ธุรกิจการตลาด

Porche กำไรปี2021 สูงสุดในโลก ปรับโมเดลใหม่สู่รถยนต์ไฟฟ้ากว่า80%ภายในปี 2030

26 มี.ค. 65
Porche กำไรปี2021 สูงสุดในโลก  ปรับโมเดลใหม่สู่รถยนต์ไฟฟ้ากว่า80%ภายในปี 2030

Porsche เผยยอดขายปี 2021 โต 15%  อยู่ที่ 33.1 พันล้านยูโร ส่งมอบรถทะลุ 3 แสนคันครั้งแรกในประวัติศาสตร์ Oliver Blume ประธานกรรมการบริหารของ Porsche AG  ประกาศเป็นองค์กร carbon-neutral ภายในปี 2030 รถกว่า 80% จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าสมบูรณ์แบบ

 

กระแสยานยนต์ไฟฟ้า เป็นเมกกะเทรนด์ของโลกไปแล้วบรรดาค่ายรถยนต์ ไม่ว่าจะยุโรป หรือ ญี่ปุ่นต่างออกมาประกาศตัวปรับเปลี่ยนสู่ยานยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบทั้งสิ้น รวมไปถึงรถหรูอย่าง ปอร์เช่ ที่ทาง Oliver Blume (โอลิเวอร์ บลูเม่) ประธานกรรมการบริหารของ Porsche AG  ระบุไว้เช่นกัน โดยปอร์เช่ได้ประกาศเจตนารมณ์ในการเป็นองค์กร carbon-neutral ภายในปี 2030 แต่ในปี 2025 คาดการณ์ว่าครึ่งหนึ่งของรถยนต์ใหม่ที่ปอร์เช่จำหน่าย จะเป็นรถพลังงานไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า 100% หรือรถยนต์ปลั๊ก อิน ไฮบริด plug-in hybrid ส่วนภายในปี 2030 สัดส่วนของรถยนต์ใหม่ที่จำหน่ายควรจะเป็นรถไฟฟ้าสมบูรณ์แบบ มากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์

 

ย้อนกลับมาดูความสำเร็จของ ปอร์เช่ ในปี 2021  สามารถขยับสถานะก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ที่มีผลกำไรสูงที่สุดในโลก โดยปอร์เช่ บริษัทผู้ผลิตรถสปอร์ตที่มีฐานบัญชาการตั้งอยู่ในสตุ๊ทการ์ทสามารถสร้างสถิติสูงสุดเท่าที่เคยมีมา ทั้งในส่วนของรายได้จากการขาย และผลกำไรจากการดำเนินงาน มียอดขายในปี 2021 อยู่ที่ 33.1 พันล้านยูโร เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่มีตัวเลขยอดขายอยู่ที่ 28.7 พันล้านยูโร นั่นหมายความว่ามียอดขายสูงขึ้นถึง 4.4 พันล้านยูโร คิดเป็นอัตราส่วนการเติบโต 15 เปอร์เซ็นต์ และผลกำไรจากการดำเนินงานสามารถทำได้ที่ 5.3 พันล้านยูโร สูงกว่าปีก่อนหน้าถึง 1.1 พันล้านยูโร เพิ่มขึ้น 27 เปอร์เซ็นต์ และนอกจากนี้ปอร์เช่ยังสามารถสร้างผลตอบแทนจากการขายเป็นสัดส่วนที่สูงถึง 16.0 เปอร์เซ็นต์ โดยปีก่อนหน้าอยู่ที่14.6 เปอร์เซ็นต์

 

นปี 2021 ปอร์เช่ ส่งมอบรถยนต์ทั้งหมด 301,915 คัน ให้แก่ลูกค้าทั่วทุกมุมโลก ตัวเลขดังกล่าวหมายถึงยอดจำหน่ายที่ทำลายสถิติสูงกว่า 300,000 คัน ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของบริษัท ซึ่งปีก่อนหน้า (2020) มียอดขายที่ 272,162 คัน

 

ส่วนหากดูเป็นรายภูมิภาค พบว่า ในปี 2021 ปอร์เช่มียอดส่งมอบรถยนต์ใหม่เพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาคทั่วโลก โดยประเทศจีนมียอดจำหน่ายสูงสุด จากตัวเลขเกือบ 96,000 คัน เพิ่มขึ้น 8 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเปรียบเทียบกับสถิติเดิมที่บันทึกไว้เมื่อปี 2020 และในทวีปอเมริกาเหนือปอร์เช่ยังมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกา มียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างน่าประทับใจโดยมีตัวเลขสูง มากกว่า 70,000 คัน เพิ่มขึ้นถึง 22 เปอร์เซ็นต์ เห็นได้ชัดว่าเป็นการพัฒนาการเติบโตไปในทางบวกในทวีปยุโรป โดยเฉพาะในประเทศเยอรมนี ปอร์เช่สามารถส่งมอบรถยนต์ใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 9 เปอร์เซ็นต์ หรือเกือบ 29,000 คัน

 

p21_0059-taycan-model-range

สำหรับรถยนต์รุ่นที่ทำยอดจำหน่ายสูงสุดคือปอร์เช่ คือ มาคันน์ (Macan) จำนวน 88,362 คัน และ คาเยนน์ (Cayenne) จำนวน 83,071 คัน ในขณะเดียวกันตัวเลขยอดขายของปอร์เช่ ไทคานน์ (Taycan) เพิ่มสูงขึ้นมากกว่าสองเท่า โดยลูกค้า 41,296 ราย ได้ตัดสินใจเป็นเจ้าของรถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าคันแรกของปอร์เช่ ซึ่งเป็นจำนวนที่แซงหน้า ปอร์เช่ 911 ยนตรกรรมสปอร์ตระดับตำนาน และถึงแม้ว่าจะสามารถสร้างสถิติใหม่ได้ที่ยอดจำหน่ายสูงถึง 38,464 คัน Oliver Blume ประธานกรรมการบริหารของ Porsche AG   ยังเล็งเห็นว่า ปอร์เช่ ไทคานน์ (Taycan) คือรถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้า 100 เปอร์เซ็นต์ และเป็นรถสปอร์ตที่ตอบสนองความต้องการให้แก่ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าดั้งเดิม ลูกค้ารายใหม่ หรือผู้เชี่ยวชาญในการขับขี่ ตลอดจนสื่อมวลชน โดยเราสามารถยกระดับรถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าของเราให้ยอดเยี่ยมเทียบเท่ากับรถรุ่นอื่น ๆ ในช่วงกลางทศวรรษนี้ได้ และเรามีแผนในการนำเสนอรถสปอร์ตเครื่องยนต์วางกลาง ปอร์เช่ 718 ที่จะพัฒนาพิเศษด้วยระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าสมบูรณ์แบบ

 p21_0055_a4_rgb_porsche-is-ex

 Porche Taycan

 

p21_0056-the-new-entry-level-

 Porche Taycan

p21_0052-the-performance-batt

 ภายใน Porche Taycan

 

สืบเนื่องกลับไปเมื่อปีก่อน เกือบ 40 เปอร์เซ็นต์ของลูกค้าปอร์เช่รายใหม่ในทวีปยุโรป ตัดสินใจเป็นเจ้าของรถสปอร์ตพลังงานทางเลือก ประกอบด้วย รถยนต์ปลั๊ก อิน ไฮบริด (plug-in hybrids) หรือ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100%

 

 

porchepresscon

 

โอลิเวอร์ บลูเม่  ประธานกรรมการบริหารของ Porsche AG  บอกว่า  แม้อุตสาหกรรมรถยนต์ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่เราได้จัดเตรียมแผนกลยุทธ์ในอนาคตเพื่อเป็นการรับมือ และทำให้การปฏิบัติงานสามารถดำเนินไปอย่างราบรื่น โดยความสำเร็จดังกล่าวเกิดขึ้นจากการทำงานร่วมกันเป็นทีม

ด้าน Lutz Meschke รองประธาน และสมาชิกคณะกรรมการบริหาร ผู้กำกับดูแลส่วนงานการเงิน และเทคโนโลยีสารสนเทศ บอกถึง รากฐานอันแข็งแกร่งทางด้านโครงสร้างต้นทุนที่ดีเยี่ยม รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ยานยนต์ที่น่าสนใจของ Porsche AG สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพอันยอดเยี่ยมในการสร้างรายได้ที่บริษัทมีอยู่ สิ่งนี้คือตัวแทนของการเติบโตในแง่ของคุณค่า และความสำเร็จที่เกิดขึ้นอย่างงดงามในกิจการของเรา ถึงแม้การทำงานจะตกอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ยากลำบาก อาทิเช่น ภาวะการขาดแคลนอุปกรณ์ semiconductor ก็ตาม

 

โดยกระแสเงินสดสุทธิของ Porsche เพิ่มขึ้นอีก 1.5 พันล้านยูโร รวมเป็น 3.7 พันล้านยูโร ในปี 2021 (ปีก่อนหน้าอยู่ที่ 2.2 พันล้านยูโร) โดยดัชนีชี้วัดดังกล่าวยังเป็นการพิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ปอร์เช่ อยู่ในสถานะที่ดีเยี่ยมเพียงใด

 

Lutz Meschke ยังได้เน้นย้ำในเรื่องของการพัฒนาเชิงบวก คือส่วนหนึ่งที่เป็นผลจากโครงการระยะยาว profitability program ในปี 2025 ซึ่งได้รับการออกแบบเพื่อรองรับการจัดสรรรายได้เข้าบริษัทอย่างยั่งยืน ผ่านนวัตกรรม และโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ

 

 s21_5516_fine-5519-porsche-an

และเพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายดังกล่าว ปอร์เช่กำลังลงทุนร่วมกับพันธมิตรในธุรกิจสถานีชาร์จพลังงานระดับพรีเมียม เสริมด้วยโครงข่ายบริการชาร์จพลังงานของปอร์เช่โดยตรง โดยการลงทุนนี้จะขยายเขตให้ครอบคลุมไปยังเทคโนโลยีที่เป็นแกนหลัก อาทิ ระบบแบตเตอรี่ และการผลิตโมดูล ใน Cellforce Group องค์กรที่ก่อตั้งขึ้นใหม่ รวมไปถึงเซลล์แบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูง ที่กำลังอยู่ในระหว่างขั้นตอนการพัฒนา และการทดลองผลิต ซึ่งคาดว่าจะพร้อมสำหรับเดินสายการผลิตเต็มรูปแบบภายในปี 2024

 

 

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT