ธุรกิจการตลาด

JD.com จ่อถอนตัวตลาด 'ไทย-อินโดฯ' หลังขาดทุนยับ 5 หมื่นล้าน

1 ธ.ค. 65
JD.com จ่อถอนตัวตลาด 'ไทย-อินโดฯ' หลังขาดทุนยับ 5 หมื่นล้าน

JD.com โบกมือลาประเทศไทย! สื่อจีนชี้เล็งทิ้งตลาด 'ไทย-อินโดฯ' ต้นปีหน้า หลังขาดทุนกว่า 5 หมื่นล้านในอาเซียน เบ็นเข็มเน้นตลาดในจีนแทน

เว็บไซต์ South China Mornig Post รายงานอ้างแหล่งข่าวว่า บริษัท JD.com อีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ในจีน กำลังพิจารณาจะถอนธุรกิจออกจากตลาดหลักในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะใน "ไทย" และ "อินโดนีเซีย" เนื่องจากเจอปัญหาเรื่องยอดขายมานานหลายปี โดยบริษัทจะขอมุ่งไปโฟกัสเฉพาะตลาดในบ้านเกิดอย่างจีนแทน 

รายงานระบุว่า JD.com กำลังมองหานักลงทุนที่จะเข้าเทกโอเวอร์ธุรกิจในอินโดนีเซีย "JD.ID" ซึ่งเป็นการร่วมทุนกันระหว่าง JD.com และ Provident Capital Partners บริษัทเพื่อการลงทุนในสิงคโปร์ โดยธุรกิจในอินโดนีเซียนั้นเพิ่งประกาศเลิกจ้างพนักงาน (เลย์ออฟ) ไปมากกว่า 200 คน เมื่อช่วงต้นปีนี้

ขณะที่ธุรกิจใน "ประเทศไทย" นั้น มีรายงานว่าบริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อถอนธุรกิจจาก JD Central ที่เป็นการร่วมทุนระหว่าง JD.com และ Central Group บริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของไทย โดย JD Central นั้นมีปัญหาขาดทุนนับตั้งแต่เริ่มเปิดตัวในปี 2017 โดยมียอดขาดทุนระหว่างปี 2017-2021 แล้วถึง 1,000 ล้านหยวนหรือเกือบ 5,000 ล้านบาท และ JD.com ได้เรียกผู้บริหารระดับสูงกลับประเทศจีนไปแล้วหลายราย 

JD Central มีมูลค่าการร่วมทุนประมาณ 1 พันล้านหยวน แต่ก็ขาดทุนมาอย่างต่อเนื่อง โดยเจอปัญหาเรื่องยอดขาย และแม้กระทั่งในแง่ของข้อมูลทราฟฟิก ก็ยังเป็นรองเมื่อเทียบกับ Central Online แพลตฟอร์มช้อปปิ้งของกลุ่มเซ็นทรัล และยิ่งถูกทิ้งห่างเมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของ 2 เจ้าตลาดอย่าง Shopee จากสิงคโปร์ และ Lazada จากจีน ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ Alibaba Group

ทั้งนี้ สื่อในจีนรายงานก่อนหน้านี้ว่าการขยายธุรกิจของ JD.com ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่งผลให้บริษัทขาดทุนไปแล้วมากกว่า 10,000 ล้านหยวน หรือเกือบ 5 หมื่นล้านบาทแล้ว

ความเคลื่อนไหวล่าสุดของ JD.com แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่จากจีนนั้นมีขึ้นในเวลาเดียวกันกับที่นาย หลิว เฉียงตง หรือ ริชาร์ด หลิว ผู้ก่อตั้งพยายามที่จะปรับโครงสร้างบริษัทใหม่ และหวังที่จะนำ JD.com กลับสู่จุดเริ่มต้นซึ่งก็คือ การขายสินค้าราคาถูกด้วยบริการที่มีคุณภาพนั่นเอง

JD.com รายงานกำไรสุทธิ 6 พันล้านหยวน ในไตรมาสที่ 3 ปีนี้ ซึ่งฟื้นตัวจากการขาดทุน 2.8 พันล้านหยวนในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยเป็นผลมาจากประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นในธุรกิจต่างๆ ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 2.435 แสนล้านหยวน เพิ่มขึ้น 11.4% จากปีก่อนหน้า

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT