ความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชาส่อลุกลามหนัก เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2567 สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ได้โพสต์ข้อความผ่านสื่อทางการ เรียกร้องให้แรงงานชาวกัมพูชาที่ทำงานอยู่ในประเทศไทยเดินทางกลับประเทศโดยเร็ว ไม่ว่าจะมีเอกสารถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ โดยเตือนว่าทางการไทยอาจดำเนินมาตรการเนรเทศในอนาคตอันใกล้
สมเด็จ ฮุน เซนยังระบุด้วยว่า ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชามีแนวโน้มจะยืดเยื้อ โดยเฉพาะหลังจากที่กัมพูชาได้ยื่นเรื่องพิพาทต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ซึ่งอาจกระตุ้นให้กลุ่มหัวรุนแรงในฝั่งไทยออกมาตอบโต้แรงงานชาวกัมพูชาในลักษณะไม่พึงประสงค์
แม้นายกรัฐมนตรีไทยจะออกมาประกาศแล้วว่ารัฐบาลจะไม่เนรเทศแรงงานต่างประเทศ ท่าทีดังกล่าวของผู้นำกัมพูชาสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อเศรษฐกิจไทย เนื่องจากประเทศไทยต้องพึ่งพาแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก โดยเฉพาะในภาคส่วนที่ใช้แรงงานเข้มข้น เช่น ก่อสร้าง เหมืองแร่ และงานบริการบางประเภท ซึ่งมักไม่ใช่งานที่แรงงานไทยนิยม เนื่องจากค่าตอบแทนต่ำและลักษณะงานที่หนัก
ในบทความนี้ SPOTLIGHT จะพาผู้อ่านไปสำรวจข้อมูลเชิงสถิติเกี่ยวกับแรงงานต่างด้าวในประเทศไทย โดยมุ่งเน้นไปที่แรงงานจาก 3 ประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ กัมพูชา เมียนมา และ สปป. ลาว ว่ามีจำนวนเท่าใด อาศัยอยู่ที่ไหน และทำงานในภาคเศรษฐกิจใดบ้าง
สถานการณ์แรงงานต่างด้าว เดือนพฤษภาคม 2568
ปัจจุบันประเทศไทยเปิดให้แรงงานต่างชาติเข้ามาทำงานได้ผ่านหลายช่องทาง ภายใต้กรอบกฎหมายหลักคือ พระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2561 รวมถึงกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยสามารถจำแนกประเภทของแรงงานต่างชาติที่ได้รับอนุญาตให้ทำงานในไทยได้ดังนี้
- คนต่างด้าวตลอดชีพ ได้แก่ ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้อาศัยและทำงานในประเทศไทยตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 322 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515
- คนต่างด้าวตามมาตรา 59 (ประเภททั่วไป) ได้แก่ ผู้ที่มีถิ่นพำนักในประเทศไทย หรือได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง โดยไม่ใช่ในฐานะนักท่องเที่ยวหรือผู้เดินทางผ่าน และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
- คนต่างด้าวตามมาตรา 59 (ประเภทนำเข้าตาม MoU) ได้แก่ แรงงานสัญชาติเมียนมา ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ที่เข้ามาทำงานภายใต้ข้อตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับประเทศคู่ภาคี
- คนต่างด้าวตามมาตรา 62 (ประเภทส่งเสริมการลงทุน) ได้แก่ ผู้ที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน เช่น พระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. 2520, พระราชบัญญัตินิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2522 และพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 ซึ่งครอบคลุมถึงนักลงทุน ช่างฝีมือ และผู้เชี่ยวชาญ
- คนต่างด้าวตามมาตรา 63/1 (ประเภทชนกลุ่มน้อย) ได้แก่ บุคคลที่ยังไม่ได้รับสัญชาติไทยตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติ และอยู่ระหว่างรอกระบวนการพิสูจน์สถานะ โดยกระทรวงมหาดไทยออกเอกสารเพื่อใช้ยื่นขอใบอนุญาตทำงาน
- คนต่างด้าวตามมาตรา 64 ได้แก่ แรงงานสัญชาติเมียนมา ลาว และกัมพูชา ที่เข้ามาทำงานตามแนวชายแดนในลักษณะไป-กลับ หรือเข้ามาเป็นการชั่วคราวตามฤดูกาล ภายใต้ข้อตกลงว่าด้วยการสัญจรข้ามแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน
- คนต่างด้าวตามมาตรา 63/2 ได้แก่ แรงงานชาวกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ที่ได้รับอนุญาตให้อยู่และทำงานในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามมติคณะรัฐมนตรี เช่นมติวันที่ 24 กันยายน 2567 มติวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 รวมถึงกลุ่มแรงงานที่อยู่ระหว่างการต่ออายุจากมติเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 และ 3 ตุลาคม 2566 และแรงงานที่เคยมีสถานะไม่ถูกต้องตามกฎหมายแต่ได้รับการขึ้นทะเบียนภายใต้มติดังกล่าว
สำหรับสถิติแรงงานต่างด้าวในไทยในปัจจุบัน ข้อมูลจากสำนักบริหารแรงงานต่างด้าว ระบุว่า ณ เดือนพฤษภาคม 2568 ประเทศไทยมีแรงงานต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้ทำงานทั่วราชอาณาจักรจำนวนทั้งสิ้น 4,080,613 คน โดยจำแนกตามลักษณะการเข้าเมืองตามกฎหมายต่างๆ ดังนี้
- มาตรา 59 จำนวน 828,929 คน แบ่งเป็นประเภททั่วไป 134,211 คน และนำเข้าตามบันทึกข้อตกลง (MoU) จำนวน 693,304 คน
- มาตรา 62 สำหรับการส่งเสริมการลงทุนและตามกฎหมายอื่น ๆ จำนวน 58,762 คน
- มาตรา 63/1 กรณีชนกลุ่มน้อย จำนวน 98,241 คน
- มาตรา 63/2 ตามมติคณะรัฐมนตรี จำนวน 3,068,715 คน ซึ่งรวมถึง ผู้ที่จดทะเบียนสถานะไม่ถูกกฎหมายตามมติ ครม. 24 กันยายน 2567 จำนวน 1,038,020 คน และผู้ที่ต่ออายุตามมติ ครม. 24 กันยายน 2567 และ 4 กุมภาพันธ์ 2568 จำนวน 2,030,695 คน
- มาตรา 64 กรณีแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานแบบไป-กลับหรือตามฤดูกาล จำนวน 27,942 คน
ในบรรดาแรงงานต่างชาติที่ทำงานอยู่ในประเทศไทยขณะนี้ มีจำนวนทั้งสิ้น 3,789,389 คน โดยทั้งหมดมาจาก 3 ประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ เมียนมา กัมพูชา และ สปป. ลาว แบ่งเป็นแรงงานจาก เมียนมา มากที่สุดจำนวน 2,987,988 คน รองลงมาคือกัมพูชา 512,184 คน และสปป.ลาว 289,217 คน
เมื่อพิจารณาในเชิงสัดส่วน แรงงานจากทั้ง 3 ประเทศ คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 92.9% ของแรงงานต่างชาติทั้งหมดในไทย ซึ่งสะท้อนถึงบทบาทสำคัญของแรงงานกลุ่มนี้ต่อระบบเศรษฐกิจไทย โดยจำแนกเป็นแรงงานจาก เมียนมา 73.2% กัมพูชา 12.5% และสปป.ลาว 7.09% ตามลำดับ
สถิติแรงงานกัมพูชาในไทย แบ่งตามประเภท ที่ทำงาน และรูปแบบกิจการ
ข้อมูลจาก สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว ระบุว่า ณ เดือนพฤษภาคม 2568 ประเทศไทยมีแรงงานจากกัมพูชาทั้งสิ้น 512,184 คน แบ่งเป็น
- มาตรา 59 จำนวน 184,360 คน แบ่งเป็นประเภททั่วไป 656 คน และนำเข้าตามบันทึกข้อตกลง (MoU) จำนวน 183,704 คน
- มาตรา 62 สำหรับการส่งเสริมการลงทุนและตามกฎหมายอื่น ๆ จำนวน 86 คน
- มาตรา 63/2 ตามมติคณะรัฐมนตรี จำนวน 305,441 คน ซึ่งรวมถึง ผู้ที่จดทะเบียนสถานะไม่ถูกกฎหมายตามมติ ครม. 24 กันยายน 2567 จำนวน 109,892 คน และผู้ที่ต่ออายุตามมติ ครม. 24 กันยายน 2567 และ 4 กุมภาพันธ์ 2568 จำนวน 195,549 คน
- มาตรา 64 กรณีแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานแบบไป-กลับหรือตามฤดูกาล จำนวน 22,297 คน
สำหรับจังหวัดที่ขึ้นทะเบียน และประเภทกิจการที่แรงงานกัมพูชาเข้าไปเป็นจำนวนมากที่สุด สามารถแบ่งตามช่องทางการเข้ามาทำงานได้ ดังนี้
มาตรา 59 ประเภทนําเข้าตาม MOU
- อยู่ในกรุงเทพมหานครมากที่สุดที่ 38,647 คน รองลงมาเป็นชลบุรี 38,239 คน ทั้งนี้ หากคิดเป็นรายภูมิภาคพบอยู่ในภาคกลางมากที่สุดที่ 92,996 คน รองลงมาเป็นปริมณฑลที่ 40,844 คน
- ทำงานในกิจการก่อสร้างมากที่สุดที่ 50,492 คน รองลงมาเป็นกิจการต่อเนื่องการเกษตร 31,958 คน
มาตรา 63/2 แบบต่ออายุ
- อยู่ในกรุงเทพมหานครมากที่สุดที่ 28,541 คน รองลงมาเป็นชลบุรี 18,642 คน ทั้งนี้ หากคิดเป็นรายภูมิภาคพบอยู่ในภาคกลางมากที่สุดที่ 52,156 คน รองลงมาเป็นปริมณฑลที่ 40,305 คน
- ทำงานในกิจการก่อสร้างมากที่สุด 51,347 คน รองลงมาเป็นกิจการเกษตรและปศุสัตว์ 13,557 คน
มาตรา 63/2 แบบจดทะเบียนสถานะไม่ถูกกฎหมาย
- อยู่ในกรุงเทพมหานครมากที่สุดที่ 24,659 คน รองลงมาเป็นชลบุรี 15,088 คน ทั้งนี้ หากคิดเป็นรายภูมิภาคพบอยู่ในภาคกลางมากที่สุด 47,096 คน รองลงมาเป็นปริมณฑลที่ 30,870 คน
- ทำงานในกิจการก่อสร้างมากที่สุด 56,453 คน รองลงมาเป็นกิจการเกษตรและปศุสัตว์ 12,854 คน
มาตรา 64 กรณีแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานแบบไป-กลับ
- พบอยู่ในภาคกลางมากที่สุดที่ 21,498 คน รองลงมาเป็นอีสานที่ 799 คน
- ทำงานในกิจการเกษตรและปศุสัตว์มากที่สุดที่ 13,288 คน รองลงมาเป็นกิจการให้บริการต่างๆ ยกเว้นรับเหมาฯ 2,838 คน
สถิติแรงงานเมียนมาในไทย แบ่งตามประเภท ที่ทำงาน และรูปแบบกิจการ
ข้อมูลจาก สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว ระบุว่า ณ เดือนพฤษภาคม 2568 ประเทศไทยมีแรงงานจากกเมียนมาทั้งสิ้น 2,987,988 คน แบ่งเป็น
- มาตรา 59 จำนวน 259,575 คน แบ่งเป็นประเภททั่วไป 4,395 คน และนำเข้าตามบันทึกข้อตกลง (MoU) จำนวน 255,180 คน
- มาตรา 62 สำหรับการส่งเสริมการลงทุนและตามกฎหมายอื่น ๆ จำนวน 990 คน
- มาตรา 63/2 ตามมติคณะรัฐมนตรี จำนวน 2,721,778 คน ซึ่งรวมถึง ผู้ที่จดทะเบียนสถานะไม่ถูกกฎหมายตามมติ ครม. 24 กันยายน 2567 จำนวน 892,399 คน และผู้ที่ต่ออายุตามมติ ครม. 24 กันยายน 2567 และ 4 กุมภาพันธ์ 2568 จำนวน 1,829,379 คน
- มาตรา 64 กรณีแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานแบบไป-กลับหรือตามฤดูกาล จำนวน 5,645 คน
สำหรับจังหวัดที่ขึ้นทะเบียน และประเภทกิจการที่แรงงานเมียนมาเข้าไปทำงานมากที่สุด สามารถแบ่งตามช่องทางการเข้ามาทำงานได้ ดังนี้
มาตรา 59 ประเภทนําเข้าตาม MOU
- อยู่ในกรุงเทพมหานครมากที่สุดที่ 42,758 คน รองลงมาเป็นชลบุรี 25,881 คน ทั้งนี้ หากคิดเป็นรายภูมิภาคพบอยู่ในภาคกลางมากที่สุดที่ 92,880 คน รองลงมาเป็นปริมณฑลที่ 82,178 คน
- ทำงานในกิจการต่อเนื่องการเกษตรมากที่สุดที่ 45,237 คน รองลงมาเป็นกิจการก่อสร้าง 43,889 คน
มาตรา 63/2 แบบจดทะเบียนสถานะไม่ถูกกฎหมาย
- อยู่ในกรุงเทพมหานครมากที่สุดที่ 212,577 คน รองลงมาเป็นสมุทรปราการ 67,776 คน ทั้งนี้ หากคิดเป็นรายภูมิภาคพบอยู่ในปริมณฑลมากที่สุด 244,635 คน รองลงมาเป็นภาคกลางที่ 190,359 คน
- ทำงานในกิจการเกษตรและปศุสัตว์มากที่สุด 6,665 คน รองลงมาเป็นกิจการผลิตและจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม 5,890 คน
มาตรา 64 กรณีแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานแบบไป-กลับ
- พบอยู่ในภาคเหนือมากที่สุดที่ 5,415 คน รองลงมาเป็นใต้ที่ 230 คน
- ทำงานในกิจการผลิตและจำหน่ายเสื้อผ้ามากที่สุดที่ 3,908 คน รองลงมาเป็นกิจการผลิตและจำหน่านผลิตภัณฑ์จากดินที่ 368 คน
สถิติแรงงานสปป. ลาวในไทย แบ่งตามประเภท ที่ทำงาน และรูปแบบกิจการ
ข้อมูลจาก สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว ระบุว่า ณ เดือนพฤษภาคม 2568 ประเทศไทยมีแรงงานจากสปป. ลาว ทั้งสิ้น 289,217 คน แบ่งเป็น
- มาตรา 59 จำนวน 254,709 คน แบ่งเป็นประเภททั่วไป 289 คน และนำเข้าตามบันทึกข้อตกลง (MoU) จำนวน 254,420 คน
- มาตรา 62 สำหรับการส่งเสริมการลงทุนและตามกฎหมายอื่น ๆ จำนวน 31 คน
- มาตรา 63/2 ตามมติคณะรัฐมนตรี จำนวน 34,477 คน ซึ่งรวมถึง ผู้ที่จดทะเบียนสถานะไม่ถูกกฎหมายตามมติ ครม. 24 กันยายน 2567 จำนวน 28,895 คน และผู้ที่ต่ออายุตามมติ ครม. 24 กันยายน 2567 และ 4 กุมภาพันธ์ 2568 จำนวน 5,582 คน
สำหรับจังหวัดที่ขึ้นทะเบียน และประเภทกิจการที่แรงงาน สปป. ลาว เข้าไปเป็นจำนวนมากที่สุด สามารถแบ่งตามช่องทางการเข้ามาทำงานได้ ดังนี้
มาตรา 59 ประเภทนําเข้าตาม MOU
- อยู่ในกรุงเทพมหานครมากที่สุดที่ 98,671 คน รองลงมาเป็นชลบุรี 16,709 คน ทั้งนี้ หากคิดเป็นรายภูมิภาคพบอยู่ในปริมณฑลมากที่สุดที่ 57,425 คน รองลงมาเป็นภาคกลางที่ 49,077 คน
- ทำงานในกิจการผลิตและจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มมากที่สุดที่ 68,707 คน รองลงมาเป็นกิจการบริการต่างๆ ยกเว้นรับเหมาฯ 31,046 คน
มาตรา 63/2 แบบต่ออายุ
- อยู่ในกรุงเทพมหานครมากที่สุดที่ 973 คน รองลงมาเป็นชลบุรี 325 คน ทั้งนี้ หากคิดเป็นรายภูมิภาคพบอยู่ในภาคกลางมากที่สุดที่ 974 คน รองลงมาเป็นปริมณฑลที่ 845 คน
- ทำงานในกิจการผลิตและจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มมากที่สุด 759 คน รองลงมาเป็นกิจการเกษตรและปศุสัตว์ 714 คน
มาตรา 63/2 แบบจดทะเบียนสถานะไม่ถูกกฎหมาย
- อยู่ในกรุงเทพมหานครมากที่สุดที่ 6,278 คน รองลงมาเป็นชลบุรี 2,439 คน ทั้งนี้ หากคิดเป็นรายภูมิภาคพบอยู่ในภาคกลางมากที่สุด 7,830 คน รองลงมาเป็นปริมณฑลที่ 6,340 คน
- ทำงานในกิจการเกษตรและปศุสัตว์มากที่สุด 6,665 คน รองลงมาเป็นกิจการผลิตและจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม 5,890 คน