Meituan แอปส่งอาหารที่ใหญ่ที่สุดในจีนสนใจเข้าซื้อกิจการ Foodpanda ในอาเซียนเพื่อขยายธุรกิจออกนอกประเทศ หลัง Delivery Hero ประกาศขายกิจการในอาเซียนตั้งแต่เดือนกันยายน และมีข่าวว่าคู่แข่งสำคัญอย่าง Grab เป็นหนึ่งในบริษัทที่สนใจเข้าซื้อกิจการ Foodpanda ในครั้งนี้ด้วย
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ข้อมูลดังกล่าวมาจากแหล่งข่าวภายในที่ใกล้ชิดกับบริษัท และในขณะนี้ Meituan กำลังพูดคุยหารือกับ Delivery Hero ถึงเรื่องผลประโยชน์และโอกาสในการขยายธุรกิจหลังเข้าซื้อกิจการจริง
อย่างไรก็ตาม การพูดคุยนี้อาจไม่ได้นำไปสู่การซื้อกิจการ เพราะอาจมีผู้ซื้อรายอื่นเข้ามาพร้อมกับข้อเสนอที่ดีกว่า หรืออาจมีปัญหาด้านธุรกิจอื่นๆ เกิดขึ้นในระหว่างมีการเจรจา โดย Delivery Hero ได้ประกาศขายกิจการและแบรนด์ Foodpanda ใน 7 ประเทศอาเซียนคือ สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย กัมพูชา เมียนมาร์ และลาว ในเดือนกันยายน เพราะพบว่ายอดขายในภูมิภาคมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง และลดลงถึง 6.2% ในไตรมาสที่ 3 ซึ่งบริษัทมองว่าตัวเองไม่สามารถบริหารจัดการได้
ทั้งนี้ หาก Meituan เข้าซื้อกิจการ Foodpanda ของ Delivery Hero ได้สำเร็จจริง การขยายธุรกิจของ Meituan ในครั้งนี้ จะกระทบกับการดำเนินธุรกิจของ Grab ในภูมิภาคอาเซียนพอสมควร เพราะ Meituan เป็นบริษัทใหญ่ที่มีกิจการในมากกว่า 2,800 เมืองในจีน และประเทศอื่นๆ ซึ่งมีทั้งศักยภาพและกำลังทุนทำให้ Foodpanda กลับมาเป็นคู่แข่งสำคัญของ Grab ที่เพิ่งทำกำไรสำเร็จเป็นครั้งแรกตั้งแต่ก่อตั้งมา 11 ปีในปีนี้
โดยหลังจากมีข่าวดังกล่าวออกมา หุ้นของ Delivery Hero ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เยอรมนี ราคาดีดขึ้น 3% ไปอยู่ที่ 32.22 ยูโรต่อหุ้นในวันพฤหัสบดี ขณะที่หุ้นของ Meituan ลดลง 3% ในตลาดหุ้นฮ่องกง
บลูมเบิร์กมอง Grab เสียโอกาส Meituan กำลังฟื้น
จากการวิเคราะห์ของบลูมเบิร์ก หาก Delivery Hero ตัดสินใจขายกิจการให้กับ Meituan จริง ดีลในครั้งนี้นับว่าจะเป็นการสูญเสียของ Grab เพราะนอกจากจะทำให้คู่แข่งรายสำคัญยังอยู่แล้ว ยังจะทำให้บริษัทเสียโอกาสในการเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดส่งอาหารจากในปัจจุบันที่อยู่ที่ 40-50% ไปเป็น 70%
ในไตรมาสที่ 2 Meituan ยังเพิ่งรายงานการเติบโตของรายได้หลังพบว่าปริมาณการบริโภคและสั่งอาหารเริ่มฟื้นตัวหลังเปิดประเทศ และประกาศขยายธุรกิจจากค้าปลีกไปเป็นแบบ Group Buying หรือโมเดลการสั่งซื้อสินค้าแบบกลุ่ม
นอกจากนี้ ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Meituan ยังเพิ่งปิดตัวธุรกิจรับส่งคนเพื่อลดต้นทุน และหันไปลงทุนกับบริการไลฟ์สตรีมมิ่งเพื่อแข่งกับคู่แข่งอย่าง ByteDance และ Douyin
ที่มา: Bloomberg