Logo site Amarintv 34HD
อมรินทร์ทีวีแจกใหญ่ส่งท้ายปี ดูทั้งวันแจกทุกวันLogo Seagame2025Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ส่องชื่อ 15 บริษัท บีโอไออนุมัติลงทุนใหม่ และ 16 โครงการเข้า FastPass
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

ส่องชื่อ 15 บริษัท บีโอไออนุมัติลงทุนใหม่ และ 16 โครงการเข้า FastPass

12 ธ.ค. 68
17:22 น.
แชร์

ทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าใจตรงกันว่า สิ่งหนึ่งที่ฉุดรั้งเศรษฐกิจไทย คือ กฎระเบียบจุกจิก และกระบวนการอันเทอะทะ-ล่าช้า ที่เป็นอุปสรรคในการลงทุนตั้งกิจการของบริษัทต่างชาติ ด้วยความตระหนักในปัญหา จึงมีการบรรจุเรื่อง การปลดล็อกการลงทุนไว้ในเสาหลักที่ 5 ของนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลอนุทิน 

รองนายกฯ และ รมว.คลัง เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ พูดย้ำหลายครั้งว่าจะให้คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) เร่งอนุมัติการลงทุนใหม่ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปลดล็อกอุปสรรคและอำนวยความสะดวกในการลงทุน 

ล่าสุด เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ที่เอกนิติเป็นปะธาน ได้อนุมัติโครงการลงทุนจำนวน 15 โครงการ มูลค่ากว่า 2.4 แสนล้านบาท พร้อมประเดิมคัดเลือก 16 โครงการลงทุนขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมเป้าหมายเข้าระบบ Thailand FastPass เพื่อเร่งรัด ปลดล็อกอุปสรรค และอำนวยความสะดวกให้เกิดการลงทุนจริงโดยเร็ว เป็นการทิ้งทวนก่อนที่นายกฯจะประกาศยุบสภา 

อนุมัติ 15 โครงการลงทุน 2.4 แสนล้านบาท

บอร์ดบีโอไออนุมัติโครงการลงทุนขนาดใหญ่ จำนวน 15 โครงการ ใน 5 กิจการ รวมมูลค่ากว่า 2.4 แสนล้านบาท ประกอบด้วย

กิจการดาต้าเซ็นเตอร์ 11 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุน 184,740 ล้านบาท 

  • บริษัท เคอเร้นท์ 19,773 ล้านบาท 
  • บริษัท เอสทีที จีดีซี 9,348 ล้านบาท 
  • บริษัท เคทู สแทรททิจิค อินฟราสตรัคเจอร์ 30,869 ล้านบาท 
  • บริษัท ไทย ดีซี วัน  22,110 ล้านบาท 
  • บริษัท เอสทีคลีนพลาเน็ต 20,635 ล้านบาท 
  • บริษัท ดาเรีย ดาต้า เซ็นเตอร์ แอนด์ คลาวด์ เซอร์วิสเซส 6,594 ล้านบาท 
  • บริษัท จีเอสเอ ดาต้า เซนเตอร์ 30,611 ล้านบาท 
  • บริษัท สมาร์ท เมกะวัตต์ 3,797 ล้านบาท 
  • บริษัท ทีดี ดาต้า อินเตอร์เนชั่นแนล 13,000 ล้านบาท 
  • บริษัท ตง หนาน ดาต้า 20,625 ล้านบาท 
  • บริษัท ไพรม์ เมกะวัตต์ 7,378 ล้านบาท

กิจการนิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะ 

  • บริษัท อารยะ แลนด์ ดีเวลลอปเม้นต์ จังหวัดสมุทรปราการ เงินลงทุน 3,464 ล้านบาท 

กิจการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม ขนาด 90 เมกะวัตต์

  • บริษัท บลู สกาย วินด์ พาวเวอร์ 31 จังหวัดอุบลราชธานี เงินลงทุน 5,635 ล้านบาท 

กิจการขนถ่ายสินค้าทางเรือ

  • บริษัท ไทยแท้งค์เทอร์มินัล ที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง เงินลงทุน 14,122 ล้านบาท 

กิจการผลิตโพแทสเซียมคลอไรด์ 

  • บริษัท เอเชีย แปซิฟิค โปแตซ คอร์ปอเรชั่น จังหวัดอุดรธานี เงินลงทุน 40,468 ล้านบาท 

คัด 16 โครงการเข้า Thailand FastPass

บอร์ดบีโอไอได้คัดเลือกโครงการที่ได้ยื่นคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนแล้ว เข้าสู่กลไก Thailand FastPass เป็นล็อตแรก จำนวน 16 โครงการ โดยเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่มีเงินลงทุนมากกว่า 1,000 ล้านบาท อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง และเป็นโครงการที่สร้างประโยชน์อย่างมีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจ รวมมูลค่าเงินลงทุนกว่า 1.7 แสนล้านบาท คาดว่าจะก่อให้เกิดการจ้างงานคนไทยกว่า 7,000 คน ได้แก่ 

กิจการเทคโนโลยีชีวภาพ

  • บริษัท บราสเคม สยาม

กิจการชิ้นส่วนยานยนต์สมัยใหม่ 

  • บริษัท ไอซิน พาวเวอร์เทรน และเหอไซ่

กิจการชิ้นส่วนอากาศยาน 

  • บริษัท สยามมิชลิน และแซม พรีซิชั่น

กิจการอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง 

  • บริษัท ฟาบริเนท
  • บริษัท โกลด์ เซอร์คิท อีเลคโทรนิคส์ (2 โครงการ)
  • บริษัท เพ๊ง เชิน เทคโนโลยี (2 โครงการ)
  • บริษัท ลีเจ้นท์คอมม์
  • บริษัท แอดวานซ์ อินเตอร์คอนเนคชั่น เทคโนโลยี
  • บริษัท พานาโซนิค แมนูแฟคเจอริ่ง

กิจการดาต้าเซ็นเตอร์ระดับ Hyperscale 

  • บริษัท ซีนิท ดาต้า เซ็นเตอร์ แอนด์ คลาวด์ เซอร์วิสเซส 
  • บริษัท ตง หนาน ดาต้า  

กิจการศูนย์โลจิสติกส์อัจฉริยะ  

  • บริษัท ซัพพลาย เชน ซิตี้ 

นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า บีโอไอกำหนดให้โครงการที่ได้รับบัตร Thailand FastPass ต้องมีการลงทุนจริงไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของมูลค่าการลงทุนรวม ภายใน 6 เดือน นับจากวันที่ได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุน เพื่อเร่งให้เกิดการลงทุนอย่างเป็นรูปธรรมและสามารถวัดผลได้ชัดเจน

เลขาธิการบีโอไอเปิดเผยอีกว่า หลังจากนี้ บอร์ดบีโอไอจะทยอยพิจารณาคัดเลือกโครงการเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันให้เกิดการลงทุนจริง และสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในช่วงปี 2569–2570

ความคืบหน้าปลดล็อก ไฟฟ้า–ที่ดิน–วีซ่า

นอกจากนั้น เลขาธิการบีโอไอเปิดเผยความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาด้านการลงทุน 3 ด้านหลัก ได้แก่ ไฟฟ้า การจัดหาพื้นที่สำหรับการลงทุน วีซ่าและใบอนุญาตทำงาน เพื่อปลดล็อกโครงการลงทุน 80 โครงการ มูลค่า 4.8 แสนล้านบาท ดังนี้ 

ด้านไฟฟ้า 

ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 มีมติให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย สามารถจำหน่ายไฟฟ้าโดยตรงให้แก่ผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าตั้งแต่ 200 เมกะวัตต์ขึ้นไป โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการแก้ไขพระราชกฤษฎีกากำหนดผู้ใช้พลังงานไฟฟ้า 

