Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ศุภจีลาออก ‘ดุสิตธานี’ ชนินทธ์นั่ง CEO แทน สัญญาณความขัดแย้งคลาย
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

ศุภจีลาออก ‘ดุสิตธานี’ ชนินทธ์นั่ง CEO แทน สัญญาณความขัดแย้งคลาย

12 ก.ย. 68
16:22 น.
แชร์

ศุภจี พร้อมนั่งเก้าอี้ รมว.พาณิชย์ ลาออกจากดุสิตธานีแล้ว ชนินทร์ โทณวณิก เป็น CEO แทน แถลงรับรองปัญหาทุกอย่างจบด้วยดี สัญญาณความขัดแย้งของผู้ถือหุ้นใหญ่คลาย ทำหุ้น DUSIT ปิด +8.47%

วันที่ 12 กันยายน 2568 บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DUSIT แจ้งต่อตาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า มติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 11/2568 ซึ่งประชุมวันที่ 12 กันยายน 2568 มีมติที่สำคัญ ดังนี้

1. รับทราบการลาออกของนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ในตำแหน่งกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 12 กันยายน 2568 เนื่องจากติดภารกิจอื่นที่ต้องอุทิศตนในการทำงานเต็มเวลา 

2. อนุมัติแต่งตั้งนายชนินทธ์ โทณวณิก ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม แทนนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ที่ลาออกจากตำแหน่ง 

3. อนุมัติการแต่งตั้ง นายภควัต โกวิทวัฒนพงศ์ ดำรงตำแหน่งกรรมการ แทนนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ที่ลาออกจากตำแหน่ง 

4. อนุมัติแต่งตั้ง นายสมประสงค์ บุญยะชัย ดำรงตำแหน่งกรรมการอิสระ แทนนางนวลพรรณ ล่ำซำ ที่ลาออกจากตำแหน่ง 

5. อนุมัติการเปลี่ยนแปลงอำนาจกรรมการที่จะกระทำแทนบริษัท จากเดิม “ชื่อและจำนวนกรรมการ ซึ่งมีอำนาจลงลายมือชื่อแทนบริษัท คือ นายชนินทธ์ โทณวณิก นางสินี เธียรประสิทธิ์ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ กรรมการ 2 ใน 3 คนนี้ ลงลายมือชื่อร่วมกัน และประทับตราสำคัญของบริษัท” เปลี่ยนเป็น “ชื่อและจำนวนกรรมการซึ่งมีอำนาจลงลายมือชื่อแทนบริษัท คือ นายชนินทธ์ โทณวณิก นางสินี เธียรประสิทธิ์ นายภควัต โกวิทวัฒนพงศ์ กรรมการ 2 ใน 3คนนี้ลงลายมือชื่อร่วมกัน และประทับตราสำคัญของบริษัท”

โดยการเปลี่ยนแปลงข้างต้น มีผลตั้งแต่วันที่ 12 กันยายน 2568 เป็นต้นไป

นอกจากนั้น บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) แถลงต่อสื่อมวลชนว่า บริษัทฯ ได้รับแจ้งจากนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ว่าหลังจากได้รับการทาบทามจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้เข้าดำรงตำแหน่ง “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์” และนางศุภจีได้ตัดสินใจตอบรับการทาบทามเพื่อดำรงตำแหน่งดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงมีความประสงค์จะขอเกษียณอายุก่อนครบกำหนดจากตำแหน่ง “ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม” บมจ. ดุสิตธานี เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของทีมเศรษฐกิจ ที่จะร่วมขับเคลื่อนนโยบายสำคัญ เพื่อพัฒนาประเทศในช่วงที่ต้องเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน

และเพื่อให้การดำเนินงานของบริษัทฯ เป็นไปอย่างต่อเนื่องและมั่นคง คณะกรรมการบริษัทฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2568 ได้มีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายชนินทธ์ โทณวณิก รักษาการประธานกรรมการ เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม ควบอีกหนึ่งตำแหน่ง เพื่อให้การบริหารจัดการและนโยบายต่างๆ ในระยะเปลี่ยนผ่าน สามารถดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่น 

นายชนินทธ์ โทณวณิก รักษาการประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ดุสิตธานี เปิดเผยว่า ในฐานะองค์กรที่ดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับความรับผิดชอบต่อสังคมและประเทศชาติ ดุสิตธานีรู้สึกเป็นเกียรติและภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่นางศุภจีได้รับโอกาสอันสำคัญนี้ ซึ่งจะเป็นการอุทิศตนเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติในช่วงรอยต่อที่สำคัญของบ้านเมือง

