ทุกอย่างจบลงด้วยดี
คือข้อสรุปที่ได้จากการแถลงข่าวของคุณ ‘ชนินทธ์ โทณวณิก’ รักษาการประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา หลังจากเจอกับมรสุมดราม่าทางธุรกิจที่ถาโถมตั้งแต่เดือนพฤษภาคมต่อเนื่องมากว่าสี่เดือน
วันนี้คุณชนินทธ์รั้งตำแหน่งซีอีโอและยินดีกับคุณศุภจี สุธรรมพันธุ์ ที่โบกมือลาเพื่อไปรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของคณะรัฐมนตรี ‘อนุทิน 1’ พร้อมกับเสียงปรบมือเกรียวกราวจากภาคธุรกิจ ที่ได้นักธุรกิจหญิงเก่งมาช่วยบริหารบ้านเมือง
ผู้บริหารของดุสิตธานีประกาศว่าจะสามารถใช้หนี้ได้หมดในปี 2569 พร้อมกับการรับรู้รายได้จากการขายโครงการดุสิต เรซิเดนซ์ มูลค่ากว่า 1.6 หมื่นล้านบาทจากยอดขายที่เริ่มรับรู้รายได้เข้ามาตั้งแต่ปลายปีนี้ ซึ่งถือว่าทำได้ดี เพราะขายได้ถึง 94% ของห้องชุดทั้งหมด ตอกย้ำความเข้มแข็งของแบรนด์ดุสิตที่สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจมายาวนาน
คงต้องรอดูตอนจบ(ของซีซั่นนี้) ในวันที่ 26 กันยายน 2568 ว่าผลการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นจะออกมาเป็นอย่างไร เพราะวาระในการถอดถอนคุณชนินทธ์ที่ยังคาอยู่ โดยหลายฝ่ายคาดว่าคงไม่มีอะไรพลิกล็อกให้ตกอกตกใจอีก
สิ่งที่น่าคิดคือบางช่วงบางตอนที่คุณชนินท์ให้สัมภาษณ์คือ ปัญหาความขัดแย้งในครอบครัวเริ่มหลังจากที่คุณหญิง ชนัตถ์ ปิยะอุย ผู้ก่อตั้งอาณาจักรดุสิตธานีเสียชีวิต เป็นไปตามแบบแผนของปัญหาธุรกิจครอบครัวที่เกิดขึ้นทั่วโลกและจะเกิดต่อไป นั่นคือ การจัดการมรดกและสืบทอดกิจการที่ไม่ชัดเจน
Price Waterhouse Coopers (PwC) เคยออกมาให้ความเห็นว่าธุรกิจครอบครัวส่วนใหญ่ไม่พร้อมปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงและ 85% ไม่ได้ทำแผนการสืบทอดกิจการ (Succession Plan) ซึ่งสะท้อนความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในแทบทุกวงศ์ตระกูลใหญ่ที่เรารู้จัก
ศาสตราจารย์พิเศษ กิติพงษ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเคยให้สัมภาษณ์ว่าปัญหาโลกแตกของธุรกิจครอบครัวมีทั้งการที่เจ้าของหรือผู้บุกเบิก ไม่ยอมปล่อยวาง ไม่วางมือเพื่อเปิดทางให้ทายาทธุรกิจเพราะกลัวลูกทำธุรกิจเจ๊ง หรือบางกรณี ตัวทายาทเองก็ไม่อยากกลับมาทำธุรกิจของที่บ้านเพราะมีแรงปรารถนาจะทำเรื่องอื่นมากกว่า
สอดคล้องกับหลายความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญเรื่องธุรกิจครอบครัวที่ย้ำว่าธุรกิจครอบครัวประกอบไปด้วยคำว่าธุรกิจ(ฺBusiness) และ ครอบครัว (Family) จะขาดการบริหารที่ดีอย่างใดอย่างหนึ่งไปไม่ได้
เมื่อธุรกิจมีปัญหา ขาดทุน ลงทุนผิดพลาด ผู้ถือหุ้นคนอื่นๆที่เป็นคนในครอบครัวก็ไม่พอใจ เพราะไม่ได้รับเงินปันผล มิหนำซ้ำมูลค่าหุ้นที่ถืออยู่อาจกระทบเพราะผลประกอบการไม่ดีอีก
หรือถ้ามีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกันในครอบครัว แม้ธุรกิจจะไปได้ดีอยู่แท้ๆ แต่ต้องมาแบ่งสมบัติ ฟ้องร้อง หรือตั้งธุรกิจใหม่มาแข่งขันกันเอง สุดท้ายก็จะเจ็บตัวกันไปหมด
มองธุรกิจครอบครัวตั้งแต่ร้านตามตึกแถวไปจนถึงบริษัทมหาชนขนาดใหญ่ ขึ้นชื่อว่าธุรกิจครอบครัวก็ล้วนสุ่มเสี่ยงต่อเรื่องดราม่าได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรักลูกไม่เท่ากัน ลูกชายได้ทุกอย่าง ลูกสาวไม่ได้อะไรเลย (แต่งงานแล้วถือเป็นคนนอก) ลูกรักลูกชัง หรือการใช้จ่ายที่ผิดพลาดของคนในครอบครัวที่นำไปสู่ความยากลำบากทางธุรกิจ
เรื่องพินัยกรรมหรือแผนการสืบทอดกิจการดูจะเป็นเรื่องอัปมงคที่หัวหน้าครอบครัวปฏิเสธจะพูดถึง เพราะมีทั้งเหตุผลและอารมณ์มาเกี่ยวข้อง บ่อยครั้งที่อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลจนนำมาสู่ภาพข่าวของตระกูลใหญ่ที่เราได้เห็นกันอยู่บ่อย
ตัวอย่างคลาสสิคระดับโลกคือ ตระกูลกุชชี่ ผู้สร้างแบรนด์แฟชั่นหรูระดับตำนานจากอิตาลีที่ทายาทธุรกิจทะเลาะกับผู้เป็นลุงและญาติๆ เกิดการฟ้องร้องกันไปมาเรื่องโกงภาษีและการใช้เงินของบริษัท จนนำไปสู่การขายหุ้นส่วนใหญ่ให้กับ Kering จากฝรั่งเศส และตระกูลสูญเสียอำนาจการควบคุมไปในที่สุด
หรืออย่างกรณีตระกูลอัมบานีผู้เป็นใหญ่ของอินเดีย เมื่อธีรุไบ อัมบานีผู้ก่อตั้ง Reliance Group จากไปในปี 2002 โดยไม่ได้เขียนพินัยกรรมทิ้งไว้ ลูกทั้งสองคนอย่างมูเกซและอนิล ก็ฟ้องร้องแย่งสมบัติจนนำไปสู่การแยกออกมาตั้งธุรกิจของใครของมัน ซึ่งต่อมามูเกซกลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดของอินเดีย ขณะที่อนิลกลับกลายเป็นบุคคลล้มละลาย
ในบรรดาตระกูลใหญ่จึงมักจัดตั้ง ‘สภาครอบครัว’ (Family Council) ขึ้นมาเพื่อให้สมาชิกในครอบครัวมีส่วนร่วมกำหนดทิศทางไปด้วยกัน ไม่ผูดขาดกับใครหรือบ้านใดบ้านหนึ่ง สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือการเขียนธรรมนูญครอบครัวเพื่อเป็นแกนกลางและไม้บรรทัดสำหรับการชี้ผิดชี้ถูกในครอบครัวด้วย
หนึ่งในตระกูลที่เป็นตัวอย่างธุรกิจครอบครัวที่ประสบความสำเร็จในการบริหารจัดการและมีธรรมนูญครอบครัวที่เป็นต้นแบบคือ ตระกูลจิราธิวัฒน์แห่งเครือเซ็นทรัลนี่เอง จนทุกวันนี้ก็ยังไม่มีตระกูลไหนที่ทำได้โดดเด่นกว่า
แม้เซ็นทรัลจะออกมาแก้ข่าวว่าไม่มีความคิดจะครอบงำกิจการของดุสิตธานีอย่างที่ถูกกล่าวหา แต่ก็ทำให้ผู้เขียนสงสัยและอยากหาความจริงเหมือนกันว่า ถ้าเป็นกรณีแบบนี้ ธรรมนูญครอบครัวของตระกูลจะเขียนไว้ว่าอย่างไรบ้าง
คุณค่าของครอบครัวคือสิ่งที่สะท้อนผ่านคุณค่าและการกระทำของสมาชิกในครอบครัวนั่นเอง
นักข่าวเศรษฐกิจและผู้ก่อตั้งเพจ BizKlass