
การยุบสภาผู้แทนราษฎร ส่งผลให้บางมาตรการและบางโครงการที่รัฐบาลอนุทินประกาศไว้อาจต้องแท้ง ไม่สามารถไปต่อได้ หรืออย่างน้อยก็ต้องหยุดชะงักเพื่อพิจารณาให้ถี่ถ้วนว่ากฎหมายอนุญาตให้รัฐบาลรักษาการสามารถดำเนินโครงการนั้นได้หรือไม่
‘คนละครึ่ง พลัส เฟส 2’ ซึ่งรัฐบาลเคยบอกว่าจะได้ใช้ในเดือนมกราคม 2569 แต่ยังไม่ทันได้เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี คือหนึ่งโครงการสำคัญที่ต้องได้รับการอนุญาตจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพราะถึงแม้คาดว่าจะใช้งบประมาณรายจ่ายงบกลางในปีงบประมาณ ไม่ใช่การผูกพันงบประมาณข้ามปี แต่ก็อยู่ในข่ายที่ต้องพิจารณาว่าสร้างความได้เปรียบ-เสียเปรียบในการเลือกตั้งหรือไม่
ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 169 กำหนดให้คณะรัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่งจากการยุบสภาผู้แทนราษฎร ต้องปฏิบัติหน้าที่ภายใต้เงื่อนไข 4 ข้อ คือ
แสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (เลขาฯ กกต.) ให้ข้อมูลเมื่อวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมาว่า โครงการคนละครึ่ง พลัส เฟส 2 นั้นเกี่ยวพันกับข้อที่ 1 ซึ่งในการพิจารณานั้น กกต.คำนึงถึงว่าการดำเนินโครงการจะสร้างความได้เปรียบ-เสียเปรียบในการแข่งขันหรือไม่ หากไม่สร้างความได้เปรียบ-เสียเปรียบ จึงจะอนุญาตให้ดำเนินการได้
หลังจากที่อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการการกระทรวงมหาดไทย มอบหมายให้ บวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกฯ เป็นตัวแทนหารือกับ กตต. ล่าสุด ในวันนี้ (16 ธันวาคม 2568) มีการเปิดเผยคำตอบชัดเจนแล้วว่า ‘คนละครึ่ง พลัส เฟส 2’ ไม่ได้ไปต่อ
อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการการกระทรวงมหาดไทย บอกกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบรัฐบาล หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีรักษาการว่า ไม่สามารถเดินหน้าโครงการได้ในขณะเป็นรัฐบาลรักษาการ แต่บอกเป็นนัยว่าหากได้กลับมาเป็นรัฐบาลจะเดินหน้าต่อ
“เราทำตามกติกา ตอนนี้เรายุบสภาแล้ว เราไม่สามารถนำงบกลางมาใช้ได้ ต้องรอให้กลับมาเป็นรัฐบาลปกติก่อน” อนุทินกล่าว
ขณะที่ เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ไม่สามารถดำเนินโครงการคนละครึ่ง พลัส เฟส 2 ได้ เพราะติดขัดข้อกฎหมาย ส่วนมาตรการหรือโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่น ๆ ที่เป็นการผูกพันงบประมาณข้ามปี ก็ไม่สามารถทำได้เช่นกัน เนื่องจากคณะรัฐมนตรีรักษาการไม่สามารถผูกพันงบประมาณได้
“ดูแล้วน่าจะทำไม่ได้ หารือคุยกัน กกต.แล้ว ได้รับการยืนยันว่าติดขัดเรื่องข้อกฎหมายจึงไม่น่าจะทำได้ ส่วนมาตรการอื่น ๆ ก็ไม่น่าจะทำได้เช่นกัน เพราะ ครม.รักษาการไม่สามารถผูกพันงบประมาณได้ตามรัฐธรรมนูญ” รองนายกฯ และ รมว.คลังกล่าว