Logo site Amarintv 34HD
อมรินทร์ทีวีแจกใหญ่ส่งท้ายปี ดูทั้งวันแจกทุกวันLogo Seagame2025Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
4 มูฟเมนต์สิ่งแวดล้อมโลกปี 2568  เมื่อภาคประชาชนทวงความยุติธรรม
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

4 มูฟเมนต์สิ่งแวดล้อมโลกปี 2568 เมื่อภาคประชาชนทวงความยุติธรรม

30 ธ.ค. 68
10:27 น.
แชร์

2025 จวนเจียนจะเดินทางมาถึงจุดสิ้นสุด แต่ก่อนจะก้าวเข้าปี 2026 Spotlight อยากพามามองการเคลื่อนไหว หรือ Movements ด้านสิ่งแวดล้อมที่ขับเคลื่อนโดยภาคประชาชน ภาคประชาสังคม และคนตัวเล็กทั้งหลายที่ร่วมมือกันปกป้องโลก สิ่งแวดล้อม และบ้านของพวกเขา

คนแอฟริกาบีบธนาคาร-บริษัทประกันถอนตัวจากโครงการท่อส่งน้ำมันของ TotalEnergies

หากพูดถึงปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม เป็นที่รู้กันดีว่า “เชื้อเพลิงฟอสซิล” มักเป็นตัวการหลัก และเป็นปัญหาใหญ่ โดยเฉพาะเมื่อมีบริษัทยักษ์เข้ามาเกี่ยวข้อง ต่อให้บริษัทเหล่านั้นจะก่อตั้งโครงการเก็บและแยกขยะมากแค่ไหนก็คงไม่ช่วย และแน่นอนในแอฟริกาตะวันออกก็เช่นเดียวกัน

โครงการท่อส่งน้ำมันดิบแอฟริกาตะวันออก (East Africa Crude Oil Pipeline: EACOP) ที่มีผู้ให้ทุนคือบริษัทพลังงานขนาดใหญ่ TotalEnergies หากสร้างสำเร็จจะเป็นโครงการท่อส่งน้ำมันดิบที่ยาวที่สุดในโลก และเป็นการขยายตัวของเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ทำลายล้างมากที่สุดในภูมิภาค

ผู้คนในแอฟริกาตะวันออกตระหนักถึงภัยครั้งนี้ ทั้งต่อสิ่งแวดล้อม และวิถีชีวิตของคนในภูมิภาค ตามคำกล่าวภาษาสวาฮิลีมีคำกล่าวว่า: "Punda imechoka" ซึ่งแปลว่า "ลาตัวนี้เหนื่อยล้าแล้ว" เหนื่อยกับการถูกเอาเปรียบ เหนื่อยกับคำสัญญาที่ไม่เป็นจริงจากบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ที่ทำให้เหล่านักการเมืองที่มีเส้นสายร่ำรวยขึ้น ในขณะที่ทิ้งให้ชุมชน ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ ต้องเผชิญกับการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ การทำลายสิ่งแวดล้อม การพลัดถิ่น และการชดเชยที่ไม่เพียงพอ ซึ่งในท้ายที่สุดทำให้พวกเขามีชีวิตที่แย่ลง

ระหว่างวันที่ 18–24 สิงหาคมที่ผ่านมา จึงเริ่มปฏิบัติการ #KickTotalOutOfAfrica ที่ชุมชนต่าง ๆ ทั่วแอฟริกาออกมาส่งเสียงชัดเจนถึง TotalEnergies ว่า “จ่ายค่าชดเชยมาแล้วเก็บของออกไปจากทวีปนี้เสีย”

แนวร่วม StopEACOP บีบให้ธนาคารกว่า 40 แห่ง และบริษัทประกันภัยกว่า 30 แห่ง ถอนตัวออกจาก EACOP เมื่อไม่มีผู้ให้เงินทุนเหลืออยู่ TotalEnergies จึงถูกบีบให้ต้องจัดหาเงินทุนเองถึง 90% ของโครงการ ทำให้โครงการล่าช้าอย่างรุนแรงและมีราคาแพงขึ้นอีกหลายพันล้าน

แต่การขับไล่ TotalEnergies เป็นเพียงส่วนหนึ่งของโครงการที่ใหญ่กว่านั้น คือการให้บริษัทข้ามชาติทั้งหมดในอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลยุติการดำเนินงานในแอฟริกา หรือแคมเปญ KickPollutersOut เพื่อไล่นายทุนต่างชาติที่เอาเปรียบคนและพื้นที่ในแอฟริกาออกไป

พลังประชาชนใน COP30

พฤศจิกายน 2025 มีการประชุมด้านสิ่งแวดล้อมที่ใหญ่ที่สุดในโลก หรือ COP แต่งาน COP ครั้งที่ 30 นี้ ซึ่งจัดที่เมืองเบเลง ประเทศบราซิล กลับได้รับคำวิจารณ์ว่า “เอากำไรมาเหนือผู้คน” มีสัดส่วนบริษัทใหญ่และล็อบบี้ยิสต์เข้าร่วมมากกว่าตัวแทนประเทศ และมากกว่าชนพื้นเมืองจำนวนมาก อีกทั้งประเทศใหญ่ที่ได้ประโยชน์จากอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลยังไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานหมุนเวียน

แม้จะมีอุปสรรค แต่การเคลื่อนไหวจากภาคประชาชนและชนเผ่าพื้นเมืองกลับร่วมมือแสดงออกอย่างเข้มแข็ง โดยชนเผ่าพื้นเมืองมารวมตัวกันตามท้องถนนและพายเรือประท้วงในเบเลงกว่า 5,000 คน ซึ่งถือเป็นจำนวนการรวมตัวของชนเผ่าพื้นเมืองที่สูงที่สุดนับตั้งแต่มีการจัด COP มา

นักสิ่งแวดล้อมจากทั่วโลกหลั่งไหลเข้าเมืองด้วยวิธีการต่าง ๆ หลายคนล่องเรือมาตามแม่น้ำแอมะซอน เมื่อวันพุธที่ 12 พฤศจิกายนที่ผ่านมา มีเรือกว่า 100 ลำ (กรีนพีซรายงานว่ามีผู้เข้าร่วม 5,000 คนบนเรือ 200 ลำ และกรีนพีซได้เข้าร่วมขบวนเรือด้วย ด้วยเรือประดับสายรุ้ง) แล่นเป็นขบวนเรือประท้วงใกล้อ่าว Guajará ใกล้กับมหาวิทยาลัย Federal University of Pará ซึ่งได้กลายเป็น “งานประชุมประชาชน” ที่จัดขึ้นเคียงคู่กับ COP30

การประชุมภาคประชาชนมีตัวแทนจากกว่า 60 ประเทศเข้าร่วม เพื่อสะท้อนความเข้มแข็งของภาคประชาสังคมและชนพื้นเมือง ต่อต้านแนวทางการแก้ปัญหาที่พวกเขากล่าวว่าไม่ถูกต้อง อาทิ Carbon Market และส่งเสียงว่า การแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมจะไม่ได้เกิดจากบริษัทและกลุ่มทุนขนาดใหญ่ แต่จากแนวทางการปฏิบัติของคนท้องถิ่น ผู้อยู่อาศัยชายฝั่ง และแนวทางดั้งเดิมของชนพื้นเมืองที่สืบต่อกันมา

การรวมตัวกันแสดงพลังของชนเผ่าพื้นเมืองทำให้เกิดความสำเร็จก้าวใหญ่ตามมา อย่างแรกคือ พันธสัญญาการถือครองที่ดินระหว่างรัฐบาล (Intergovernmental Land Tenure Commitment หรือ ILTC) ซึ่งเป็นคำมั่นสัญญาที่จะรับรองสิทธิในการถือครองที่ดินของชนเผ่าพื้นเมืองเหนือพื้นที่ 160 ล้านเฮกตาร์ (1,000 ล้านไร่) ในกลุ่มประเทศป่าเขตร้อน ซึ่งรวมถึงบราซิล โคลอมเบีย และสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ภายในปี 2030

ต่อมาคือความสำเร็จด้านป่าไม้กับชนพื้นเมือง กลุ่มผู้ให้ทุนสนับสนุนการถือครองป่าไม้ (Forest Tenure Funders Group หรือ FTFG) ได้ประกาศการให้คำมั่นสัญญาใหม่ 1,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 11,250 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนชนเผ่าพื้นเมือง ชุมชนท้องถิ่น ผู้มีเชื้อสายแอฟริกัน ผู้หญิง และเยาวชน รับรองสิทธิในที่ดินในอีกห้าปีข้างหน้า

4.4 ล้านความพยายามของประชาชนปกป้องป่าแอมะซอน มีคนพื้นเมืองเป็นศูนย์กลาง

โครงการปกป้องป่าแอมะซอน หรือ “Protecting the Amazon” คือแคมเปญใหญ่โดยองค์กร Global Citizen ที่ดำเนินการกันมาตลอดปี มีเป้าหมายคือการจัดหาเงินทุน 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อปกป้องป่าแอมะซอน ฟื้นฟูระบบนิเวศ และสนับสนุนชุมชนในพื้นที่ที่ต้องรับผลจากสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง

โครงการนี้บรรลุผล ด้วยความร่วมมือของประชาชนกว่า 4.4 ล้านครั้ง (ทั้งการลงชื่อสนับสนุน การชุมนุม การรณรงค์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ และการเรียกร้องต่อผู้นำ) เป็นจำนวนครั้งความพยายามสูงที่สุดในรอบ 5 ปี แคมเปญนี้ระดมทุนได้มากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

