
วันนี้ (29 ตุลาคม 2568) โครงการ ‘เที่ยวดี มีคืน’ หรือมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศ ที่ให้นำค่าใช้จ่ายมาหักลดหย่อนภาษี เริ่มต้นขึ้นพร้อมกันกับโครงการ ‘คนละครึ่ง พลัส’ ที่รัฐบาลเติมเพิ่มกำลังการจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวันให้แก่ประชาชน
สำหรับคนที่กำลังวางแผนท่องเที่ยว หรือนิติบุคคลที่วางแผนจะจัดอบรมสัมมนา และผู้ประกอบกิจการโรงแรมที่วางแผนจะปรับปรุงโรงแรม เผื่อว่าอาจจะยังมีคำถามมีข้อสังสัยเกี่ยวกับวิธีการและรายละเอียดในการใช้สิทธิ SPOTLIGHT ได้สรุปคำถามและคำตอบจากกระทรวงการคลังมาให้แล้ว โดยแยกเป็นส่วนละ 4 คำถาม รวมทั้งหมด 12 คำถาม-คำตอบ ดังต่อไปนี้
คำถาม: จำเป็นต้องพักค้างคืนหรือไม่ จึงจะหักลดหย่อนภาษีได้
คำตอบ: ไม่จำเป็นต้องมีการพักค้างคืน ‘ค่าบริการของร้านอาหาร’ จากการท่องเที่ยวโดยไม่มีการเข้าพักค้างแรมก็สามารถหักลดหย่อนค่าบริการของร้านอาหารได้ ซึ่ง ‘ค่าบริการของร้านอาหาร’ ที่ให้หักลดหย่อนภาษีได้ ประกอบด้วย ค่าอาหาร ค่าเครื่องดื่ม และค่าบริการอื่นๆ เช่น เซอร์วิสชาร์จ
คำถาม: จะรู้ได้อย่างไรว่าโฮมสเตย์ใดบ้างที่เข้าข่ายตามมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศ (สำหรับบุคคลธรรมดา) คือโฮมสเตย์ไทยใดบ้าง
คำตอบ:โฮมสเตย์ตามประกาศกรมการท่องเที่ยว เรื่อง รายชื่อโฮมสเตย์ที่ได้รับรองมาตรฐานโฮมสเตย์ไทย โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อโฮมสเตย์ได้ที่ https://www.dot.go.th/news/inform/detail/7918 และโฮมสเตย์นั้น ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มกับกรมสรรพากร
คำถาม: ตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบการในธุรกิจท่องเที่ยวที่สามารถออก e-Tax Invoice ได้ที่ไหน
คำตอบ: สามารถตรวจสอบรายชื่อได้ที่เว็บไซต์ของกรมสรรพากร https://etax.rd.go.th/ETAXSEARCH/
4.
คำถาม: ต้องใช้หลักฐานอะไรในการใช้สิทธิตามมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว (สำหรับบุคคลธรรมดา)
คำตอบ: หลักฐานที่ใช้ คือ ‘ใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป’ ตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากรในรูปแบบกระดาษหรือในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) ซึ่งรวมถึง e-Tax Invoice by Time Stamp ที่สำคัญคือ ใบกำกับภาษีต้องระบุเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร (เลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก) ของผู้มีเงินได้ ระบุวัน เดือน ปีที่เข้าพักหรือรับบริการจากร้านอาหาร และระบุจังหวัดที่ที่พักหรือร้านอาหารตั้งอยู่
คำถาม: ‘รายจ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องในการอบรมสัมมนา’ คือรายจ่ายอะไรบ้าง
คำตอบ: ค่าใช้จ่ายเพื่อการจัดการ ค่าวิทยากร และค่าวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบการอบรมสัมมนา เช่น ค่าเอกสารประกอบการอบรม ค่าจ้างถ่ายเอกสาร ค่าบันทึกภาพและเสียง ค่าจัดทำสื่อที่เกี่ยวข้องกับการฝึกอบรม เป็นต้น
คำถาม: นิติบุคคลต้องใช้หลักฐานอะไรในการใช้สิทธิหักรายจ่าย
คำตอบ: หลักฐานที่ใช้ คือ ‘ใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป’ ตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากรในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) เว้นแต่ค่าขนส่งที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบการที่มิได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้ใช้ ‘ใบรับ’ ตามมาตรา 105 แห่งประมวลรัษฎากรที่อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt)
คำถาม: e-Tax Invoice และ e-Receipt คืออะไร แตกต่างจากใบกำกับภาษีและใบรับในรูปแบบกระดาษอย่างไร และระบบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice & e-Receipt) กับระบบการขอทำใบกำกับภาษีโดยการประทับรับรองเวลา (e-Tax Invoice by Time Stamp) แตกต่างกันอย่างไร
คำตอบ: e-Tax Invoice และ e-Receipt คือ ใบกำกับภาษีและใบรับที่ได้มีการจัดทำข้อความขึ้นเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ ผู้ประกอบการไม่ต้องเก็บรักษาใบกำกับภาษีและใบรับและไม่ต้องจัดส่งให้กรมสรรพากรในการใช้สิทธิหักรายจ่ายตามมาตรการภาษีนี้ โดยสามารถใช้ข้อมูล e-Tax Invoice และ e-Receipt ในฐานข้อมูลของกรมสรรพากรในการยื่นแบบแสดงรายการภาษีได้เลย และเจ้าหน้าที่จะไม่ขอให้ส่งใบกำกับภาษีหรือใบรับอีก
คำถาม: ผู้ต้องการใช้สิทธิสามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบการที่สามารถออก e-Tax Invoice และ e-Receipt ได้จากที่ใด
คำตอบ: สามารถตรวจสอบรายชื่อได้ที่เว็บไซต์ของกรมสรรพากร https://etax.rd.go.th/ETAXSEARCH/
คำถาม: โรงแรมที่สามารถใช้สิทธิหักรายจ่ายตามมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโรงแรมที่พัก มีอะไรบ้าง
คำตอบ: โรงแรมตามพระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ. 2547 ซึ่งหมายถึง สถานที่พักที่จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ในทางธุรกิจ เพื่อให้บริการที่พักชั่วคราวสำหรับคนเดินทางหรือบุคคลอื่นใด โดยมีค่าตอบแทน และแบ่งเป็น 4 ประเภท ดังนี้
คำถาม: หากต้องการใช้สิทธิตามมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโรงแรมที่พักจะต้องดำเนินการอย่างไร และต้องใช้หลักฐานใดบ้าง
คำตอบ: หากเป็นการซ่อมแซมให้คงสภาพเดิม ไม่สามารถใช้สิทธิได้ ต้องเป็นการต่อเติม เปลี่ยนแปลง ขยายออก หรือปรับปรุง ‘ทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการ’ ให้ดีขึ้น จึงจะสามารถใช้สิทธิได้ โดยต้องดำเนินการ ดังนี้
1. ต้องจัดทำโครงการลงทุนและแผนการจ่ายเงินและแจ้งต่ออธิบดีกรมสรรพากรผ่านเว็บไซต์ของกรมสรรพากร (http://www.rd.go.th) ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2569
2. ต้องจัดทำรายงานแสดงรายละเอียดของทรัพย์สินที่ใช้สิทธิตามที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนดและเก็บรักษารายงานดังกล่าว รวมทั้งเอกสารประกอบการลงรายการในรายงานไว้ ณ สถานประกอบการ พร้อมที่จะให้เจ้าพนักงานประเมินตรวจสอบได้ ทั้งนี้ เอกสารหลักฐานต้องมีสัญญา ใบสั่งซื้อ ใบสั่งจ้าง หรือข้อตกลงในลักษณะทำนองเดียวกันรวมอยู่ด้วย
คำถาม: หากปรับปรุงโรงแรมไม่แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 มีนาคม 2569 แต่จ่ายเงินไปแล้ว จะใช้สิทธิหักรายจ่ายตามมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโรงแรมที่พักได้หรือไม่ อย่างไร
คำตอบ: ไม่สามารถใช้สิทธิได้ โรงแรมต้องอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานตามประสงค์ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2569 เท่านั้น จึงจะสามารถใช้สิทธิได้
คำถาม: ‘เครื่องตกแต่งหรือเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นส่วนประกอบและยึดติดกับอาคารเป็นการถาวร’ ที่กำหนดให้สามารถหักค่าใช้จ่ายได้ มีลักษณะอย่างไร
คำตอบ: ต้องไม่อาจแยกจากอาคารได้ นอกจากจะทำลาย ทำให้บุบสลาย หรือทำให้เปลี่ยนแปลง รูปทรงหรือสภาพไป