“TouristDigiPay” คือ โครงการทดสอบ (Sandbox) ในการให้นักท่องเที่ยวต่างชาตินำสินทรัพย์ดิจิทัลมาเปลี่ยนเป็นเงินบาทแล้วนำไปใช้จ่ายผ่าน e-money เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และเป็นการส่งเสริมการนำนวัตกรรมและสินทรัพย์ดิจิทัลมาสนับสนุนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทย
ย้ำว่านักท่องเที่ยวต่างชาติไม่สามารถใช้สินทรัพย์ดิจิทัลชำระค่าสินค้า/บริการกับร้านค้าได้
โครงการนี้เป็นความร่วมมือกันของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ร่วมมือกับกระทรวงการคลัง สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยคาดว่า TouristDigiPay จะสามารถเริ่มให้บริการได้ในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2568 และเมื่อโครงการสิ้นสุดลงจะมีการประเมินประสิทธิภาพ เพื่อพัฒนาต่อยอดเพิ่มเติมต่อไป
ขณะที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พิชัย ชุณหวชิร มองว่า TouristDigiPay เป็นประโยชน์กับระบบเศรษฐกิจไทย หากนักท่องเที่ยวต่างชาติมีการใช้จ่ายต่อหัวเพิ่มขึ้นจากเดิม 10% จากราว 50,000 บาทต่อคนต่อทริป เป็น 55,000 บาทก็จะสามารถช่วยสร้างเม็ดเงินเพิ่มในระบบเศรษฐกิจได้ 1.75 แสนล้านบาท หากประเมินจากจำนวนยอดนทท.ต่างชาติที่เข้าไทยราว 35 ล้านคน
1.นักท่องเที่ยวต่างชาติ เมื่อถึงไทยแล้ว ทำ KYC เพื่อเปิดบัญชีกับผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ได้แก่ ศูนย์ซื้อขาย ผู้ค้า และนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต.) และเปิด Tourist wallet กับผู้ให้บริการ e-money (ที่อยู่ใน Sandbox และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ธปท. )
2.โอน -โอนสินทรัพย์ดิจิทัลเข้าสู่บัญชีที่เปิดกับผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล
3.ขาย - ขายสินทรัพย์ดิจิทัล แล้ว รับเงินบาท เข้า tourist wallet ที่เปิดบัญชีกับผู้ให้บริการ e-money
4.ร้านค้า - รับชำระค่าสินค้า/บริการเป็นเงินบาทโดยสแกนผ่าน e-money (จำกัดวงเงิน*)
และระบบจะตัดยอดเงินจาก tourist wallet
5.จำกัดวงเงิน
นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ ก.ล.ต. ระบุว่า โครงการ TouristDigiPay เป็นการต่อยอดระบบนิเวศ (ecosystem) เดิมที่มีอยู่แล้วร่วมกัน ระหว่างระบบการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่อยู่ภายใต้กำกับดูแลของ ก.ล.ต. และระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-money) ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ธปท. ซึ่งมีการป้องกันความเสี่ยงที่เหมาะสม โดยมีกระบวนการทำความรู้จักตัวตนของผู้ใช้บริการ (KYC/CDD) ตามเกณฑ์ของ ปปง. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำหรับผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลและผู้ให้บริการ e-money
ขณะนี้ ก.ล.ต. อยู่ระหว่างปรับปรุงกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง และเปิดให้ผู้ประกอบธุรกิจเข้ามาหารือเพื่อเตรียมความพร้อม (pre-consultation) ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2568 โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มให้บริการได้ในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2568 และเมื่อโครงการสิ้นสุดลงจะมีการประเมินประสิทธิภาพ เพื่อพัฒนาต่อยอดเพิ่มเติมต่อไป
ที่มา : ก.ล.ต. , กระทรวงการคลัง