
คนทำงานประจำที่เป็นผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม มาตรา 33 และมีรายได้เกินเดือนละ 15,000 บาท ต้องรู้ เปิดมาทำงานปีใหม่ 2569 นี้ จะต้องจ่ายเงินสมทบกองทุนประกันสังคมมากขึ้น แต่ก็จะได้สิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
จากการที่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 มีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าจ้างขั้นต่ำและขั้นสูง ที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินสมทบกองทุนประกันสังคม พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ โดยให้เริ่มมีผลในเดือนมกราคม 2569
ร่างกฎกระทรวงฉบับใหม่นี้จะมีผลเป็นการปรับเพิ่มจำนวนเงินสมทบกองทุนประกันสังคมของผู้ที่มีรายได้มากกว่าเดือนละ 15,000 บาท จากเดิมกำหนดเพดานค่าจ้างที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินสมทบผู้ประกันตนกำหนดไว้ไม่เกินเดือนละ 15,000 บาท มีผลให้ผู้ที่รายได้เกินเดือนละ 15,000 บาท จ่ายเงินสมทบ 750 บาทต่อเดือน ตามเพดานในการคำนวณ
การปรับขึ้นเพดานค่าจ้างตามกฎที่แก้ไขใหม่ จะดำเนินการเป็น 3 ระยะ เพื่อให้เกิดความเหมาะสมและลดผลกระทบต่อผู้ประกันตนและนายจ้าง โดยแบ่งดังนี้
ส่วนขั้นต่ำของค่าจ้างที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินสมทบ กำหนดให้ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 1,650 บาท เหมือนที่กำหนดในกฎกระทรวงเดิม
ทั้งนี้ การปรับเพิ่มเพดานค่าจ้างดังกล่าวทำให้กองทุนประกันสังคมมีรายได้เพิ่มขึ้นจากเงินสมทบของกลุ่มผู้ประกันตนที่มีรายได้สูงกว่าเพดานค่าจ้างในปัจจุบัน ดังนั้น ผู้ประกันตนจะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้นด้วย
ในระยะที่ 1 ของการปรับเพดานค่าจ้าง (พ.ศ. 2569-2671) จะเพิ่มเงินทดแทนและเงินสงเคราะห์กรณีต่าง ๆ ดังนี้
กาญจนา พูลแก้ว เลขาธิการสำนักงานประกันสังคมกล่าวว่า การปรับเพดานค่าจ้างในครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างหลักประกันด้านรายได้ให้สอดคล้องกับระดับค่าจ้างในปัจจุบันและช่วยให้ผู้ประกันตนได้รับสิทธิประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นอย่างเหมาะสม