“บริษัทขอขอบคุณคุณศุภจีสำหรับความทุ่มเท ความเป็นผู้นำ และวิสัยทัศน์ที่ได้หล่อหลอมองค์กรตลอดที่ผ่านมา จนภารกิจในการวางรากฐานให้กลุ่มดุสิตธานีพร้อมที่จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง สามารถสำเร็จลุล่วงด้วยดี ในขณะที่ภาพรวมทางเศรษฐกิจของประเทศในช่วงเวลานี้ต้องการผู้ที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาเป็นแรงขับเคลื่อน ซึ่งนับเป็นเรื่องเร่งด่วน ภายใต้เงื่อนเวลาที่จำกัด กลุ่มดุสิตธานีจึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่คุณศุภจีจะได้ใช้ความรู้ความสามารถทำงานรับใช้ชาติและประชาชน ซึ่งเป็นช่วงเวลาสั้นๆ และหากภารกิจของชาติเสร็จสิ้นเป็นเรียบร้อย กลุ่มดุสิตธานีก็พร้อมจะต้อนรับคุณศุภจีกลับมาเสมอ โอกาสนี้ ผมขอร่วมแสดงความยินดีและอวยพรให้คุณศุภจีประสบความสำเร็จอย่างสูงในภารกิจอันทรงเกียรตินี้ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนอย่างยั่งยืน” นายชนินทธ์กล่าว

ขณะที่ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลาเกือบ 10 ปีที่ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ดุสิตธานี รู้สึกเป็นเกียรติและภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างแบรนด์ไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับโลก และสามารถทำให้ “ดุสิตธานี” เป็นหมุดหมายที่สำคัญของประเทศไทยจากนักเดินทางทั่วทุกมุมโลก พร้อมกันนี้ ขอขอบคุณทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำงาน ทั้งผู้ถือหุ้น กรรมการบริษัท ผู้บริหาร พนักงาน ลูกค้า และคู่ค้าของดุสิตธานี ที่ร่วมแรงร่วมใจฝ่าฟันวิกฤติรวมทั้งปัจจัยท้าทายจนทำให้แบรนด์ “ดุสิตธานี” เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง สง่างาม และน่าภาคภูมิใจ

สำหรับการดำเนินงานของกลุ่มดุสิตธานีหลังจากนี้ จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากแผนงานเดิมที่ได้ถูกวางรากฐานไว้อย่างมั่นคงตลอดระยะเวลาเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงแรม ธุรกิจการศึกษา ธุรกิจอาหาร และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงโครงการ “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” (Dusit Central Park) มูลค่ากว่า 46,000 ล้านบาท ที่จะเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งตามเป้าหมายเดิมที่วางไว้ ด้วยทีมบุคลากรที่มีคุณภาพของกลุ่มดุสิตธานีที่ยังคงทุ่มเททำงานอย่างเต็มกำลังเหมือนที่ผ่านมา ดังนั้น ขอให้ผู้ลงทุน ลูกค้า คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ รวมถึงทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง มั่นใจและเชื่อมั่นในสิ่งที่ “ดุสิตธานี” ดำเนินการมาโดยตลอด  

“อยากให้ทุกคนมั่นใจว่า สิ่งที่ถูกส่งต่อและวางไว้บนมือของผู้บริหารและพนักงานของกลุ่มดุสิตธานีหลังจากนี้ คือ การเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของดุสิตธานี บนรากฐานที่มั่นคง ที่ดิฉันและทีมดุสิตธานีทุกคนร่วมกันสร้างไว้ และนี่คือ สิ่งที่เราพยายามทำมาตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา นั่นคือ ไม่ว่าจะเผชิญกับปัจจัยท้าทาย หรือความเปลี่ยนแปลงใดๆ ก็ยังเชื่อมั่นได้ว่า ทั้งโครงสร้างองค์กร โครงสร้างธุรกิจ และโครงสร้างทางการเงินของกลุ่มดุสิตธานี จะรองรับกับทุกความเปลี่ยนแปลงนั้นได้เป็นอย่างมั่นคง สุดท้ายนี้ ดิฉันขอขอบคุณคุณชนินทธ์ โทณวณิก รักษาการประธานกรรมการ ที่ให้โอกาสและมอบหมายให้ทำภารกิจสำคัญจนลุล่วง รวมถึงยินดีและเต็มใจที่จะให้ดิฉันมีโอกาสใช้ความรู้ความสามารถในการรับใช้ประเทศชาติและประชาชน และดิฉันเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า ดุสิตธานีจะสามารถยืนหยัดได้อย่างแข็งแกร่งในฐานะแบรนด์ไทยในระดับโลกได้อย่างยั่งยืน” นางศุภจีกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในการแถลงข่าว นายชนินทธ์ โทณวณิก กล่าวถึงปัญหาความขัดแย้งของผู้ถือหุ้นใหญ่ที่เป็นข่าวเมื่อเร็วๆ นี้ว่า “ในเรื่องปัญหาต่างๆ รับรองว่าในหลักการแล้วทุกอย่างจะสามารถจบลงได้ดี เพราะสิ่งที่คุณแม่สร้างไว้ ทำให้ดุสิตธานีเป็นสิ่งที่ทุกคนอยากรักษาไว้” 

“มีข่าวเยอะมากว่าดุสิตมีปัญหา ไม่จ่ายปันผลมา 5 ปี มีหนี้สะสมมากกว่าพันล้านบาท ที่จริงแล้วเราทำได้ดีมาก เป็นบริษัทโรงแรมเดียวที่ไม่ได้เพิ่มทุน เป็นบริษัทโรงแรมเดียวที่ทำโครงการใหญ่มากเมื่อเทียบกับทุนจดทะเบียนหรือขนาดธุรกิจ ซึ่งกรรมการได้ตัดสินใจจะทำโครงการให้เป็นที่จดจำ เป็นโครงการที่ไม่ใช่แค่โรงแรม แต่มีโรงแรม ศูนย์การค้า ออฟฟิศ และที่อยู่อาศัย (residence) … แม้จะมีปัญหาการก่อสร้างล่าช้าในช่วงโควิด แต่เพราะแบรนด์ดุสิตธานีได้รับความเชื่อถือ จึงขายห้องชุดได้แม้ในช่วงโควิด” นายชนินทธ์กล่าวถึงผลการดำเนินงาน และบอกอีกว่า “ในปีหน้า หนี้สินของดุสิตธานีจะหมด และภาพทุกอย่างจะเปลี่ยนไป”

ด้านนางศุภจีกล่าวว่า ธุรกิจ residence จะเริ่มทยอยโอนในปีนี้ และจะมีการโอนที่มีนัยสำคัญในปีหน้า ดังนั้น รายได้รับรู้จะเปลี่ยนเป็นรายได้จริง และจะลดภาระหนี้ได้เกือบหมด “จะเห็นภาพ DUSIT กลับมาสดใส” จะมีรายได้ทยอยเข้ามาตั้งแต่ปีนี้ และเข้ามาก้อนใหญ่ๆ ในปีหน้า ประมาณ 80% ของจำนวนยูนิตทั้งหมด ส่วนการลงทุนโครงการใหม่ยังไม่มีในแผน 

“คาดว่าจะไม่มีความผันผวนมากนัก ถ้าสามารถโอนได้ตามที่วางแผนไว้ มีกำไรแน่นอน ถ้าไม่เกิดปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ คงไม่มีอะไรทำให้แผนสะดุด ถ้าทุกอย่างเดินไปตามปกติ คงไม่มีปัญหาอะไร” 

นอกจากนั้น นางศุภจีกล่าวถึงธุรกิจท่องเที่ยวว่า จำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศในครึ่งปีแรกติดลบ นักท่องเที่ยวจีนลดลงไป 30-40% ในมุมของดุสิตธานี ในมุมภาคธุรกิจ มองว่าต้องมองหานักท่องเที่ยวเซกเมนต์ใหม่ๆ เข้ามา

“ในมุมของเอกชน บอกรัฐบาลเสมอว่าปัญหาการท่องเที่ยวไม่ใช่แก้ได้ด้วยการท่องเที่ยวอย่างเดียว แต่ต้องมีหลายอย่างสนับสนุนกัน เช่น ทำให้เดินทางเข้ามาสะดวกสบาย ทำเรื่องความปลอดภัย การทำ medical tourism ก็ต้องได้รับความร่วมมือจากกระทรวงสาธารณสุข ถ้าจะให้ท่องเที่ยวเป็นเครื่องยนต์เศรษฐกิจ ก็ต้องดูแลเรื่ององค์รวม” 

ทั้งนี้ นางศุภจีปฏิเสธตอบคำถามของผู้สื่อข่าวที่ถามถึงแผนการทำงานในบทบาทรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แต่บอกว่า มีแผนในใจแล้ว และจะสามารถแก้เพนเพอยต์ได้ทันในเวลา 4 เดือนแน่นอน 

“แก้ทันแน่นอน แต่ยังไม่บอก” นางศุภจีกล่าว 

แชร์
ศุภจีลาออก ‘ดุสิตธานี’ ชนินทธ์นั่ง CEO แทน สัญญาณความขัดแย้งคลาย