Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ไทยส่งน้ำมัน-ก๊าซไปกัมพูชาเท่าไหร่?จ่อเสียหายแค่ไหนหลังถูกระงับนำเข้า?
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

ไทยส่งน้ำมัน-ก๊าซไปกัมพูชาเท่าไหร่?จ่อเสียหายแค่ไหนหลังถูกระงับนำเข้า?

23 มิ.ย. 68
11:59 น.
แชร์

ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชายังไม่คลี่คลาย แถมล่าสุดยังยกระดับความตึงเครียดขึ้นอีกขั้น เมื่อกัมพูชาประกาศหยุดนำเข้าน้ำมันและก๊าซจากไทยแบบทันที มีผลตั้งแต่เที่ยงคืนวันที่ 22 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป กัมพูชาให้เหตุผลว่า บริษัทพลังงานในประเทศสามารถจัดหาน้ำมันและก๊าซจากแหล่งอื่นได้เพียงพอ ไม่ว่าจะหยุดนำเข้าแค่เดือนเดียวหรือจะนานกว่านั้น ก็เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อการจัดจำหน่ายและความมั่นคงพลังงานในประเทศ

แต่มาตรการนี้อาจกลายเป็นปัญหาสำหรับไทย เพราะไทยถือเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกน้ำมันและก๊าซรายใหญ่ของกัมพูชา ในปี 2567 ไทยส่งออกน้ำมันสำเร็จรูป ก๊าซปิโตรเลียมเหลว ก๊าซธรรมชาติ และน้ำมันดิบให้กัมพูชารวมมูลค่า 54,989.16 ล้านบาทเลยทีเดียว

ในบทความนี้ SPOTLIGHT จะพาผู้อ่านไปเจาะลึกตัวเลขการส่งออกน้ำมันและก๊าซไทยไปกัมพูชาแบบละเอียด เพื่อดูให้ชัดว่ามาตรการนี้จะทำให้ไทยและบริษัทพลังงานไทยเสียหายมากแค่ไหนกันแน่

ตัวเลขชี้ชัด: ไทยเสี่ยงสูญเสียรายได้ปีละกว่าห้าหมื่นล้าน หากกัมพูชาหยุดนำเข้าเชื้อเพลิง

ข้อมูลจากศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภาพรวมการส่งออกเชื้อเพลิงจากไทยไปกัมพูชาในช่วงที่ผ่านมาอย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ล่าสุดที่กัมพูชาประกาศหยุดนำเข้าเชื้อเพลิงจากไทยแบบไม่มีกำหนด

เฉพาะในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2568 ไทยส่งออกเชื้อเพลิงไปยังกัมพูชารวมมูลค่า 22,255.25 ล้านบาท หรือเฉลี่ยแล้วประมาณ 4,451 ล้านบาทต่อเดือน โดยในจำนวนนี้ น้ำมันสำเร็จรูป เป็นสินค้าหลักที่ทำเงินสูงสุดถึง 20,011.38 ล้านบาท ขณะที่สินค้าอื่น ๆ ที่ส่งออกในช่วงเดียวกัน ได้แก่

  • สินค้าแร่และเชื้อเพลิงอื่น ๆ: 1,904.46 ล้านบาท
  • ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG): 314.05 ล้านบาท
  • ก๊าซธรรมชาติ: 24.97 ล้านบาท
  • น้ำมันดิบ: 0.39 ล้านบาท

นอกจากนี้ เมื่อย้อนดู สถิติปี 2567 ตลอดทั้งปี ไทยส่งออกเชื้อเพลิงไปยังกัมพูชาสูงถึง 54,989.16 ล้านบาท โดยเป็นยอดจาก น้ำมันสำเร็จรูป ถึง 51,027.26 ล้านบาท ซึ่งเป็นสัดส่วนหลักของการค้าในหมวดพลังงานระหว่างสองประเทศ ตัวเลขส่งออกในปีดังกล่าวยังแบ่งได้ดังนี้

  • สินค้าแร่และเชื้อเพลิงอื่น ๆ: 3,068.15 ล้านบาท
  • ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG): 855.75 ล้านบาท
  • ก๊าซธรรมชาติ: 37.90 ล้านบาท
  • น้ำมันดิบ: 0.10 ล้านบาท

ตัวเลขเหล่านี้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า หากมาตรการหยุดนำเข้าของกัมพูชายังคงดำเนินต่อไปแบบไม่มีกำหนด ไทยอาจต้องเผชิญกับการสูญเสียรายได้จากการส่งออกเชื้อเพลิง ระดับปีละกว่า 5 หมื่นล้านบาท และหากคำนวณจากสถิติเฉลี่ยในปี 2568 ซึ่งไทยทำรายได้เดือนละประมาณ 4,451 ล้านบาท การหยุดส่งออกในช่วงเวลานี้เท่ากับรายได้ที่เคยมี อาจหายไปทันทีโดยไม่สามารถชดเชยได้ในระยะสั้น

ทั้งนี้ การส่งออกเชื้อเพลิงไปกัมพูชาเกี่ยวข้องกับบริษัทน้ำมันและโรงกลั่นชั้นนำของไทยหลายแห่ง อาทิ OR, PTT, IRPC, Susco, Thai Oil และ Star Refinery รวมถึงผู้ค้าก๊าซแอลพีจีรายใหญ่ เช่น บางจาก ศรีราชา, ไออาร์พีซี, โออาร์, และยูนิคแก๊ส ซึ่งล้วนเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานพลังงานของไทยที่จะได้รับผลกระทบโดยตรงจากมาตรการดังกล่าว

นี่จึงไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของตัวเลขที่ลดลง แต่เป็นสัญญาณที่เตือนว่าไทยอาจต้องเตรียมหาทางออกใหม่ในตลาดส่งออกพลังงาน และต้องจับตาว่าความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างสองประเทศจะคลี่คลายหรือยกระดับไปสู่ผลกระทบที่กว้างกว่านี้หรือไม่

OR จับตาสถานการณ์ ประเมินผลกระทบต่อธุรกิจอยู่ในวงจำกัด

หนึ่งในธุรกิจไทยที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากมาตรการหยุดนำเข้าของกัมพูชาคือ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ซึ่งมีเครือข่ายธุรกิจในกัมพูชาขนาดใหญ่ ทั้งสถานีบริการน้ำมัน PTT Station จำนวน 186 แห่ง และร้านกาแฟคาเฟ่ อเมซอน 254 สาขา

OR เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและอยู่ระหว่างพิจารณาทางเลือกต่าง ๆ เพื่อรับมือ โดยยอมรับว่าประเด็นนี้เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จึงยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ในเวลานี้ อย่างไรก็ตาม OR เชื่อว่าผลกระทบในภาพรวมจะไม่รุนแรงนัก เนื่องจากบริษัทมีคลังน้ำมันในกัมพูชาหลายแห่ง และยังมีสต็อกเพียงพอสำหรับขายผ่านสถานีบริการในระยะสั้น

โดยแม้กัมพูชาจะเป็นหนึ่งในตลาดต่างประเทศที่ OR ให้ความสำคัญ ภายใต้กลยุทธ์ “บ้านหลังที่สอง” (Second Homebase) ที่ดำเนินการผ่านบริษัท PTT Cambodia Limited (PTTCL) มาตั้งแต่ปี 2538 แต่ในเชิงสัดส่วน รายได้จากกัมพูชายังถือว่าไม่มากเมื่อเทียบกับรายได้ในประเทศไทยที่มีสถานี PTT Station มากกว่า 2,300 แห่ง

นอกจากนี้ OR ยังขยายธุรกิจ Non-oil จากไทยไปกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง เช่น ร้านสะดวกซัก Otteri Wash & Dry ร้านจิฟฟี่ และ 7-Eleven รวมกว่า 71 สาขา ขณะที่กระทรวงพาณิชย์รายงานว่า ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 ไทยส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปไปยังกัมพูชามูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท สะท้อนความเชื่อมโยงทางการค้าระหว่างสองประเทศที่ยังมีน้ำหนักสำคัญ แม้จะมีความเสี่ยงเชิงการเมืองเข้ามากระทบในระยะนี้

ทั้งนี้ จากรายงานประจำปี 2567 แม้จะไม่มีการเปิดเผยตัวเลขรายได้ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ OR จากการทำธุรกิจหรือส่งออกไปยังกัมพูชาโดยตรง แต่ในปัจจุบัน ปตท. มีเครือข่ายบริษัทในกัมพูชาถึง 4 แห่ง ได้แก่

  • PTT (Cambodia) Limited (PTTCL) บริษัทการตลาดน้ำมันและค้าปลีกของ ปตท. ในกัมพูชา OR ถือหุ้น 100%
  • Blue Wealth Land 1 Company Limited (BWL1) บริษัทอสังหาริมทรัพย์ ปตท. หรือบริษัทในเครือถือหุ้น 49%
  • Blue Wealth Land 2 Company Limited (BWL2) บริษัทอสังหาริมทรัพย์ ปตท. หรือบริษัทในเครือถือหุ้น 49%
  • Phnom Penh Aviation Fuel Service Co., Ltd. (PPAFS) บริษัทด้านบริการเติมเชื้อเพลิงเครื่องบินในสนามบิน ที่ ปตท. ถือหุ้น 33.33% ในฐานะบริษัทร่วมทุน
แชร์
ไทยส่งน้ำมัน-ก๊าซไปกัมพูชาเท่าไหร่?จ่อเสียหายแค่ไหนหลังถูกระงับนำเข้า?