ธุรกิจการตลาด

เทรนด์ Solo Dining Experience เพราะการกินข้าวคนเดียวไม่ใช่เรื่องแปลก

23 พ.ย. 66
เทรนด์ Solo Dining Experience เพราะการกินข้าวคนเดียวไม่ใช่เรื่องแปลก

แม้ว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคม (Human being is social animal) ตามคำกล่าวของนักปราชญ์กรีกผู้ยิ่งใหญ่ อริสโตเติล (Aristotle) ที่สะท้อนพฤติกรรมของมนุษย์ที่มักชอบอาศัยอยู่และทำกิจกรรมร่วมกัน พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน เพื่อเสริมสร้างความสุข ความมั่นใจ และความปลอดภัยให้แก่ตนเอง

แต่บริบททางสังคมที่เปลี่ยนไป ทำให้ปัจจุบันการใช้ชีวิตของผู้คนถูกแบ่งลักษณะพฤติกรรมออกเป็นกลุ่มคนที่ชื่นชอบการสังสรรค์เป็นชีวิตจิตใจหรือ Extrovert  กับอีกกลุ่มคือ กลุ่มคนที่มีโลกส่วนตัวหรือบุคคลที่มีความเป็นปัจเจกนิยมขะเรียกว่า  Introvert  หรือ Individualism ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้หลายธุรกิจนำมาประยุกต์ให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคมากขึ้น 

SPOTLIGHT อยากพาทุกคนมารู้จักกับเทรนด์ Solo dining Experience หรือประสบการณ์การรับประทานอาหารคนเดียว ที่กำลังมาแรงอยู่ในขณะนี้ เพราะการกินข้าวคนเดียวไม่ใช่เรื่องแปลก จากบริบทสังคมที่เปลี่ยนไป 

istock-1308337745

เทรนด์ Solo dining Experience ของสังคมที่เปลี่ยนไป

แนวคิดปัจเจกนิยม คือ บุคคลที่ชอบความเป็นอิสระ ไม่กลัวการอยู่คนเดียวหากไม่มีใคร หรือ อยู่ในสถานะโสด และด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ส่งผลให้มนุษย์เรามีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปมากขึ้น สิ่งเหล่านี้ผลักดันให้การกินข้าวคนเดียวเป็นเรื่องที่ง่ายดายสำหรับพวกเขา นั่นจึงทำให้เกิดเทรนด์ Solo dining Experience ในหลายประเทศ เช่น จีน เกาหลีใต้ เเละญี่ปุ่น

3 ประเทศในเอเชีย ผู้ริเริ่ม Solo dining Experience

ประเทศจีน

สืบเนื่องจากผลกระทบของโควิด-19 ทำให้ผู้คนต่างพฤติกรรมในการใช้ชีวิตของผู้คนเปลี่ยนไป จากผลสำรวจในปี 63 ชี้ให้เห็นว่า คนจีนเกือบ 25 % นิยมที่จะอยู่คนเดียว ถึงขนาดเกิดกระแสแฮชแท็ก “กินคนเดียว” ในแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ ของจีน

ประเทศเกาหลีใต้

ประเทศเกาหลีใต้ มีแนวคิดที่เรียกว่า “Honjok” (ฮนจก) คือแปลว่า “เผ่าหนึ่งคน” ที่สามารถแปลได้ว่า เราสามารถอยู่ได้โดยลำพัง ทำกิจกรรมต่าง ๆ คนเดียว กินข้าวคนเดียว และมีความสุขได้ด้วยตัวคนเดียว เนื่องจากปัจจุบันผู้หญิงเกาหลีใต้ อยากครองโสดและไม่อยากมีลูก จากปัจจัยกดดันทางสังคม และปัญหาชายเป็นใหญ่ในสังคมเกาหลี นั่นจึงทำให้เกิดร้านอาหารในคอนเซปต์ Honbap (ฮน-บับ) ที่หมายถึงการนั่งทานข้าวคนเดียวในเกาหลีใต้จำนวนมาก

ประเทศญี่ปุ่น

ในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมาชาวญี่ปุ่นเริ่มมีไลฟ์สไตล์แบบใหม่ที่ต่างไปจากเดิม สืบเนื่องจากสภาพสังคมและวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป  เช่น การใช้ชีวิตคนเดียว ไม่ว่าจะเป็นกินข้าว ดูหนัง เดินห้างท่องเที่ยว จนเกิดเป็นเทรนด์ “โอฮิโทริซามะ” (Ohitorisamaお一人様) ซึ่งมีความหมายว่า ตัวคนเดียว ซึ่งโอฮิโทริซามะสามารถใช้ได้ในหลายบริบท เช่นคนโสด คนที่หย่าร้าง คนรักอิสระ หรือแม้แต่คนที่ชอบไปไหนคนเดียว

ทำให้เกิดการต่อยอดสู่การสร้างธุรกิจหลากหลาย รวมไปถึงการเกิดขึ้นของ “ฮิโตริ ยากินิกุ” (Hitori Yakiniku) ซึ่งหมายถึงการกินปิ้งย่างคนเดียว หรือ “ฮิโตริ ชาบู” (Hitori Shabu) ซึ่งหมายถึงการกินชาบูคนเดียว  ในขณะที่ปัจจุบันเองก็มีหลายร้านที่มักจะติดป้ายว่า “mokushoku” ซึ่งหมายถึงการนั่งทานเงียบ ๆ คนเดียวเช่นกัน

istock-1397451745
กระแส Solo dining Experience ในประเทศไทย

จากการที่คนในสังคมผลักดันให้ภาพของการกินข้าวคนเดียวกลายเป็นสิ่งชินตาในสังคมทั่วโลก เช่นเดียวในกับวงการธุรกิจอาหาร เริ่มมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อเข้ามาเติมเต็มและตอบโจย์ไลฟ์สไตล์ของกลุ่มคนใหม่ที่เริ่มเปลี่ยนไป

แต่การกินข้าวคนเดียวไม่ใช่แค่การกินอาหารจานเดียวง่ายๆ แต่ยังรวมไปถึงเมนูที่ปกติแล้วต้องสั่งในจำนวนมากๆ ที่ต้องกินกับแก๊งเพื่อนหรือครอบครัว เช่น หมูกระทะ ปิ้งย่าง บุฟเฟ่ต์ หรือ ชาบู สุกียากี้

เช่น แต่ก่อนเวลาที่เราไปกินชาบู ส่วนใหญ่หม้อมักมีไซส์ที่ใหญ่เกินไป เกินที่เราจะกินคนเดียว แต่ปัจจุบันมีร้านค้าหลายร้านที่สร้างบรรยากาศและคุณค่าให้ผู้บริโภคว่า”การกินข้าวคนเดียวไม่เรื่องแปลก เราสามารถมีความสุขในการกินข้าวคนเดียวโดยไม่เคยอายได้”

hitorishabu-41

ฮิโตริ ชาบู (HITORI SHABU)

หนึ่งในร้านอาหารชาบูและสุกียากี้สไตล์ญี่ปุ่น ที่เข้ามาตอบโจทย์การสร้างความสุขด้วยตัวเอง จากการรับประทานอาหารคนเดียว ซึ่งตอนนี้ในประเทศไทย เริ่มมีหลายแบรนด์ที่เกาะกระแสเทรนด์การนั่งรับประทานอาหารคนเดียวมากขึ้น 

คุณธีรภพ กรานเลิศ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เล่าว่า สำหรับในประเทศไทย  ตลาดธุรกิจชาบูและสุกียากี้มีการเติบโตค่อนข้างสูง ปัจจุบันมีมูลค่าธุรกิจรวมในตลาดกว่า 2.3 หมื่นล้านบาท คิดเป็นประมาณ 5.4% ของธุรกิจอาหารในประเทศไทยทั้งหมด กระแสความนิยมนี้เกิดการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง แต่เครือมากุโระกรุ๊ปก็ยังคงมองเห็นโอกาสเติบโตในธุรกิจนี้จึงอยากพลิกมุมมองชาบูรูปแบบหม้อเดียว (หม้อส่วนตัว) เป็นการให้เวลาตัวเอง ได้ดื่มด่ำกับความสุขอย่างเต็มที่

โดย“ฮิโตริ แปลว่า คนเดียวหรือลำพัง ฮิโตริ ชาบู จึงเป็นร้านที่เราออกแบบมาเพื่อรับเทรนด์ Solo Dining Experience หรือการมากินคนเดียว แม้ว่าเดิมทีอาหารประเภทชาบูและสุกียากี้เคยเป็นอาหารที่ต้องรับประทานเป็นกลุ่ม การรับประทานชาบูและสุกียากี้คนเดียวจึงถูกมองว่าเป็นความโดดเดี่ยวและแปลก แต่ที่ ฮิโตริ ชาบู ต้องการทำให้การรับประทานอาหารคนเดียวเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ ให้พื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ปลอดภัยทางความรู้สึก เราอยาก ทำให้การรับประทานชาบูหม้อเดียวที่ฮิโตริเป็นช่วงเวลาให้ได้อยู่คนเดียวอย่างสบายใจ เกิดความรักตัวเอง และเปิดรับทุกสัมผัส ให้กับความสุขที่อยู่ตรงหน้าอย่างลึกซึ้ง เราจึงสร้างสรรค์ร้านฮิโตริ ชาบู ให้เป็นแหล่งเติมเต็ม “ความสุขที่คุณดื่มด่ำ ได้ด้วยตนเอง” ให้ทุกคนได้มาลองสัมผัสกัน”

hitorishabu-41_1

4 น้ำซุปสไตล์ญี่ปุ่นของ ฮิโตริ ชาบู

Shabu Shabu Set ที่จะประกอบไปด้วย น้ำซุปหลากหลายแบบให้เลือกสั่งตามความชอบ ได้แก่

  • น้ำซุปฮิโตริ น้ำซุปสูตรพิเศษของทางร้าน หอมกลิ่นหัวไชเท้า ให้ความหวานกลมกล่อม เหมาะสำหรับทานกับเนื้อและหมูทุกชนิด

  • น้ำซุปคอมบุ ซุปที่ทำจาก ริชิริคอมบุ ให้ความอูมามิจากธรรมชาติที่แท้จริง ช่วยเสริมรสชาติและกลิ่นของเนื้อ

  • น้ำซุปทงคัตสึคาไร ที่ต้มกระดูกหมูเป็นเวลานานจนได้ความเข้มข้น มีกลิ่นหอม และรสกลมกล่อม ด้วยส่วนผสมของน้ำพริกรายูและยูสึโคโฉะที่ช่วยเสริมรสชาติได้เป็นอย่างดี

  • น้ำซุปทรัฟเฟิลโทริไพตัน ที่ต้มจากกระดูกไก่ เคี่ยวจนได้ที่ ผสานความอร่อยด้วยน้ำมันทรัฟเฟิลที่ช่วยเพิ่มความหอม เหมาะสำหรับเนื้อสัตว์ทุกชนิด

เมื่อเลือกน้ำซุปได้แล้ว ภายในเซ็ตจะเสิร์ฟมาพร้อมกับเนื้อสัตว์ซึ่งสามารถสั่งได้ตามชอบ ไม่ว่าจะเป็นข้าวญี่ปุ่น, ชุดผัก, ไอศกรีมชาเขียวซอฟต์เสิร์ฟ พร้อมน้ำจิ้มงาและพอนสึสูตรพิเศษของทางร้าน

Sukiyaki Set ทีประกอบไปด้วย น้ำซุปวาริชิตะเนื้อสัตว์ตามชอบ, ไข่ไก่สดโมริทามะ, ข้าวญี่ปุ่น, ชุดผัก และไอศกรีมชาเขียวซอฟต์เสิร์ฟ


img_1797_1

ราคา ฮิโตริ ชาบู

ราคา Set เริ่มต้นที่ 480-1,390 บาท 

ราคา A La Carte เริ่มต้นที่ 380- 1,190 บาท 

กลุ่มธุรกิจอาหารในเครือของมากุโระ กรุ๊ป

มากุโระ กรุ๊ป ประกอบธุรกิจร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นและเกาหลีระดับพรีเมียม-แมส ภายใต้คอนเซ็ปต์ "Give More Culture" โดยปัจจุบัน มีร้านอาหารภายในเครือ ทั้งหมด 3 แบรนด์ ได้แก่

1.ร้านซูชิและอาหารญี่ปุ่น "MAGURO" (มากุโระ) 12 สาขา

2.ร้านปิ้งย่างเกาหลีพรีเมียม "SSAMTHING TOGETHER" (ซัมติง ทูเก็ตเตอร์) 5 สาขา

3.ร้านชาบูและสุกียากี้ "HITORI SHABU" (ฮิโตริ ชาบู) 5 สาขา

img_1418

ผลประกอบการมากุโระ กรุ๊ป

มากุโระ กรุ๊ป มีผลการดำเนินงานที่เติบโตสูงและต่อเนื่อง โดยในปี 64-65 บริษัทฯ มีรายได้รวม 387.61 ล้านบาท และ 665.85 ล้านบาท ตามลำดับ เพิ่มขึ้น 71.78% และมีกำไรสุทธิ 9.57 ล้านบาท และ 31.36 ล้านบาท ตามลำดับ เติบโตสูงถึง 227.69% ในส่วนงวด 6 เดือนแรกในปี 65 และปี 66 บริษัทฯ มีรายได้รวม 274.28 ล้านบาท และ 501.20 ล้านบาท ตามลำดับเพิ่มขึ้น 82.73% โดยมีกำไรสุทธิ 8.02 ล้านบาท และ 39.72 ล้านบาท ตามลำดับ เพิ่มขึ้นถึง 395.26%



advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT