วงปลายปีเมื่อเที่ยวบินเพิ่มขึ้นอาจเห็นนักท่องเที่ยวจีนมีสัดส่วนที่มากขึ้น 

โดยคาดว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย ในปี2566 จำนวน 11.2 ล้านคน  ปี2567 จำนวน 29 ล้านคน  และปี 2568 จำนวน 35.5 ล้านคน 

จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย

Omri Morgenshtern ซีอีโอของอโกด้า บอกว่า ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่ดีมากสำหรับการท่องเที่ยว แต่ยังจำเป็นจะต้องมีการพัฒนาต่อไปเพื่อให้ผู้คนอีกมากมายอยากเดินทางมา  “ประเทศไทยสามารถดึงดูดกลุ่มบริษัทเทคโนโลยี ให้เข้ามาจัดประชุมสัมมนาได้หากมีการสร้าง Ecosystem ที่ดีสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพ ” 

สำนักงานใหญ่ของอโกด้าตั้งอยู่ในสิงคโปร์ แต่มีพนักงานมากกว่า 3,000 คนประจำอยู่ที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นพนักงานประมาณครึ่งหนึ่งทั่วโลก และในปีนี้บริษัทจะมีการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งสามารถยกระดับการค้นหาข้อมูลของนักท่องเที่ยวและนำเสนอโปรโมชันให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย 

Agoda นั้นตั้งขึ้นในสิงคโปร์ปี 2545 และถูกซื้อกิจการโดย Booking Holdings เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq ในปี 2550 ในฐานะแพลตฟอร์มเอเชียแปซิฟิก ส่วนในปี 2022 Agoda ทำรายได้ที่ 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.21 แสนล้านดอลลาร์

ที่มา Nikkei Asia , ธนาคารแห่งประเทศไทย 

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT