กระทรวงพาณิชย์จีน เผยแพร่แถลงการณ์ระบุว่า สหรัฐได้ติดต่อจีนเพื่อขอเจรจาเรื่องภาษีนำเข้าสินค้า 145% ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ได้ติดต่อผ่านฝ่ายที่เกี่ยวข้องหลายต่อหลายครั้ง และรัฐบาลปักกิ่งเองก็พร้อมที่จะหารือด้วยเช่นกัน แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการประเมินสถานการณ์ โดยได้ย้ำข้อเรียกร้องที่ต้องการให้สหรัฐฯ แก้ไขข้อผิดพลาด ยกเลิกการขึ้นภาษีศุลกากรฝ่ายเดียวทั้งหมด หากไม่ทำเช่นนั้น แสดงว่าสหรัฐฯ ขาดความจริงใจและทำลายความไว้วางใจซึ่งกันและกัน นอกจากนี้ ปักกิ่งยังระบุในแถลงการณ์ว่า อย่าใช้การเจรจามาเป็นเครื่องมือบังคับและกรรโชก เพราะจะไม่ประสบผลสำเร็จ
ทางด้านสหรัฐฯ เจ้าหน้าที่ต่าง ๆ รวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สก็อตต์ เบสเซนต์ และที่ปรึกษาเศรษฐกิจทำเนียบขาว เควิน ฮัสเซตต์ ต่างก็แสดงความหวังถึงความก้าวหน้าในการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และจีน เพื่อคลายความตึงเครียดด้านการค้า และก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (30 เม.ษ. 68) เขาเชื่อว่า มีโอกาสที่ดีมากที่รัฐบาลของเขาจะสามารถทำข้อตกลงกับจีนได้ ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ในประเทศปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงระหว่างประเทศ โดยไม่ได้เอ่ยถึงสหรัฐฯ โดยตรง
จีนแบ่งเกมรับ: เปิดทางเจรจา ยกเว้นภาษีลับ ๆ
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลจีนแสดงความไม่พอใจต่อภาษีของทรัมป์อย่างเปิดเผย พร้อมประณามกับชาวโลกว่าสหรัฐฯ พยายามกลั่นแกล้งจีน เพราะไม่สามารถยับยั้งการเติบโตของเศรษฐกิจจีนที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกได้ นอกจากสี จิ้นผิง ผู้นำสูงสุดของจีนได้ออกโรงเดินทางขอความร่วมมือจากประเทศพันธมิตรด้วยตัวเอง เพื่อหาทางรับมือกับภาษีของทรัมป์ รวมถึงรัฐบาลจีนได้ใช้มาตรการขึ้นภาษีตอบโต้สหรัฐฯ ไต่ระดับขึ้นมาสูงถึง 125% ซึ่งเป็นอัตราที่เฟ้อเกินคาดไม่แพ้สหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม จีนเริ่มเปิดเกมรับ แสดงท่าทีใจอ่อนพร้อมเจรจา และดำเนินการยกเว้นภาษีกับบริษัทในประเทศอย่างลับ ๆ โดยสำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า รัฐบาลจีนจัดทำรายชื่อสินค้าที่ผลิตในสหรัฐฯ อย่างเงียบ ๆ ซึ่งสินค้าเหล่านี้ จะได้รับการยกเว้นภาษี 125% เป็นการบรรเทาผลกระทบจากสงครามการค้า ซึ่งจะมีผลกับสินค้าบางรายการ เช่น ยารักษาโรคบางชนิด ชิปไมโครอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องยนต์เครื่องบิน เป็นต้น ทั้งนี้ ยังไม่ชัดเจนว่ามีผลิตภัณฑ์กี่รายการและประเภทใดบ้างที่อยู่ในรายชื่อ เนื่องจากทางการจีนยังไม่ได้เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวต่อสาธารณะ
ทางการจีนเริ่มแจ้งข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการให้บริษัทต่าง ๆ รับทราบถึงการยกเว้นภาษี โดยก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ได้ขอให้บริษัทเปิดเผยว่า มีสินค้าใดที่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้ แหล่งข่าวคนหนึ่งซึ่งทำงานให้กับบริษัทเภสัชกรรมจำหน่ายยาที่ผลิตในสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ทางบริษัทได้ติดต่อไปยังหน่วยงานในมหานครเซี่ยงไฮ้แล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ บริษัทได้ยื่นขอยกเว้นภาษีศุลกากร เนื่องจากจำเป็นต้องพึ่งพาเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ เป็นหลัก
เจ้าหน้าที่ในเมืองท่าเรือเซี่ยเหมินในมณฑลฝูเจี้ยน ซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ยังได้ส่งแบบสอบถามไปยังบริษัทต่างๆ เมื่อวันอาทิตย์ เพื่อประเมินผลกระทบของภาษีศุลกากรดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ กลุ่มสำรวจประกอบไปด้วยบริษัทสิ่งทอและเซมิคอนดักเตอร์ และมีคำถามเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และการค้าของพวกเขากับสหรัฐอเมริกา รวมถึงผลกระทบโดยประมาณของภาษีจากทั้งสองประเทศต่อธุรกิจของพวกเขา
นักวิเคราะห์ฟาด โต้กันรุนแรงเพราะไม่อยากเสียหน้า
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การแย่งชิงอำนาจระหว่างทรัมป์และสีจิ้นผิง ผู้นำจีน เปรียบเสมือนรักษาหน้า แต่ก็พยายามหวังผลที่จะเกิดร่วมกัน นั่นก็คือการลดระดับความรุนแรงของสงครามการค้า จา เอียน ชอง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์กล่าวว่า การตอบโต้กันไปมาอย่างแข็งขันของสองผู้นำมหาอำนาจ เกิดขึ้นเพียงเพราะไม่มีฝ่ายไหนอยากจะดูเหมือนว่าเป็นฝั่งยอมแพ้ แต่แท้จริงแล้ว การลดระดับความรุนแรงจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย
หวิน-ตี้ ซุง สมาชิกฝ่ายวิชาการของศูนย์ออสเตรเลียว่าด้วยจีนในเวทีโลก อธิบายอีกนัยหนึ่งว่า “มันเหมือนกับรถแข่งสองคันที่พุ่งเข้าหากัน ใครก็ตามที่หักหลบก่อนจะถูกมองว่าเป็นฝ่ายที่อ่อนแอกว่า และในตอนนี้ ทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่อยากดูอ่อนแอ ผู้นำที่ยอมรับว่าตนเป็นคนแรกที่ริเริ่มการเจรจาเรื่องภาษีศุลกากร จะถูกมองว่าเป็นผู้ที่ทำลายภาพลักษณ์อันแข็งแกร่งของตน เพราะใครก็ตามที่ดูสิ้นหวังจะสูญเสียอำนาจในการต่อรอง งสองฝ่ายจึงต้องการแสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายดูสิ้นหวังมากกว่า
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ จา เอียน ชอง กล่าวเพิ่มเติมว่า ทรัมป์ต้องการแสดงให้เห็นว่าเขาทำให้ปักกิ่งต้องยอมแพ้ และในฝั่งของสาธารณรัฐประชาชนจีน สี จิ้นผิงอาจต้องการแสดงให้คนของเขาเองและคนทั้งโลกเห็นว่าเขาสามารถทำให้ทรัมป์มีเหตุผล มีความเป็นกลาง และยอมรับผู้อื่นได้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทั้งสองฝ่ายกำลังเริ่มต้นเจรจากัน นั่นเป็นสัญญาณว่ามีความเป็นไปได้ที่จะบรรลุข้อตกลงบางอย่าง ทรัมป์ตระหนักดีว่าตนจะไม่ได้สิ่งที่ต้องการ 100% ดังนั้นเขาจึงพยายามหาจุดผ่อนผันที่จีนจะให้เขาชนะได้เพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับวัตถุประสงค์ภายในประเทศ