ธุรกิจการตลาด

สหรัฐฯ-แคนาดา-ยุโรป สั่งแบน TikTok ห้ามติดตั้งแอพในโทรศัพท์ราชการ

2 มี.ค. 66
สหรัฐฯ-แคนาดา-ยุโรป สั่งแบน TikTok ห้ามติดตั้งแอพในโทรศัพท์ราชการ

ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ หลายๆ ประเทศตะวันตกไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ แคนาดา และสหภาพยุโรปต่างออกมาประกาศแบนแอพพลิเคชั่น TikTok ในโทรศัพท์หรืออุปกรณ์ทำงานที่ออกโดยรัฐบาลทุกชนิด เพราะกังวลว่าข้อมูลความลับราชการสำคัญจะรั่วไหลไปหารัฐบาลจีน

โดยจากการรายงานของ BBC สหรัฐฯ ได้ประกาศแบน TikTok ในเครื่องมือของราชการตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคมปี 2022 และเพิ่งประกาศเดดไลน์เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ให้พนักงานในหน่วยงานของรัฐทั้งหมดลบ TikTok ออกจากเครื่องมือสื่อสารที่ใช้ทำงานทั้งหมดภายใน 30 วัน หรือภายในวันที่ 30 มีนาคม 2023

ในขณะที่ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2023 สหภาพยุโรป หรีอ อียู ก็ได้ออกมาประกาศแบน TikTok ในเครื่องมือสื่อสารที่ใช้ในราชการเช่นกัน โดยจะมีผลภายในวันที่ 15 มีนาคม 2023 และพนักงานทุกคนที่มีเครื่องมือสื่อสารของทางการอยู่ต้องลบ TikTok ออกจากเครื่องภายในวันนั้น เครื่องมือใหม่ที่ออกหลังจากวันที่ 15 จะติดตั้งโปรแกรมห้ามไม่ให้ติตตั้ง TikTok โดยอัตโนมัติ และที่สำคัญ คือ แม้แต่โทรศัพท์ส่วนตัวที่มีแอพพลิเคชั่นที่ใช้ทำงานอยู่ เช่น Skype และ E-mail ก็ต้องถอนการติดตั้ง TikTok ออกไปด้วย มิเช่นนั้น พนักงานจะไม่สามารถเข้าอีเมล์ทำงานและโปรแกรมเหล่านั้นได้อีก

หลังจากอียูประกาศกฎดังกล่าวออกมาไม่กี่วัน ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2023 รัฐบาลแคนาดาก็ได้ออกมาประกาศกฎเดียวกัน โดยกฎนี้จะมีผลภายในสัปดาห์นี้ พนักงานทุกคนจะต้องลบ TikTok ออกจากโทรศัพท์หรือเครื่องมือที่ใช้ทำงานทั้งหมด และรัฐบาลจะติดตั้งโปรแกรมแบนการติดตั้ง TikTok ในอุปกรณ์ทำงานทุกชิ้นในอนาคต

 

ทำไมหลายๆ ประเทศถึงออกมาแบน TikTok ในอุปกรณ์ทำงาน?

ทั้งสหรัฐฯ แคนาดา และสหภาพยุโรปให้เหตุผลเดียวกันว่า พวกเขามีข้อกังวลเรื่องความปลอดภัย เพราะมองว่า ByteDance ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ TikTok มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัฐบาลจีน ซึ่งทาง TikTok ยังมีอัลกอริธึมและการทำงานที่ลึกลับไม่ชัดเจน ทำให้เหล่ารัฐบาลตะวันตกกลัวว่า ข้อมูลสำคัญในเครื่องมือที่เหล่าพนักงานและเจ้าหน้าที่รัฐบาลใช้จะรั่วไหลผ่านทาง TikTok ไปสู่รัฐบาลจีน

นอกจากนี้ ด้วยความที่ TikTok มีผู้ใช้จำนวนมากทั่วโลก รัฐบาลจีนอาจใช้ TikTok บิดเบือนข้อมูลข่าวสาร ปล่อยข้อมูลเท็จ หรือแม้แต่ปล่อยข้อมูลในลักษณะที่เป็นโฆษณาชวนเชื่อให้กับผู้ใช้ทั้งโลกได้ 

ที่สำคัญ คือ หากรัฐบาลจีนใช้ TikTok เป็นเครื่องทางการเมืองและสอดแนมข้อมูลสำคัญของฝ่ายตรงข้ามจริง การรั่วไหลของข้อมูลนี้จะเป็นไปในทางเดียว เพราะจีนมีกำแพงต้านแอพพลิเคชั่นหรือเทคโนโลยีจากต่างชาติที่แน่นหนามาก ดูได้จากการที่จีนแบนเว็บไซต์ต่างชาติทั้งหมด แล้วสร้างทุกอย่างที่เป็นจีนขึ้นมาแทนไม่ว่าจะเป็น Baidu หรือ Weibo ที่เป็นเสิร์ชเอนจิ้นและโซเชียลมีเดียสำคัญของคนจีนแทน Google และ Facebook

โดยเมื่อปี 2022 ที่ผ่านมา TikTok กับอียูได้เคยมีกรณีกันมาก่อนแล้วหลัง TikTok ออกมายอมรับว่าเจ้าหน้าที่บางส่วนของ TikTok สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ในยุโรปได้ ซึ่งทำให้หลายๆ ประเทศในยุโรปเกิดความไม่ไว้วางใจ และเริ่มมีท่าทีต่อต้าน จนในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา TikTok ต้องส่ง Shou Zi Chew เป็นซีอีโอของบริษัทเข้าไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่อียูในเมืองบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ซึ่งผลการพูดคุยคงออกมาไม่ดีนัก ทางอียูจึงได้ออกมาประกาศกฎดังกล่าวในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ เมื่อเห็นว่าประเทศตะวันตกต่างทยอยออกมาแบน TikTok ในอุปกรณ์ทำงานราชการตามสหรัฐฯ โฆษกของกระทรวงการต่างประเทศของจีนก็ออกมากล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ใช้อำนาจในทางที่ไม่ควรเพื่อกีดกันบริษัทต่างชาติ และเรียกร้องให้สหรัฐฯ ปล่อยให้แต่ละบริษัทสามารถแข่งขันกันในตลาดได้อย่างเสรีและไม่มีการกีดกัน

 

นอกจากประเทศตะวันตกแล้วมีประเทศไหนอีกบ้างที่แบน TikTok?

นอกจากประเทศเหล่านี้ อีกประเทศที่แบน TikTok และแอพพลิเคชั่นอีกจำนวนมากจากจีนก็คือ ‘อินเดีย’ ที่ให้เหตุผลเรื่องความปลอดภัยและความมั่นคงของประเทศเช่นกัน

นอกจากนี้ หลายๆ ประเทศเช่น อินโดนีเซีย บังคลาเทศ และปากีสถาน ก็เคยออกมาแบน TikTok เป็นการชั่วคราวเช่นกันเพราะพบว่าบน TikTok มีการเผยแพร่คอนเทนต์ที่ไม่เหมาะสมสำหรับเจ้าหน้าที่รัฐบาล รวมไปถึงอัฟกานิสถานภายใต้การปกครองของตาลีบานในตอนนี้ที่แบนทั้ง TikTok และเกม PUBG เพราะเห็นว่าเป็นอิทธิพลที่ไม่ดีต่อเยาวชน

 

ที่มา: CNN, Reuters, GlobalNews

 

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT