ภาษีทรัมป์-ค่าเงินทำพิษ ส่งออก ส.ค.โตต่ำสุดในรอบปี มูลค่ารูปเงินบาทหด
ภาษีศุลกากรของโดนัลด์ ทรัมป์ ออกฤทธิ์ให้เห็นชัดขึ้นแล้ว เมื่อตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือนสิงหาคม 2568 โตต่ำสุดในปีนี้ และเมื่อเทียบสถิติย้อนกลับไปเรื่อยๆ พบว่าเป็นอัตราการเติบโตที่ขยายตัวต่ำสุดในรอบ 12 เดือน นับตั้งแต่เดือนกันยายน 2567 ที่ขยายตัว 1.3% แม้ว่าจะยังขยายตัวได้แต่ก็แผ่วลงเรื่อยๆ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ขณะเดียวกัน ภาคการส่งออกไทยยังเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกเมื่อคำนวณเป็นเงินบาทแล้วหดตัวลงมากกว่า 5%
ส่งออกโตแค่ 5.8% มูลค่าเงินบาทหด 5.5%
ตามการแถลงของ พูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) โฆษกกระทรวงพาณิชย์ ในวันนี้ (24 กันยายน 2568) การส่งออกของไทยประจำเดือนสิงหาคม 2568 มีมูลค่า 27,743.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (889,014 ล้านบาท) ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 14 ที่อัตรา 5.8% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า (YoY) หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัว 5.4% ฝั่งการนำเข้า มีมูลค่า 29,707.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 15.8% ขาดดุลการค้า 1,964.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
“การส่งออกขยายตัวในอัตราชะลอลงมากขึ้น หลังจากมีการบังคับใช้อัตราภาษีศุลกากรต่างตอบแทนของสหรัฐฯ ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนสิงหาคม” โฆษกกระทรวงพาณิชย์ยอมรับ และบอกอีกว่า ผู้นำเข้าในสหรัฐส่วนใหญ่มีความชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับการวางแผนจัดการความเสี่ยงด้านราคา แม้ว่าระดับสินค้าคงคลังในสหรัฐฯจะเริ่มเพิ่มขึ้นเนื่องจากอุปสงค์อ่อนแอ
สำหรับภาพรวมการส่งออกในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2568 มีมูลค่า 223,175.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 13.3% (YoY) หักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัยแล้วขยายตัว 13.3% การนำเข้ามีมูลค่า 224,880.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 11.3% ขาดดุลการค้า 1,704.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ส่วนมูลค่าการค้าในรูปเงินบาท เดือนสิงหาคม 2568 การส่งออกมีมูลค่า 889,014 ล้านบาท หดตัว 5.5% เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า (YoY) การนำเข้ามีมูลค่า 964,331 ล้านบาท ขยายตัว 3.6% ขาดดุลการค้า 75,317 ล้านบาท
ภาพรวม 8 เดือนแรกของปี 2568 การส่งออกมีมูลค่า 7,396,314 ล้านบาท ขยายตัว 4.7% (YoY) การนำเข้ามีมูลค่า 7,544,896 ล้านบาท ขยายตัว 3.0% ขาดดุลการค้า 148,582 ล้านบาท
ส่งออกสินค้าเกษตรหดตัวแรง
ตัวเลขจำแนกตามตลาดส่งออกชี้ว่า การส่งออกไปตลาดสำคัญยังคงขยายตัวต่อเนื่อง โดยขยายตัวทั้งในตลาดหลัก เช่น สหรัฐฯ จีน และอาเซียน และตลาดรองอย่างเอเชียใต้ แอฟริกา ลาตินอเมริกา และสหราชอาณาจักร อย่างไรก็ตาม เป็นการขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง เนื่องจากมีการเร่งนำเข้าในช่วงก่อนที่มาตรการภาษีของสหรัฐฯจะมีผลบังคับใช้ไปแล้ว
เมื่อจำแนกตามกลุ่มอุตสาหกรรม มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตรหดตัว 10.7% เป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบ 4 เดือน โดยสินค้าเกษตร หดตัว 13.6% กลับมาหดตัวในรอบ 4 เดือน ขณะที่สินค้าอุตสาหกรรมเกษตรหดตัว 7.2% หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 โดยมีสินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูปอื่นๆ, ไก่แปรรูป, ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์, กุ้งสด แช่เย็น แช่แข็ง ขณะที่สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ ผลไม้สดแช่เย็น แช่แข็งและแห้ง, ยางพารา, ข้าว, อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป, อาหารสัตว์เลี้ยง และน้ำตาลทราย ทั้งนี้ ภาพรวม 8 เดือนแรกของปี 2568 การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรขยายตัวได้เพียง 1.6%
ส่วนมูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัว 11.2% (YoY) ขยายตัวต่อเนื่อง 17 เดือน โดยมีสินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ, เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ, แผงวงจรไฟฟ้า, อัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ), เครื่องโทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ขณะที่สินค้าสำคัญที่หดตัว คือ สินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน, ผลิตภัณฑ์ยาง, เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ, เครื่องรับวิทยุ โทรทัศน์และส่วนประกอบ และอุปกรณ์กึ่งตัวนำทรานซิสเตอร์และไดโอด ทั้งนี้ 8 เดือนแรกของปี 2568 การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัว 17.5%
ระยะถัดไปยังมีหลายปัจจัยกดดัน
แนวโน้มการส่งออกในระยะถัดไป โฆษกกระทรวงพาณิชย์บอกว่า ในช่วงที่เหลือของปี 2568 คาดว่า การส่งออกจะยังคงขยายตัวต่อเนื่อง ความกังวลต่อผลกระทบจากมาตรการภาษีต่างตอบแทนของสหรัฐฯผ่อนคลายลงหลังสหรัฐฯบรรลุการเจรจาและทำข้อตกลงการค้ากับหลายประเทศและภูมิภาค โดยกำหนดอัตราภาษีต่างตอบแทนที่ปรับลดลงจากอัตราเดิมที่เคยประกาศไว้ ในส่วนของไทยอยู่ในอัตราที่ใกล้เคียงกับหลายประเทศในภูมิภาค
“อย่างไรก็ตาม คาดว่าการสะสมสินค้าคงคลังเพื่อเป็นวัตถุดิบในการผลิตจะเริ่มชะลอลง เนื่องจากการเร่งนำเข้าไปในช่วงก่อนหน้าและอุปสงค์ที่อ่อนแอ สถานการณ์การค้าชายแดนที่ยังคงยืดเยื้อ นโยบายเร่งการส่งออกข้าวของอินเดีย เศรษฐกิจสหรัฐฯที่ชะลอตัว และค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว ยังคงเป็นปัจจัยกดดันผู้ส่งออกของไทยในช่วงที่เหลือของปี” โฆษกกระทรวงพาณิชย์ยอมรับถึงความท้าทายของภาคการส่งออกไทย
จากนั้น โฆษกกระทรวงพาณิชย์รับปากปิดท้ายว่า กระทรวงพาณิชย์จะเร่งเดินหน้าเพื่อขับเคลื่อนภารกิจและนโยบายที่เกี่ยวข้อง ทั้งเร่งรัดการเจรจาความตกลงฉบับต่างๆ ให้แล้วเสร็จ เร่งขยายตลาดส่งออกใหม่ๆ ขับเคลื่อนการขยายช่องทางการค้าดิจิทัลกับอาเซียน และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการรับมือกับการเบี่ยงเบนเส้นทางการค้า เพื่อยังคงรักษาอัตราการเติบโตของการส่งออกให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้