ในเรื่องพลังงานสะอาด สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานเตรียมเสนอหลักเกณฑ์และโครงสร้างราคาการซื้อขายพลังงานไฟฟ้าโดยตรง (Direct Power Purchase Agreement: Direct PPA) ต่อ กพช. ภายในเดือนธันวาคมนี้ 

สำหรับการบริการไฟฟ้าสีเขียว (Utility Green Tariff 2: UGT2) สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เตรียมประกาศอัตราค่าบริการ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป

ด้านการจัดหาพื้นที่สำหรับการลงทุน 

บีโอไอได้ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งรัดการพิจารณาพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมและการจัดทำผังเมืองให้รองรับความต้องการลงทุนระลอกใหม่ โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 

  1. การกำหนดแนวทางปรับปรุงผังเมืองเพื่อเพิ่มพื้นที่รองรับนิคมอุตสาหกรรม จะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2568 
  2. การจัดทำแนวทางปฏิบัติเพื่อเตรียมพื้นที่ก่อสร้างล่วงหน้าก่อนได้รับการอนุมัติรายงาน EIA คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนมกราคม 2569 
  3. การเร่งรัดแก้ไขปัญหาให้กับโครงการที่อยู่ระหว่างการพิจารณาอนุญาตเปลี่ยนแปลงสภาพที่ดินสาธารณะ จำนวน 27 โครงการ มีเป้าหมายให้แล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม 2569

ด้านวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน 

บีโอไอได้จัดส่งรายชื่อนักลงทุนกลุ่มเป้าหมายให้กรมการกงสุลแล้ว เพื่อเร่งรัดการออกวีซ่าเป็นกรณีพิเศษ และอยู่ระหว่างการเชื่อมโยงระบบ Single Window กับระบบ Thai e-Visa ให้สามารถส่งต่อข้อมูลโดยอัตโนมัติ ซึ่งจะแล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2569 

ในส่วนการให้บริการที่ศูนย์บริการวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน (OSS) กรมการจัดหางานได้เพิ่มเจ้าหน้าที่แล้ว และสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจะดำเนินการเพิ่มอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ภายในเดือนธันวาคมนี้ เพื่อที่จะสามารถให้บริการได้รวดเร็วยิ่งขึ้น 

ยกระดับการส่งเสริมอุตสาหกรรมเหล็กไทย

นอกจากนั้น ที่ประชุมบีโอไอได้ทบทวนการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมเหล็ก เพื่อแก้ไขปัญหาภาวะล้นตลาดและอัตราการใช้กำลังการผลิตต่ำของผู้ผลิตในประเทศ พร้อมปรับทิศทางการส่งเสริมไปสู่การผลิตเหล็กคุณภาพสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รองรับการเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมเหล็กสีเขียวตามแนวโน้มตลาดโลก โดยมีมาตรการสำคัญดังนี้

  • งดส่งเสริมกลุ่มเหล็กขั้นกลางที่ไม่มีการผลิตต่อเนื่องจากเหล็กขั้นต้น กลุ่มเหล็กทรงแบนสำหรับงานอุตสาหกรรมและงานก่อสร้าง เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมเหล็กกลุ่มที่มีภาวะสินค้าล้นตลาด จนทำให้ผู้ผลิตเดิมจำเป็นต้องชะลอการผลิตอย่างมีนัยสำคัญ
  • งดส่งเสริมการผลิตเหล็กถลุง เพื่อผลักดันให้มีการผลิตเหล็กคุณภาพสูง และมีกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 
  • ปรับเงื่อนไขการส่งเสริมกิจการเหล็ก 5 ประเภทในกลุ่มเหล็กขั้นกลางและขั้นปลาย โดยกำหนดให้ต้องใช้เตาหลอมไฟฟ้า หรือเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อสนับสนุนกระบวนการผลิตที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
แชร์
ส่องชื่อ 15 บริษัท บีโอไออนุมัติลงทุนใหม่ และ 16 โครงการเข้า FastPass