Logo site Amarintv 34HD
อมรินทร์ทีวีแจกใหญ่ส่งท้ายปี ดูทั้งวันแจกทุกวันLogo Seagame2025Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ทุเรียนไทยเตรียมเจอคู่แข่งสำคัญ เมื่อทุเรียนจากลาวส่งเข้าจีนได้แล้ว
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

ทุเรียนไทยเตรียมเจอคู่แข่งสำคัญ เมื่อทุเรียนจากลาวส่งเข้าจีนได้แล้ว

19 ธ.ค. 68
17:26 น.
แชร์

ทุเรียน พืชเศรษฐกิจที่สำคัญของไทยมีคู่แข่งศักยภาพสูงเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง เมื่อประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดหลักของทุเรียนไทยอนุญาตให้นำเข้าทุเรียนที่ปลูกในประเทศลาวอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา ทำให้ ณ ปัจจุบันมีทุเรียนสดจาก 6 ประเทศที่ได้รับอนุญาตให้ส่งเข้าสู่ประเทศจีนได้ นั่นคือ ไทย เวียดนาม ฟิลิปินส์ มาเลเซีย กัมพูชา และลาว 

แม้ว่าในช่วงปีแรก ๆ ทุเรียนที่ปลูกในลาวจะยังมีผลผลิตไม่มาก แต่นี่ก็เป็นความเคลื่อนไหวสำคัญที่จะส่งผลต่อการแข่งขันของทุเรียนไทยในตลาดจีนในระยะยาว และลาวอาจจะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุดสำหรับไทยในศึกวิมานหนามมูลค่ามากกว่า 200,000 ล้านบาทนี้

ทุเรียนจากลาว คู่แข่งใหม่ที่ทุเรียนไทยประมาทไม่ได้ 

ปัจจุบันลาวมีสวนปลูกทุเรียนจำนวน 170 แห่ง พื้นที่เพาะปลูกมากกว่า 20,000 เฮกตาร์ (125,000 ไร่) มีต้นทุเรียนที่ออกผลแล้ว 10,000 ต้น ผลผลิตต่อปีอยู่ที่ประมาณ 900 ตัน ทุเรียนที่ปลูกในลาวส่วนใหญ่เป็นพันธุ์หมอนทอง ซึ่งเป็นพันธุ์ยอดนิยมในประเทศจีน

ลาวตั้งตัวเลขเป้าหมายปี 2572 ว่าจะมีต้นทุเรียนที่เก็บเกี่ยวผลได้จำนวน 270,000 ต้น ผลผลิตประมาณ 24,300 ตัน และล่าสุด ลาววางแผนจะส่งออกทุเรียนคุณภาพสูง 400 ตันในปี 2569 โดยมีจีนเป็นตลาดเป้าหมาย 

ความน่ากลัวของทุเรียนจากลาวไม่ได้มีแค่ในมิติที่ลาวมีพื้นที่สำหรับขยายการเพาะปลูกมาก และมิติทำเลที่ตั้งที่ใกล้จีน ซึ่งได้เปรียบในการขนส่งเข้าจีนเท่านั้น แต่ยังมีปัจจัยด้านภูมิศาสตร์ที่ใกล้เคียงกับไทย ซึ่งอาจจะส่งผลให้ทุเรียนที่ปลูกในลาวมีรสชาติใกล้เคียงกับทุเรียนไทยด้วย อีกทั้งยังมีความน่ากลัวด้านการควบคุมคุณภาพและการตรวจสอบย้อนกลับเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือทางการค้า เนื่องจากกรมส่งเสริมการปลูกพืชของลาวใช้ระบบ ‘หนึ่งต้น หนึ่งใบรับรอง’ ปฏิวัติการกำกับดูแลดิจิทัลภาคเกษตรของลาว โดยจัดทำบันทึกข้อมูลประจำตัวเฉพาะสำหรับต้นทุเรียนแต่ละต้น เชื่อมโยงขั้นตอนสำคัญให้เข้าสู่ระบบตรวจสอบย้อนหลังผ่านทางดิจิทัล  

เบื้องหลังทุเรียนในลาวคือ ‘ทุนจีน’    

นอกจากปัจจัยหลายด้านที่ว่ามา ความน่ากลัวที่สุดของทุเรียนลาว คือ ผู้อยู่เบื้องหลังการปลูกทุเรียนในประเทศลาวเพื่อส่งไปขายประเทศจีน คือ การลงทุนของ ‘ทุนจีน’ เอง 

เรื่องนี้มีที่มาจากการที่ชาวจีนชอบกินทุเรียนมาก และจีนเป็นประเทศผู้นำเข้าทุเรียนอันดับ 1 ของโลก (และเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของไทย) เมื่อปี 2567 จีนนำเข้าทุเรียน 1.56 ล้านตัน มูลค่า 49,736 ล้านหยวน (ประมาณ 223,410 ล้านบาท)

เมื่อเห็นว่าตลาดทุเรียนมีศักยภาพและมีโอกาสอย่างมหาศาล คน ‘หัวการค้า’ อย่างชาวจีนจึงไม่ยอมเป็นแค่ผู้ซื้อ จะต้องหาทางผลิตเองให้ได้ จีนจึงเริ่มทดลองปลูกทุเรียนในประเทศที่เมืองซานย่า มณฑลไหหลำ ซึ่งเป็นพื้นที่เขตร้อนทางภาคใต้ของประเทศ นับตั้งแต่ปี 2562

จากนั้น จีนมองหาพื้นที่สำหรับปลูกทุเรียนนอกประเทศ ขณะที่ทางประเทศลาวได้เปิดให้สัมปทานพื้นที่ปลูกทุเรียนแก่ต่างชาติ จึงมีทุนจีน เวียดนาม และมาเลเซีย เข้าไปเช่าที่ปลูกทุเรียนในลาว นับตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา ซึ่งแน่นอนว่ามีเป้าหมายที่จะส่งขายตลาดจีน 

พื้นที่ปลูกทุเรียนส่วนใหญ่ในลาวเป็นของผู้ประกอบการจากจีน และจีนกับลาวยังมีความร่วมมือในการดำเนินโครงการปลูกทุเรียนระยะ 25 ปี เพื่อช่วยเพิ่มผลผลิตทุเรียน ซึ่งมุ่งนำเทคโนโลยีการปลูกแบบวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุนการผลิต เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของทุเรียนที่ปลูกในประเทศลาว 

ทั้งนี้ บริษัทที่ได้สัมปทานพื้นที่ขนาดใหญ่สำหรับปลูกทุเรียนในลาว คือ เจียรุ่น (Jiarun) บริษัทก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานในจีน ที่ได้สัมปทานพื้นที่ 5,000 เฮกตาร์ (31,250 ไร่) ในแขวงอัตตะปือ ทางตอนใต้สุดของประเทศลาว ซึ่งคิดเป็นประมาณ 25% ของพื้นที่สวนทุเรียนทั้งหมดในลาว ณ ปัจจุบันที่มีอยู่ประมาณ 20,000 เฮกตาร์ 

ทุเรียนไทยต้องเตรียมรับมือคู่แข่งอย่างไร ? 

เมื่อประเทศรอบ ๆ บ้าน ทั้งเวียดนาม มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และกัมพูชา ต่างตั้งเป้าจะเพิ่มการส่งทุเรียนเข้าไปขายในตลาดจีน ขณะที่จีนเองก็กำลังพัฒนาทุเรียนในประเทศ อีกทั้งยังหาพื้นที่ลงทุนปลูกทุเรียนในประเทศเพื่อนบ้าน ความท้าทายของทุเรียนไทยจึงเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ 

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ณ นครเฉิงตู ประเทศจีน เคยแนะนำผู้ประกอบการทุเรียนไทยในการรับมือทุเรียนจีนว่า ผู้ส่งออกไทยต้องยกระดับมาตรฐานสินค้า พัฒนาแบรนด์ และเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งออฟไลน์และออนไลน์ หากไทยสามารถรักษาคุณภาพ ควบคุมมาตรฐาน และใช้โอกาสเชิงโครงสร้างพื้นฐานได้ดี โอกาสที่จะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดจะยังคงเปิดกว้าง 

สคต. ณ นครเฉิงตูบอกอีกว่า ผู้ประกอบการไทยควรศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคจีนในแต่ละภูมิภาค เพื่อปรับกลยุทธ์ให้ตรงกับความต้องการของตลาด และควรใช้ประโยชน์จากเส้นทางโลจิสติกส์ใหม่ เช่น เส้นทางรถไฟ จีน-ลาว-ไทย เพื่อกระจายสินค้าสู่ตลาดเมืองรองในฝั่งตะวันตกของจีน ซึ่งมีศักยภาพการบริโภคสูงและมีต้นทุนการขนส่งต่ำกว่าการใช้เส้นทางเรือแบบเดิม นอกจากนั้น ควรติดตามพัฒนาการของทุเรียนที่ปลูกในจีนอย่างใกล้ชิด โดยประเมินคุณภาพ ต้นทุนการผลิต และการตอบรับของตลาด เพื่อเตรียมกลยุทธ์รับมือกับการแข่งขันในระยะยาว 

ล่าสุด เมื่อจีนอนุญาตให้นำเข้าทุเรียนสดจากลาว สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ณ เมืองหนานหนิง ประเทศจีน วิเคราะห์ว่า หลังจาก GACC ประกาศอนุญาตให้นำเข้าทุเรียนสดจากลาวอย่างเป็นทางการ คู่แข่งที่มีศักยภาพของทุเรียนไทยในตลาดจีนจะเพิ่มขึ้นอีกราย ถึงแม้ว่าปัจจุบันลาวยังมีผลผลิตทุเรียนจำนวนไม่มาก แต่ดูจากด้านความได้เปรียบทำเลที่ตั้งแล้ว ลาวมีพรมแดนติดกับจีน และมีทางรถไฟจีน-ลาวเชื่อมต่อ ทำให้มีต้นทุนค่าขนส่งต่ำกว่าไทย นอกจากนี้ นักลงทุนจีนยังนำระบบการจัดการที่ทันสมัยมาใช้พัฒนามาตรฐานการเพาะปลูกทุเรียนของลาวด้วย ดังนั้น หากทุเรียนลาวมีปริมาณและคุณภาพสูงขึ้น ทุเรียนลาวจะเป็นคู่แข่งที่มีศักยภาพอีกรายหนึ่งของทุเรียนไทย 

สคต. ณ เมืองหนานหนิง แนะนำผู้ประกอบการทุเรียนไทยไม่ให้ชะล่าใจ โดยระบุว่า แม้ว่าในปัจจุบัน ทุเรียนไทยมีภาพลักษณ์ที่ดีและเป็นที่นิยมในตลาดจีน แต่ผู้ประกอบการไทยควรให้ความสำคัญในด้านคุณภาพและความปลอดภัยด้านสุขอนามัยของทุเรียนไทย โดยทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการตามมาตรฐานการผลิตที่ปลอดภัยอย่างเคร่งครัดในทุกขั้นตอน แหล่งกำเนิดต้องผ่านมาตรฐานการรับรองการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี โรงงานแปรรูปต้องผ่านมาตรฐานการรับรองคุณภาพการผลิตของผู้ผลิต และต้องใช้บรรจุภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานความปลอดภัยไร้สารตกค้าง เพื่อสร้างความมั่นใจและเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของทุเรียนไทยให้กับผู้บริโภคจีนอย่างต่อเนื่องมั่นคง เพื่อส่งเสริมให้ทุเรียนไทยสามารถแข่งขันและรักษาตลาดได้อย่างยั่งยืน

แชร์
ทุเรียนไทยเตรียมเจอคู่แข่งสำคัญ เมื่อทุเรียนจากลาวส่งเข้าจีนได้แล้ว