ธุรกิจการตลาด

ByteDance เจ้าของ TikTok พร้อมท้าชนเจ้าตลาดอีคอมเมิร์ซอย่าง Amazon

5 ม.ค. 67
ByteDance เจ้าของ TikTok พร้อมท้าชนเจ้าตลาดอีคอมเมิร์ซอย่าง Amazon

ByteDance เจ้าของแพลตฟอร์ม TikTok วิดีโอสั้นยอดนิยมของจีน ตั้งเป้าขยายธุรกิจอีคอมเมิร์ซในสหรัฐสูงขึ้น 10 เท่า เพื่อท้าชิงเจ้าตลาดอีคอมเมิร์ซอย่าง Amazon

 

ByteDance บริษัทที่มีมูลค่ากว่า 2 แสนล้านดอลลาร์  พร้อมท้าชนเจ้าตลาดอีคอมเมิร์ซอย่าง Amazon

ByteDance เจ้าของ TikTok พร้อมท้าชนเจ้าตลาดอีคอมเมิร์ซอย่าง Amazon

ByteDance ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2555  โดย Zhang Yiming และ Liang Rubo สิริรวมอายุกว่า 12 ปี และยังคงเติบโตต่อเนื่องจนก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำอันดับต้นๆ ในโลกอินเทอร์เน็ต เวลานี้บริษัทมีมูลค่ากว่า 2 แสนดอลลาร์ จากแพลตฟอร์มวิดีโอสั้นสุดฮิตอย่าง TikTok และ Douyin ที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว

ความสำเร็จของ TikTok ส่วนหนึ่งมาจากโมเดลอีคอมเมิร์ซที่มีประสิทธิภาพ โดย TikTok Shop เป็นหนึ่งในฟีเจอร์ที่เติบโตเร็วที่สุดของบริษัท  สำหรับในปี 2566 ที่ผ่านมา รายรับของ ByteDance เพิ่มขึ้นประมาณ 30% เป็นมูลค่ากว่า 1.10  แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งแซงหน้าการเติบโตที่คาดการณ์ไว้ของคู่แข่งด้านโซเชียลมีเดียที่มีชื่อเสียงอย่าง Meta Platforms Inc. และ Tencent Holdings Ltd.

 

TikTok พร้อม เขย่าบัลลังก์ เจ้าตลาดอย่าง Amazon

จากรายงานของทาง สำนักข่าวบลูมเบิร์ก ระบุว่า เป้าหมายของ ByteDance Ltd. บริษัทแม่ เจ้าของ TikTok ต้องการ ขยายธุรกิจอีคอมเมิร์ซในสหรัฐสูงขึ้นเป็น 10 เท่า โดยจะต้องมีรายได้ 1.75 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2567 จึงเร่งพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ ๆ เพื่อสนับสนุนธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ในสหรัฐ

หนึ่งในฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือ TikTok Shop ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงสินค้าและซื้อสินค้าจากร้านค้าออนไลน์ได้โดยตรงจากภายในแอป TikTok พร้อมกับผสมผสานความบันเทิงออนไลน์เข้ากับ impulse buying (การกระตุ้นด้วยแคมเปญโปรโมชั่นต่างๆ ทั้งในเรื่องของราคา ของแถม และอื่นๆ) เข้าด้วยกัน ทำให้ผู้ใช้สามารถซื้อสินค้าผ่านวิดีโอและไลฟ์สตรีมจากอินฟลูเอนเซอร์หรือแบรนด์ต่างๆ ได้โดยตรง 

วิดีโอไวรัลจะเป็นปัจจัยสำคัญให้ก้าวขึ้นมาสู้กับ Amazon ได้

 ByteDance เจ้าของ TikTok พร้อมท้าชนเจ้าตลาดอีคอมเมิร์ซอย่าง Amazon

ByteDance เชื่อว่า จุดแข็งด้านโซเชียลมีเดียและวิดีโอไวรัลของ TikTok จะเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดผู้ซื้อไปยังแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของตน ทาง TikTok จะใช้ฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่น วิดีโอแนะนำสินค้า แคมเปญการตลาด และอินฟลูเอนเซอร์ เพื่อสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่สนุกสนานและน่าดึงดูดยิ่งขึ้น 

หากเป็นไปตามเป้าหมาย ที่ TikTok วางไว้ จะเป็นการท้าทายโดยตรงต่อยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซในสหรัฐ อย่าง Amazon ที่เป็นเจ้าตลาดในเวลานี้ นอกจาก Amazon แล้ว TikTok ยังต้องเผชิญกับการแข่งขันจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซสัญชาติจีนอย่าง Shein และ Temu ของ PDD Holdings Inc. ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากเช่นกันในสหรัฐวัดจาก อย่างไรก็ตาม TikTok เชื่อว่า จุดแข็งด้านความบันเทิงและวิดีโอไวรัลจะช่วยให้ตนสามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้

นอกจากนี้ ByteDance ยังมีแผนที่จะส่งออกโมเดลอีคอมเมิร์ซไปทั่วโลก โดยในตลาดสหรัฐอเมริกาทาง TikTok เสนอการจัดส่งฟรี และเงินอุดหนุนแก่อินฟลูเอนเซอร์ขายอุปกรณ์ เสื้อผ้าและเครื่องสำอางในวิดีโอและสตรีมสด โดยในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาได้รับแรงหนุนจาก Black Friday และ Cyber ​​Monday ทำให้ TikTok สามารถเพิ่มลูกค้าใหม่ในสหรัฐมากกว่า 5 ล้านคน

 

พร้อมปรับค่าธรรมเนียมผู้ค้าในปีนี้

เมื่อวันพุธที่ผ่านมาทาง TikTok ได้ประกาศว่า จะเพิ่มค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากผู้ค้าเป็น 6% ของการขายแต่ละครั้ง โดยเริ่มตั้งแต่เดือนเมษายน และเพิ่มเป็น 8% ในเดือนกรกฎาคมสำหรับหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ ซึ่งถือเป็นการสิ้นสุดโปรโมชั่นที่ใช้เพื่อดึงดูดผู้ขาย แต่แม้ว่าค่าคอมมิชชันเหล่านั้นจะยังคงต่ำกว่าค่าธรรมเนียมผู้ขายของ Amazon ที่อยู่ที่ประมาณ 15% แต่ก็ยังถือเป็นสัญญาณที่เพิ่มขึ้นว่า TikTok กำลังดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อสร้างรายได้จากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ

ที่มา สำนักข่าวบลูมเบิร์ก

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT