ธุรกิจการตลาด

จะเกิดอะไรขึ้น ถ้า TikTok ถูกแบนในสหรัฐฯ จริง?

14 มี.ค. 67
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้า TikTok ถูกแบนในสหรัฐฯ จริง?

หลังจากที่วุฒิสภาผ่านร่างกฎหมายที่จะแบน TikTok หาก ByteDance ไม่ขายกิจการให้สหรัฐอเมริกา ด้วยผลโหวต 79-18 ร่างกฎหมายจะถูกส่งให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ลงนามรับรองเพื่อให้เป็นกฎหมายมาใช้กับ TikTok ซึ่งถือเป็นความท้าทายที่หนักหน่วงที่สุด เนื่องจากการโหวตเห็นชอบ จะทรงผลกระทบต่อการเมืองในสหรัฐฯ เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะถึงในอีก 8 เดือนข้างหน้า

ความเห็นของสมาชิกวุฒิสภา

Maria Cantwell ประธานคณะกรรมการพาณิชย์ของวุฒิสภา กล่าวว่า สภาคองเกรสไม่ได้ดำเนินการเพื่อลงโทษ ByteDance, TikTok, หรือบริษัทอื่นใด แต่กำลังป้องกันไม่ให้ศัตรูต่างชาติทำการจารกรรม สอดแนม ปฏิบัติการมุ่งร้าย ทำร้ายชาวอเมริกันที่อ่อนแอ ทหารและผู้หญิงของเรา และเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ ของเรา

Mark Warner ประธานคณะกรรมการข่าวกรองของวุฒิสภา เสริมว่า ความจริงก็คือ บริษัทจีนเหล่านี้ติดหนี้ภาระผูกพันต่อรัฐบาลจีน การเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ชาวอเมริกันมากถึง 170 ล้านราย ก็ไม่ยากที่จะจินตนาการว่าแพลตฟอร์มที่อำนวยความสะดวกทางการค้า วาทกรรมทางการเมือง และการอภิปรายทางสังคมจำนวนมากนั้น สามารถถูกจัดการอย่างลับๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของระบอบเผด็จการได้ ระบอบที่มีประวัติการเซ็นเซอร์ การปราบปรามข้ามชาติ และการส่งเสริมการบิดเบือนข้อมูลมาอย่างยาวนาน

Dick Durban ประธานฝ่ายตุลาการวุฒิสภา เผยถึงความกังวลของความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของร่างกฎหมายดังกล่าว เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อการเมืองในสหรัฐฯ และการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ โดยเฉพาะกับประธานธิบดีโจ ไบเดน ที่เคยกล่าวว่า เขาพร้อมที่จะลงนามรับรองกฎหมายนี้ หากได้รับการผ่านความเห็นชอบจากทั้งสองสภา

กฎหมายนี้ ส่งผลต่อกลุ่มวัยรุ่นและคนรุ่นใหม่เป็นอย่างมาก เพราะพวกเขาเป็นผู้ใช้งานหลัก และบางคนได้ออกมาโพสต์วิดีโอบน TikTok ตั้งแต่ผลโหวตจากสภาผู้แทนราษฎรฯ ยังไม่ออกแล้วว่า หาก TikTok ถูกแบนจริง พวกเขาจะไม่โหวตให้กับผู้สมัครที่โหวตเห็นชอบ 

หลังจากนี้ กระบวนการจะเป็นอย่างไร?

หลังจากที่กฎหมายผ่านความเห็นชอบจากทั้งสองสภาแล้ว TikTok มีเวลา 270 วันหรือราว 9 เดือนเพื่อหานักลงทุนชาวสหรัฐฯ ให้มาซื้อกิจการ และให้ประธานาธิบดีใช้ดุลยพินิจในการขยายเวลาออกไปอีก 3 เดือนหากมีความคืบหน้าในข้อตกลง ไม่อย่างงั้น App Store และ Google Play รวมถึงบริษัทโฮสติ้งอินเทอร์เน็ตในสหรัฐฯ จะถูกห้ามไม่ให้เปิดใช้งานแอป TikTok บนแพลตฟอร์มของพวกเขา

หาก App Store และ Google Play ฝ่าฝืนกฎหมายนี้ ก็อาจถูกปรับเงินตามจำนวนผู้ใช้แอป TikTok โดยค่าเสียหายอยู่ที่ 5,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อผู้ใช้แอป นั่นก็หมายความว่า ทั้งสองแพลตฟอร์มอาจโดนปรับค่าเสียหายสูงถึงราว 8.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือสูงถึง 30.3 ล้านล้านบาทต่อแพลตฟอร์ม

ถึงแม้ว่ากฎหมายจะแบน TikTok จาก App Store ของสหรัฐฯ แต่การลบแอปออกจากระบบในโทรศัพท์ของผู้ใช้ถือเป็นงานที่ยากมากในทางปฏิบัติสำหรับฝ่ายนิติบัญญัติ และผู้ใช้ TikTok ในสหรัฐฯ อาจใช้บริการเครือข่ายส่วนตัวเสมือน (VPN) เพื่อใช้งาน TikTok ได้ตามปกติ ตัวอาจจะอยู่ในสหรัฐฯ แต่การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมากจากประเทศอื่นนั่นเอง

Daniel Ives นักวิเคราะห์จาก Wedbush Securities ประมาณการมูลค่าของ TikTok ที่ 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเกือบ 3.56 ล้านล้านบาท ด้วยมูลค่าที่สูงขนาดนี้ บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่หลายแห่งในสหรัฐฯ อาจไม่ตัดสินใจซื้อ TikTok เพราะพวกเขาอาจเผชิญกับการตรวจสอบด้านกฎระเบียบที่เข้มงวดด้วย

นอกจากนี้ การซื้อขายขึ้นอยู่กับ ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok ด้วยว่า จะยอมปล่อยขาย TikTok เฉพาะส่วนที่ดำเนินการในสหรัฐอเมริกา หรือทั่วโลกเลย ซึ่งกฎหมายก็ห้ามสองบริษัทเชื่อมต่อหลังการขาย เลยอาจก่อให้เกิดปัญหาหากสหรัฐฯ จำเป็นต้องเข้าถึงอัลกอริธึม TikTok ของบริษัทแม่หรือแอปเวอร์ชันสากลอื่นด้วย

Ivan Tsarynny ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ เผยว่า ถ้า ByteDance ตัดสินใจขาย TikTok ผู้ใช้งานในสหรัฐฯ จะสามารถใช้งาน TikTok ได้ตามปกติ และอาจจะไม่สังเกตด้วยซ้ำว่า เจ้าของของ TikTok เปลี่ยนไป

Caitlin Chin-Rothmann นักวิจัย เผยว่า การซื้อกิจการ TikTok ของสหรัฐฯ ไม่ได้แก้ปัญหาเรื่องภัยความมั่นคงและข้อมูลส่วนบุคคล แต่เป็นการเปลี่ยนเจ้าของแค่นั้นเอง เพราะการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก มีความเสี่ยงสูง และยังมีวิธีอื่นมากมายสำหรับผู้ไม่ประสงค์ และรัฐบาลในต่างประเทศที่จะเข้าถึงข้อมูลพวกนี้ได้ สุดท้ายแล้ว บริษัทโซเชียลมีเดียทั่วโลก รวมถึงสัญชาติอเมริกา ก็ก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยอยู๋ดี

ตัวเลือกอื่นสำหรับผู้ใช้ TikTok ในสหรัฐฯ

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ถึงแม้ผู้ใช้งานจะมีทางเลือกอื่นมากมาย ทั้ง YouTube, Facebook, Instagram, X, และ Snapchat ที่มีฟีเจอร์วิดีโอคลิปสั้นแนวตั้ง แต่อัลกอริทึมก็ไม่สามารถสู้ TikTok ได้ หนึ่งในจุดขายของ TikTok คือฟีเจอร์ For You Page ที่แนะนำวิดีโอมากมาย ทำให้แบรนด์ต่างๆ เข้าถึงผู้ชมใหม่ได้ง่ายขึ้นมาก เมื่อเทียบกับแอปอื่น นอกจากนี้ พฤติกรรมของ ผู้ใช้ TikTok มักจะดูวิดีโอจากคนที่พวกเขาไม่จำเป็นต้องติดตามอยู่แล้ว

ผู้ใช้ TikTok หลายคนยังมองด้วยว่า การเปลี่ยนผู้ใช้จำนวนมากจาก TikTok ไปยังแพลตฟอร์มอื่นเป็นเรื่องยาก แต่ละแพลตฟอร์มมีรูปแบบการสร้างรายได้ที่แตกต่างกัน เป็นความท้าทายสำหรับคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่ต้องการสร้างธุรกิจที่พึ่งพา TikTok ขึ้นมาใหม่ หากพวกเขาถูกบังคับให้ย้ายไปยังเครือข่ายโซเชียลอื่น บางคนถึงขั้นทำวิดีโออำลาในกรณีที่ TikTok ถูกแบนเป็นที่เรียบร้อย

สหรัฐอเมริกาไม่ใช่ประเทศแรกในโลกที่แบน TikTok เพราะประเทศอื่นๆ แบน TikTok มาสักพักแล้ว เช่น อินเดียในปี 2563 อัฟกานิสถานในปี 2565 และเนปาลในปี 2566 นอกจากนี้ แอปดังกล่าวยังถูกแบนบนโทรศัพท์และอุปกรณ์ของรัฐบาลในไต้หวันและสหรัฐอเมริกาในปี 2565 และออสเตรเลีย แคนาดา นิวซีแลนด์ สหราชอาณาจักร และสหภาพยุโรป ในปี 2566

ที่มา: CNN, New York Times, Distractify, CBS News, The Verge

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT