Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
“เรายังเป็นเพื่อนกันไหม” ชาวเกาหลีใต้ขึ้นป้ายถามสหรัฐฯ ปมส่งกลับผีน้อย
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

“เรายังเป็นเพื่อนกันไหม” ชาวเกาหลีใต้ขึ้นป้ายถามสหรัฐฯ ปมส่งกลับผีน้อย

12 ก.ย. 68
17:20 น.
แชร์

แรงงานถึงบ้าน ท่ามกลางความร้าวฉานเกาหลี-สหรัฐฯ

แรงงานชาวเกาหลีใต้มากกว่า 300 คนที่ถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองในรัฐจอร์เจียควบคุมตัวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ได้เดินทางกลับถึงกรุงโซลแล้ววันนี้ (12 กันยายน 2568)  นับเป็นการปิดฉากเรื่องราวที่สร้างความตกตะลึงให้กับชาวเกาหลีใต้ และอาจกำลังทำให้ความสัมพันธ์ฉันมิตรที่ใกล้ชิดระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ต้องพลิกผัน

แรงงานกลุ่มนี้เดินทางมาถึงสนามบินนานาชาติในกรุงโซล จากเมืองแอตแลนตา ของสหรัฐฯ มีคนกลุ่มเล็ก ๆ รอคอยการมาถึงของพวกเขา โดยมีคนหนึ่งชูป้ายผ้าผืนใหญ่ที่เป็นภาพวาดเจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและบังคับใช้กฎหมายศุลกากร (ICE) ถือปืนและโซ่ตรวน พร้อมสวมหน้ากากใบหน้าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ซึ่งป้ายผ้านั้น มีข้อความเขียนว่า “เราเป็นเพื่อนกัน! ไม่ใช่เหรอ?”

ส่วนหนึ่งคือกลุ่มผู้ประท้วงที่แสดงความไม่พอใจต่อท่าทีของสหรัฐฯ เพราะมองว่าสหรัฐฯ ตบหน้าเพื่อนสนิทอย่างเกาหลีใต้ แต่อีกส่วนคือครอบครัวที่เป็นห่วงลูกหลานแรงงานของพวกเขา เมื่อได้เห็นภาพการจับกุมของเจ้าหน้าที่ ICE ในโรงงานฮุนได คุณแม่ของแรงงานคนหนึ่งเล่าว่า เธอไม่สามารถติดต่อลูกชายได้เลยหลังจากที่เขาถูกควบคุมตัว เธอกล่าวกับ CNN ว่า “แค่คิดว่าลูกถูกใส่กุญแจมือและโซ่ตรวนที่ข้อเท้าก็เป็นเรื่องที่สะเทือนใจอย่างมาก”

สัปดาห์ที่ผ่านมา บรรยากาศระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีใต้เต็มไปด้วยความสับสนและความหวาดกลัว เนื่องจากมีการจับกุม เป็นการบุกจู่โจม ตามมาด้วยการควบคุมตัวแรงงานเอาไว้หลายวันในศูนย์กักกันของ ICE ระหว่างนั้น นักการทูตระดับสูงของเกาหลีใต้ได้รีบรุดไปยังกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อเจรจาขอปล่อยตัวพวกเขา ขณะที่ความโกรธแค้นของประชาชนได้เพิ่มขึ้นในประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นการดูถูกดูแคลนจากพันธมิตรที่คบหากันมายาวนาน

เกาหลีใต้งง ทรัมป์ทำลายดีลที่คุยกันไว้

เกาหลีใต้และสหรัฐฯ เป็นพันธมิตรที่แนบแน่นมาตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเกาหลีในปี 1953 และได้เพิ่มความร่วมมือในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นในความพยายามร่วมกันเพื่อต่อสู้กับอิทธิพลของจีนในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก นอกจากนี้ เกาหลีใต้ยังเป็นที่ตั้งของฐานทัพในต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดของกองทัพสหรัฐฯ ซึ่งรองรับผู้คน 41,000 คน รวมถึงทหารและครอบครัวของพวกเขา

ดังนั้น ภาพของแรงงานฝีมือที่ถูกเจ้าหน้าที่ ICE ใส่กุญแจมือและโซ่ตรวนจึงสร้างความไม่พอใจให้กับชาวเกาหลีใต้จำนวนมาก และทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่เป็นสาเหตุให้แรงงานที่ถูกควบคุมตัวเหล่านี้เดินทางมายังสหรัฐฯ ตั้งแต่แรกเริ่ม ซึ่งเป็นความร่วมมือที่ตัวทรัมป์เองก็เคยให้การสนับสนุน

ในเดือนสิงหาคม การประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดีอี แจมยอง ของเกาหลีใต้ ได้ให้คำมั่นสัญญาเรื่องการลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ในสหรัฐฯ จากบริษัทขนาดใหญ่ของเกาหลี แต่ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าข้อตกลงเหล่านั้นเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงเรื่องภาษี ที่เคยระบุถึงการลงทุนมูลค่า 350,000 ล้านดอลลาร์ในสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้หรือไม่

อย่างไรก็ตาม บริษัทผู้ผลิตรถยนต์อย่างฮุนได นับเป็นหนึ่งในโครงการที่เกาหลีใต้สัญญาว่าลงทุนในสหรัฐฯ โดยประธานบริษัทฮุนไดให้คำมั่นว่าจะลงทุน 20,000 ล้านดอลลาร์ในสหรัฐฯ หลังจากได้พบกับทรัมป์ในเดือนมีนาคม และในภายหลัง มีการประกาศเพิ่มงบฯ ลงทุนอีก 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากการประชุมสุดยอดระหว่างทรัมป์และอี แจมยองในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

หลายคนจึงตกตะลึงเมื่อเจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและบังคับใช้กฎหมายศุลกากร (ICE) บุกเข้าตรวจค้นโรงงานแบตเตอรี่ในรัฐจอร์เจีย ซึ่งเป็นโรงงานที่ฮุนไดและแอลจีเป็นเจ้าของร่วมกัน ซึ่งไม่เป็นที่แน่ชัดว่าสถานะวีซ่าของคนงานเหล่านี้เป็นอย่างไร เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองอ้างว่าหลายคนเดินทางเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมายหรืออยู่เกินกำหนดวีซ่า แต่ทนายความของคนงานบางส่วนยืนยันว่าลูกความของพวกเขาทำงานอย่างถูกกฎหมาย 

รัฐบาลเกาหลีใต้แสดงท่าทีแข็งกร้าว

ก่อนหน้านี้ กระทรวงการต่างประเทศของเกาหลีใต้ระบุในแถลงการณ์ว่า นายโจ ฮยอน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของเกาหลีใต้ ได้เรียกร้องต่อ นายมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ให้คนงานเหล่านี้ได้รับอนุญาตให้กลับเข้าสหรัฐฯ และทำงานต่อไปได้ในภายหลัง

เจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ รับปากแต่ไม่มีเอกสารทางการผูกมัด โดยในแถลงการณ์ระบุว่า พวกเขา “เคารพจุดยืนนี้และจะดำเนินการตามกำหนดการส่งตัวกลับประเทศโดยเร็ว”

ด้านนายอี แจ-มยอง ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ใช้ท่าทีที่แข็งกร้าวต่อสหรัฐฯ เขาเตือนว่าสถานการณ์นี้ “น่าสับสนอย่างมาก” สำหรับบริษัทเกาหลีที่อยู่ในสหรัฐฯ จะทำให้ภาคธุรกิจตั้งคำถามว่า บริษัทควรไปลงทุนในสหรัฐฯ หรือไม่ และอาจมีผลกระทบอย่างต่อการลงทุนในอนาคต ทั้งนี้ รัฐบาลเกาหลีใต้กำลังเจรจาที่จะเปิดประเภทวีซ่าใหม่ หรือเพิ่มโควตาจำนวนวีซ่าสำหรับคนงานชาวเกาหลีใต้

ขณะที่ นายโฮเซ มูโนซ ซีอีโอของฮุนได แสดงความเห็นต่อสาธารณะครั้งแรกนับตั้งแต่มีการบุกค้น ระบุว่าโรงงานแบตเตอรีของฮุนไดในรัฐจอร์เจีย กำลังเผชิญกับความล่าช้าในการเริ่มต้นการผลิตออกไป อย่างน้อย 2-3 เดือน  สถานที่แห่งนี้มีกำหนดจะเป็นโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่แบบครบวงจรแห่งแรกของฮุนไดในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นโครงการที่ ผู้นำของสหรัฐฯ ให้คำมั่นว่าจะสร้างงาน 8,500 ตำแหน่งและพลิกโฉมเศรษฐกิจชนบท


แชร์
“เรายังเป็นเพื่อนกันไหม” ชาวเกาหลีใต้ขึ้นป้ายถามสหรัฐฯ ปมส่งกลับผีน้อย