Apple ลดค่าตอบแทน Tim Cook 40% เหลือเพียงปีละ '1.6 พันล้านบาท'

ในปีนี้ บริษัท Apple ตัดสินใจลดค่าตอบแทนของซีอีโอบริษัทอย่าง Tim Cook ลง เหลือ 49 ล้านดอลลาร์ (ราว 1.6 พันล้านบาท) จากค่าตอบแทนปีก่อนที่ 84 ล้านดอลลาร์ (2.8 พันล้านบาท) อ้างอิงจากรายงานที่ Apple ยื่นต่อ ก.ล.ต. สหรัฐ

โดย Tim Cook จะยังคงได้รับฐานเงินเดือนเท่าเดิมที่ 3 ล้านดอลลาร์/ปี (99 ล้านบาท) พร้อมโบนัสที่ราว 6 ล้านดอลลาร์ (198 ล้านบาท) แต่บริษัทจะปรับลดผลตอบแทนที่เป็นหุ้น จาก 75 ล้านดอลลาร์ (ราว 2.5 พันล้านบาท) ในปีก่อน เหลือ 40 ล้านดอลลาร์ (1.3 พันล้านบาท) ในปีนี้

เทียบกับรายได้โดยเฉลี่ยของชาวอเมริกันที่อยู่ที่ราว 54,132 ดอลลาร์/ปี (1.78 ล้านบาท) แล้ว เขาจะมีรายได้มากกว่าคนทั่วไป ราว ‘905 เท่า’ และหากเทียบกับรายได้เฉลี่ยของผู้บริหารชาวอเมริกันที่ 84,526 ดอลลาร์/ปี (2.78 ล้านบาท) แล้ว Tim Cook จะมีรายได้มากกว่ารายได้เฉลี่ยของผู้บริหารราว 580 เท่า

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ นิตยาสาร Forbes เผยว่า ความมั่งคั่งของ Cook ทะยานสู่ 1.7 พันล้านดอลลาร์ (5.6 หมื่นล้านบาท) ซึ่งส่วนใหญ่มาจากหุ้น Apple ที่เขาได้รับเป็นค่าตอบแทน และเนื่องจากราคาหุ้นของ Apple ทะยานสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ในปี 2022 ที่ผ่านมา เขาได้รับค่าตอบแทนสุทธิอยู่ที่ 99.44 ล้านดอลลาร์ (3.3 พันล้านบาท) และในปี 2021 เขาได้รับค่าตอบแทน (3.2 พันล้านบาท) เพิ่มขึ้นถึง 500% จากค่าตอบแทนในปีก่อนหน้า ที่เขาได้รับ 14.8 ล้านดอลลาร์ (487 ล้านบาท)

ในการประชุมผู้ถือหุ้นในปีที่ผ่านมา ผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ คิดเป็น 64% เห็นด้วยกับค่าตอบแทนที่บริษัทเตรียมให้กับซีอีโอผู้นี้ ซึ่งถือว่าน้อยลงกว่าปีก่อนที่ราว 95% เห็นด้วยกับค่าตอบแทนที่ให้กับ Cook  โดยค่าตอบแทนที่ Cook จะได้รับนั้น ขึ้นอยู่กับผลงานของหุ้น Apple เทียบกับ S&P 500 ซึ่งในปี 2023 นี้ สัดส่วนค่าตอบแทนเป็นหุ้น ที่พิจารณาจากผลของของหุ้น Apple นั้นจะเพิ่มขึ้นเป็น 75% จากปีก่อนที่ 50% เนื่องจากผู้ถือหุ้นบางกลุ่มต้องการให้ค่าตอบแทนของ Cook นั้น สอดคล้องกับผลงานของบริษัทมากขึ้น

บอร์ดบริหารของ Apple นั้นยังคงชื่มชนผลงานของ Tim Cook และเชื่อมั่นในแผนกลยุทธ์ระยะยาวที่เขาวางไว้ให้กับบริษัท นับตั้งแต่เขาก้าวขึ้นมาเป็นซีอีโอของ Apple ในปี 2011 ผลตอบแทนของหุ้น Apple นั้นเพิ่มขึ้น 1,212% เทียบกับ S&P 500 ที่เพิ่มขึ้น 290% 

ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา Apple เผชิญกับสารพัดปัญหาที่มีต้นเหตุมาจากโรงงานผลิตในประเทศจีน ซึ่งส่งผลต่อกำลังการผลิต iPhone รุ่นล่าสุด ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา หุ้น Apple ปรับตัวลงแล้วกว่า 20% โดยนักวิเคราะห์ได้หั่นคาดการณ์รายได้บริษัทในไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมา ซึ่งปกติจะเป็นช่วงที่บริษัทมีรายได้สูงที่สุด มองว่าบริษัทจะทำรายได้ได้น้อยกว่า 1.24 แสนล้านดอลลาร์ ดังที่เคยทำได้ในปีก่อน ซึ่งนี่จะทำลายสถิติการเติบโตของรายได้ของบริษัท  14 ไตรมาสต่อเนื่อง ที่ Apple ได้ทำเอาไว้

ที่มา : Financial Times, CNBC