Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
จีนส่งสัญญาณพร้อมเปิดเจรจา แต่สหรัฐฯ ต้องลดภาษีแสดง 'ความจริงใจ' ก่อน
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

จีนส่งสัญญาณพร้อมเปิดเจรจา แต่สหรัฐฯ ต้องลดภาษีแสดง 'ความจริงใจ' ก่อน

2 พ.ค. 68
11:20 น.
แชร์

จีนส่งสัญญาณเปิดรับข้อเสนอจากสหรัฐฯ ย้ำชัด “ถ้าอยากคุย ต้องเลิกภาษีฝ่ายเดียวก่อน” ขณะตลาดเริ่มจับตาความเป็นไปได้ในการยุติสงครามการค้า

จีนเปิดเผยอย่างเป็นทางการว่าอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อเสนอจากสหรัฐอเมริกาที่ต้องการเริ่มต้นการเจรจาการค้า ซึ่งอาจเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของความพยายามคลี่คลายสงครามภาษีที่ยืดเยื้อมาหลายปี และเพิ่งถูกจุดชนวนอีกครั้งในเดือนเมษายน ภายใต้การดำเนินนโยบายเชิงรุกของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

ในแถลงการณ์เมื่อวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์ของจีนระบุว่า ได้รับสัญญาณจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ผ่าน “ช่องทางที่เกี่ยวข้องหลายครั้ง” โดยแสดงความต้องการเริ่มต้นพูดคุยในประเด็นภาษีศุลกากรและความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ อย่างไรก็ตาม จีนย้ำว่าการเปิดโต๊ะเจรจาใด ๆ จะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อสหรัฐฯ แสดง “ความจริงใจ” โดยเฉพาะการยกเลิกภาษีฝ่ายเดียวทั้งหมดที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน

“หากสหรัฐฯ ต้องการเจรจา ควรแสดงความจริงใจ และพร้อมที่จะแก้ไขพฤติกรรมที่ผิดพลาด รวมถึงยกเลิกมาตรการภาษีฝ่ายเดียวทั้งหมด” กระทรวงพาณิชย์ของจีนระบุ พร้อมเตือนว่า หากวอชิงตันไม่ดำเนินการในประเด็นนี้ จะถือเป็น “การขาดความจริงใจอย่างร้ายแรง” และ “บั่นทอนความไว้วางใจระหว่างกัน”

การเจรจาที่กำลังถูกพูดถึงนี้ กำลังจะเกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศที่ตึงเครียดจากการขึ้นภาษีครั้งใหญ่ของทั้งสองฝ่าย โดยรัฐบาลทรัมป์ได้กำหนดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนสูงสุดถึง 145% ในช่วงต้นเดือนเมษายน ซึ่งเป็นมาตรการที่รัฐบาลสหรัฐฯ อ้างว่า “จำเป็นต่อการปกป้องความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ” ขณะที่จีนตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ สูงสุด 125% แม้ทั้งสองฝ่ายจะให้ข้อยกเว้นบางรายการ เช่น วัสดุที่จำเป็นต่อห่วงโซ่อุตสาหกรรม เทคโนโลยีชีวภาพ และเซมิคอนดักเตอร์ แต่ผลกระทบต่อการค้าโลกและห่วงโซ่อุปทานยังรุนแรง

ตลาดการเงินเริ่มตอบสนอง

แถลงการณ์ของจีนสร้างแรงกระเพื่อมเชิงบวกในตลาดการเงินเอเชียทันที ดัชนี Hang Seng China Enterprises ของฮ่องกงปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.2% หลังเปิดตลาด ขณะที่หยวนในตลาดนอกประเทศ (offshore yuan) แข็งค่าขึ้น 0.14% แตะระดับ 7.2665 หยวนต่อดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลีย ซึ่งมักถูกใช้เป็นตัวแทนของแนวโน้มเศรษฐกิจจีน ก็ปรับตัวแข็งค่าเช่นกัน สะท้อนความหวังว่าการเจรจาอาจเป็นไปได้ในอนาคตอันใกล้

ขณะเดียวกัน ฟิวเจอร์สดัชนี S&P 500 ของสหรัฐฯ ก็ลบการขาดทุนในช่วงเปิดตลาดเอเชีย และดัชนี MSCI Asia Pacific เปลี่ยนทิศเป็นบวก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความไวต่อข่าวการเมืองระหว่างประเทศของนักลงทุนในภาวะเศรษฐกิจโลกเปราะบาง

ปักกิ่งยังรอ “คนที่ใช่” จากฝั่งทรัมป์

แม้ท่าทีของจีนจะเริ่มเปลี่ยนไปในเชิงเปิดรับการเจรจา แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงในปักกิ่งยังคงรอให้สหรัฐฯ แต่งตั้งทีมเจรจาที่มีอำนาจเต็มและได้รับการสนับสนุนโดยตรงจากประธานาธิบดีทรัมป์ ก่อนจะเริ่มการหารืออย่างเป็นทางการ ทั้งนี้เพื่อให้ข้อตกลงใด ๆ ที่อาจได้ข้อสรุป สามารถลงนามโดยผู้นำทั้งสองประเทศได้ทันทีหากมีการพบปะกันในอนาคต

ความยุ่งยากเพิ่มขึ้นเมื่อทรัมป์ประกาศแต่งตั้งมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ ให้ควบตำแหน่งรักษาการที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ แทนไมเคิล วอลต์ซ ซึ่งจะถูกเสนอชื่อเป็นเอกอัครราชทูตประจำสหประชาชาติ

การปรับคณะรัฐมนตรีของทรัมป์ครั้งนี้ทำให้รูบิโอกลายเป็นผู้มีบทบาทสูงสุดในด้านความมั่นคงและการต่างประเทศ โดยรูบิโอเป็นผู้มีจุดยืนแข็งกร้าวต่อจีน โดยเฉพาะประเด็นไต้หวันและทะเลจีนใต้ และเคยถูกปักกิ่งคว่ำบาตรอย่างเป็นทางการ ทำให้บทบาทของเขาในฐานะหัวหน้าทีมเจรจาอาจสร้างแรงเสียดทานเพิ่มเติมในกระบวนการหารือ

มุมมองจากนักเศรษฐศาสตร์: “เกมจ้องตาที่ยังไม่มีผู้แพ้”

เทียนเฉิน สวี่ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจาก Economist Intelligence Unit วิเคราะห์ว่า แม้แถลงการณ์จากทั้งสองฝ่ายจะบ่งชี้ถึงการเปิดรับความเป็นไปได้ในการพูดคุย แต่ก็ยังต้องใช้ความระมัดระวัง เนื่องจาก “ทั้งสองประเทศยังคงเล่นเกมจ้องตา และไม่มีฝ่ายใดต้องการเป็นผู้กระพริบตาก่อน”

เขายังประเมินว่า การหารือในระดับเจ้าหน้าที่เทคนิคอาจเกิดขึ้นแล้ว หรือใกล้จะเริ่มขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่การปรับลดภาษีลงสู่ระดับที่ “ไม่รุนแรงเท่าเดิม” ประมาณ 40%–50% ภายในหนึ่งถึงสองไตรมาสข้างหน้า

“ระดับภาษีที่เก็บซึ่งกันและกันระหว่างจีนกับสหรัฐฯ อยู่ในระดับที่ไม่ยั่งยืน ตลาดจึงคาดว่าการเจรจาจะเริ่มขึ้นในที่สุด” โหว เว่ย เฉิน นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคารยูไนเต็ดโอเวอร์ซีส์กล่าว “แต่การเริ่มต้นเจรจาจะทำให้ตลาดกลับมาผันผวน เพราะไม่น่าจะเป็นกระบวนการที่ราบรื่น”

ทั้งนี้ แม้ความตึงเครียดจะเริ่มคลี่คลายลงบ้าง แต่ถ้อยแถลงจากทั้งสองฝ่ายยังสะท้อนความไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกันอย่างลึกซึ้ง เส้นทางสู่ข้อตกลงที่ยั่งยืนจึงยังเต็มไปด้วยกับดักทางการเมืองและแรงกดดันภายในประเทศ

สงครามภาษีกระทบเศรษฐกิจทั้งสองฝ่าย

ข้อมูลล่าสุดระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวลงในไตรมาสแรกของปีนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากการนำเข้าสินค้าจำนวนมากล่วงหน้าเพื่อตุนก่อนภาษีใหม่จะมีผล ส่งผลให้ระบบโลจิสติกส์และห่วงโซ่อุปทานตึงตัวอย่างหนัก

ฝั่งจีนเองก็ไม่พ้นแรงกดดัน โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ธันวาคม 2023 ขณะที่คำสั่งซื้อเพื่อการส่งออกใหม่ตกลงต่ำที่สุดนับตั้งแต่ช่วงล็อกดาวน์ทั่วเซี่ยงไฮ้ในเมษายน 2022

ภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยทั้งสองฝั่งนี้จึงกลายเป็นปัจจัยเร่งให้การเจรจาถูกหยิบยกขึ้นมาใหม่ โดยมีความหวังจากนักลงทุนว่าทั้งสองประเทศอาจสามารถบรรลุข้อตกลงอย่างน้อยในระดับชั่วคราว เพื่อคลี่คลายแรงตึงเครียดเชิงโครงสร้าง และฟื้นฟูความเชื่อมั่นของตลาด

แชร์
จีนส่งสัญญาณพร้อมเปิดเจรจา แต่สหรัฐฯ ต้องลดภาษีแสดง 'ความจริงใจ' ก่อน