เงินทุนเหล่านี้จะส่งต่อทรัพยากรไปยังโครงการริเริ่มที่มีชุมชนเป็นศูนย์กลางและกองทุนเพื่อธรรมชาติทั่วทั้งภูมิภาค ช่วยปกป้องหรือฟื้นฟูพื้นที่ป่าดิบชื้น 31 ล้านเฮกตาร์ (ราว 193 ล้านไร่) ผ่านโครงการอนุรักษ์ใหม่ ๆ การคุ้มครองดินแดนของชนเผ่าพื้นเมืองในระยะยาว และเงินทุนสนับสนุนเพื่อวัตถุประสงค์ในการสร้างนวัตกรรมที่ยั่งยืน

โครงการนี้พัฒนาขึ้นจากการปรึกษาหารือกับองค์กรภาคประชาสังคมมากกว่า 190 แห่ง เพื่อให้แน่ใจว่า ชนเผ่าพื้นเมืองและชุมชนท้องถิ่นเป็นผู้กำหนดวาระการดำเนินงาน เมื่อมีคนท้องถิ่นเป็นศูนย์กลางตั้งแต่ต้น แน่นอนว่ามีประชาชนเป็นศูนย์กลางของเป้าหมายการพัฒนา โครงการจะส่งผลต่อผู้คนกว่า 18 ล้านคน ผ่านการขยายการเข้าถึงพลังงานสะอาด การฝึกอบรมทักษะเทคโนโลยีสีเขียว และโปรแกรมสร้างความยืดหยุ่นต่อสภาพภูมิอากาศที่จำเป็น

คนฝรั่งเศส 86% สนับสนุนเก็บภาษีคนรวย

“Eat The Rich” สโลแกนทางการเมืองเก่าแก่จากยุคปฏิวัติฝรั่งเศส สะท้อนว่า หากคนจนถูกบีบคั้นจากการเอารัดเอาเปรียบจนตรอก พวกเขาจะทวงคืนความยุติธรรมจากคนรวย แนวคิดนี้กลับมาอีกครั้งในกลุ่มคน Generation Z และ Millennials ใช้วิจารณ์มหาเศรษฐีระดับโลก

แนวคิดการทวงความยุติธรรมจากคนรวยปรากฏอีกครั้ง เมื่อฝรั่งเศสเผชิญความเหลื่อมล้ำพุ่งสูง บริการสาธารณะตึงตัว และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมถูกถอยหลัง เกิดเป็นแคมเปญ Tax Their Billions เก็บภาษีมหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยมาจ่ายค่าพลังงานหมุนเวียน

350.org เครือข่ายเพื่อสิ่งแวดล้อมของกลุ่มคนรากหญ้าทั่วโลกได้เริ่มแคมเปญ Tax the Billions ขึ้นมา กลุ่ม 350.org ร่วมกับ Attac France และ Oxfam France รณรงค์สนับสนุนร่างกฎหมาย “Zucman tax” หรือภาษีซุคมัน ผ่านการประท้วงและการสนับสนุนต่าง ๆ

ร่างกฎหมายภาษีซุคมันเสนอขึ้นเพื่อเก็บภาษีจากเหล่าอภิมหาเศรษฐี (ultra-wealthy) หรือบุคคลที่มีทรัพย์สินมากกว่า 100 ล้านยูโร คาดว่า หากได้บังคับใช้จะระดมทุนได้สูงถึง 2.5 หมื่นล้านยูโรต่อปี หรือราว 930,000 ล้านบาท โดยร่างนี้เล็งเก็บภาษี 2% จาก “ทรัพย์สิน” ของเหล่าอภิมหาเศรษฐี

อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา วุฒิสภาฝรั่งเศสไม่เห็นชอบให้ผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว โดยขาดเสียงสนับสนุนเพียง 30 เสียง

แม้จะยังไม่ประสบความสำเร็จในภาคนิติบัญญัติ แต่แนวคิดนี้ได้รับเสียงสนับสนุนจากสาธารณชนเป็นอย่างมาก มีประชาชนกว่า 65,000 คนเข้าร่วมเคลื่อนไหว นายกเทศมนตรีจำนวนมากออกมาสนับสนุนการจัดเก็บภาษีอย่างเป็นธรรมอย่างเปิดเผย และประชาชนฝรั่งเศสถึง 86% ให้การสนับสนุน

คงจะกล่าวไม่ผิดนัก หากจะบอกว่า แนวคิดการ “ทวงความยุติธรรม” จากคนรวยได้ซึมซาบเข้าไปในความคิดของสาธารณชน และเมื่อมองจากมูฟเมนต์อื่น ๆ เราจะพบว่า คนรากหญ้าเริ่มตั้งคำถามว่า พวกเขากำลังโดนเอาเปรียบหรือไม่ กำลังโดนหลอก ต้องรับกรรมจากความเสียหายทางสิ่งแวดล้อมที่บริษัทใหญ่สร้างหรือไม่ และบริษัทใหญ่เหล่านี้สามารถชดเชยได้อย่างไรบ้าง เป็นก้าวใหม่ของการเรียกร้องด้านสิ่งแวดล้อมที่ต้องจับตามองต่อไปในปี 2026

แชร์
4 มูฟเมนต์สิ่งแวดล้อมโลกปี 2568  เมื่อภาคประชาชนทวงความยุติธรรม